อธิบายชัดๆ ที่มาที่ไปของลัทธิ QAnon ที่กำลังเขย่าประชาธิปไตยสหรัฐ
การบุกอาคารรัฐสภาในกรุงวอชิงตันดี.ซี.ของสหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เรียกตัวเองว่า “QAnon” เข้าร่วมวงด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เชื่อว่าเป็นแกนนำคนสำคัญของกลุ่มอย่าง เจค แองเจลี หรือ เจค็อบ แอนโธนี แชนสลีย์ ที่บุกเข้าไปถึงด้านในตัวอาคาร และแอชลีย์ แบบบิต อดีตทหารในกองทัพอากาศสหรัฐที่บุกคองเกรสจนถูกยิงเสียชีวิต คนเหล่านี้ทำให้ชื่อของ QAnon ถูกพูดถึงอีกครั้ง
ต่อไปนี้คือสรุปที่มาที่ไปและความเชื่อของกลุ่ม QAnon
1. QAnon คือทฤษฎีสมคบคิดที่ปราศจากมูลความจริงของกลุ่มขวาจัดที่เชื่อว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลสหรัฐ ร่วมมือกับนักการเมืองพรรคเดโมแครต มหาเศรษฐี และคนดังในวงการฮอลลีวูด ไม่ว่าจะเป็น ฮิลลารี คลินตัน, บารัก โอบามา, จอร์จ โซรอส หรือโอปราห์ วินฟรีย์ พยายามสร้างรัฐซ้อนรัฐ (deep state) เพื่อครอบงำสหรัฐ และยังกล่าวหาว่าคนกลุ่มนี้เกี่ยวข้องกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก รวมถึงเชื่ออีกว่าทรัมป์กำลังทำสงครามกับคนกลุ่มนี้อย่างลับๆ เพื่อช่วยโลก
2. QAnon ยังเชื่อคำกล่าวอ้างอื่นๆ อีกมากมายแต่ส่วนใหญ่มักมีเนื้อหาที่ขัดแย้งกันเอง โดยสาวกของกลุ่มมักจะหยิบยกเอาข่าว ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ และศาสตร์เกี่ยวกับตัวเลขมาเชื่อมโยงกันได้ข้อสรุปของตัวเองที่เหลือเชื่อสำหรับคนอื่นๆ
3. QAnon เริ่มเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์เมื่อเดือน ต.ค.2017 โดยผู้ใช้งานนิรนามรายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า Q โพสต์ข้อความในเว็บบอร์ด 4chan อ้างว่าตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลสหรัฐและสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นความลับระดับสูงที่เรียกว่า Q clearance ของรัฐบาลทรัมป์
4. ขณะนั้น Q ทำนายว่า ฮิลลารี คลินตัน อดีตคู่แข่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์จะถูกจับ และจะเกิดการจลาจลไปทั่ว ซึ่งคำทำนายนี้ไม่ได้เกืดขึ้นจริง แต่ Q ก็ยังโพสต์เรื่องราวต่างๆ เรื่อยมา รวมทั้งกรณี Pizzagate ในช่วงเลือกตั้งสหรัฐปี 2016 ที่บอกว่าฮิลลารีอยู่เบื้องหลังขบวนการลักพาตัวเด็ก โดยใช้ร้านพิซซ่าแห่งหนึ่งในกรุงวอชิงตันดี.ซี.เป็นที่กักขังและล่วงละเมิดทางเพศเด็ก
5.ข้อกล่าวหานี้ทำให้ร้านพิซซ่าและพนักงานของร้านดังกล่าวถูกคุกคามอย่างหนัก และมีชายรายหนึ่งจากรัฐนอร์ทแคโรไลนาที่เชื่อในทฤษฎีนี้บุกไปที่ร้านโดยใช้ปืนไรเฟิลยิงตัวล็อกประตูห้องเก็บของเพื่อจะเข้าไปค้นหาตัวเด็กๆ ที่เขาเชื่อว่าถูกจับมาและกำลังจะถูกส่งไปขาย
6.แม้จะมีการคาดเดาไปต่าง ๆ นานา แต่ยังไม่มีใครสามารถเปิดเผยได้ว่า คนที่อยู่เบื้องหลังคนที่ใช้ชื่อว่า Q นี้คือใคร หลายคนไม่เชื่อว่า Q เป็นคนระดับสูงในรัฐบาลตามที่อ้าง ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่ามีคนอยู่เบื้องหลัง Q หลายคน
7.กลุ่ม QAnon เริ่มปรากฏตัวเข้าร่วมแคมเปญหาเสียงเลือกตั้งของทรัมป์เมื่อเดือน ส.ค. 2018 ก่อนที่ความเชื่อนี้จะกระจายเป็นวงกว้างในโลกโซเชียลมีเดียผ่านแฮชแท็กประจำกลุ่ม อาทิ #SaveTheChildren #Wherewegoonewegoall และ #WWG1WGA
8.แม้ว่าทฤษฎีของ QAnon อาจดูเลื่อยลอยหรือพิลึกพิลั่น ไม่น่าเชื่อถือในสายตาของคนทั่วไป แต่กลับมีคนคล้อยตามทฤษฎีสมคบคิดนี้มากขึ้นเรื่อยๆ และเพิ่มขึ้นอย่างมากในโซเชียลมีเดียหลัก อาทิ เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ เรดดิต โดย มาร์ก อังเดร อาร์เจนติโน นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยคอนคอร์เดียระบุว่า สาวกกลุ่มเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัวในช่วงโควิด-19 ระบาด
9.ข้อมูลของเฟซบุ๊คพบว่า ระหว่างเดือน ม.ค.-ก.ย. 2020 สมาชิกของกลุ่ม QAnon ในกลุ่มเฟซบุ๊คและเพจเฟซบุ๊คเพิ่มขึ้น 581% โดยส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นหลังจากทางการสหรัฐประกาศปิดพรมแดนเมื่อเดือน มี.ค. เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของ Covid-19
10.ด้านทรัมป์บอกกับผู้สื่อข่าวว่าเขาไม่รู้เกี่ยวกับขบวนการที่ว่านี้มากนัก แต่ได้ยินมาว่า “นี่เป็นกลุ่มคนที่รักประเทศชาติ” และจากการวิเคราะห์ของ Media Matters of America พบว่า จนถึงเดือน ต.ค. 2020 ทรัมป์ช่วยให้ข้อมูลของ QAnon กระจายไปทั่วโลกออนไลน์อย่างน้อย 265 ครั้ง จากการรีทวีตหรืออ้างอิงถึงบัญชีทวิตเตอร์ 152 บัญชีที่เกี่ยวข้องกับ QAnon ไม่ว่าเจ้าตัวจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
11.นอกจากในสหรัฐแล้ว กลุ่ม QAnon ยังลุกลามเข้าไปในหลายประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งยุโรป อาทิ เยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศที่สองรองจากสหรัฐที่มีผู้เข้าร่วมและติดตาม QAnon มากที่สุดในต่างประเทศ โดยคนเหล่านี้ใช้แอพพลิเคชัน Telegram ส่งข้อความถึงกัน และมีสมาชิกกว่า 120,000 คน และยังมีฝรั่งเศส อิตาลี และอังกฤษ
12.สาวก QAnon มักจะใช้แฮชแท็กรุมโจมตีบุคคลที่คิดว่าเป็นศัตรู ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง เซเลบริตี และนักข่าวที่พวกเขาเชื่อว่าช่วยปกปิดการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก และพฤติกรรมคุกคามของคนกลุ่มนี้ไม่ได้อยู่เฉพาะในโลกออนไลน์เท่านั้น ที่ผ่านมาสาวก QAnon หลายคนถูกจับกุมในข้อหาข่มขู่หรือทำร้ายฝ่ายตรงข้าม โดยกรณีที่เป็นข่าวใหญ่เกิดขึ้นเมื่อปี 2018 เมื่อ แมทธิว ไรท์ ขนอาวุธหนักปิดสะพานเหนือเขื่อนฮูเวอร์นาน 90 นาที เนื่องจากไม่พอใจผลการสอบสวนการใช้อีเมล์ส่วนตัวของฮิลลารี โดยเขาเชื่อว่ามีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลตามที่ Q บอก
13.ปี 2019 สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐ หรือ FBI ระบุว่า QAnon อาจจะเป็นภัยคุกคามในประเทศอย่างหนึ่ง หลังจากเกิดความกังวลว่าผู้ที่เชื่อในทฤษฎีสมคบคิดนี้อาจก่อการร้ายภายในประเทศได้ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ FBI ระบุให้ทฤษฎีสมคบคิดเป็นภัยคุกคาม
14.เช่นเดียวกับศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายของโรงเรียนเตรียมทหารสหรัฐ (The United States Military Academy – West Point) ระบุว่า QAnon เป็นความท้าทายใหม่ต่อความมั่นคงสาธารณะ
15.ด้านเครือข่ายสังคมออนไลน์ซึ่งเป็นช่องทางหลักในการเผยแพร่แนวคิดนี้ก็เริ่มเข้ามาจัดการเช่นกัน โดยทวิตเตอร์ไล่แบนบัญชีที่เกี่ยวข้องกับ QAnon รวมทั้งเปลี่ยนอัลกอริทึมเพื่อลดการเผยแพร่ทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ โดยเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2020 ทวิตเตอร์ปิดบัญชี้ของ QAnon ไปถึง 70,000 บัญชีหลังกรณีบุกคองเกรส เช่นเดียวกับเฟซบุ๊คที่เริ่มติดตามโพสต์ที่มีแนวคิดเกี่ยวข้องกับ QAnon ตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้ว และลบบัญชีที่มีแนวโน้มจะก่อให้เกิดความรุนแรงเรื่อยมา
16.อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าการไล่ลบบัญชีต่างๆ เหล่านี้ไม่ช่วยให้ทางกลุ่มยุติการเคลื่อนไหว เพราะยิ่งห้ามหรือลบกลุ่มเหล่านี้บนโซเชียลมีเดียมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้คนกลุ่มนี้เชื่อไปอีกว่ากำลังทำสงครามข้อมูลกับสื่อและ deep state อยู่
17.ที่น่ากังวลก็คือพวก QAnon มีแนวโน้มที่จะเป็นลัทธิที่ทำให้ผู้คนเชื่อจนยอมตายได้ เช่น กรณีของแอชลีย์ แบบบิต อดีตทหารในกองทัพอากาศสหรัฐที่บุกคองเกรสจนถูกยิงเสียชีวิต เพื่อนของเธอที่ทำงานในกองทัพอากาศบอกว่าแอชลีย์เชื่อว่าการทำให้ทรัมป์บรรลุจุดประสงค์นั้น “ควรค่าแก่การสละชีวิต” และบอกว่าแอชลีย์เป็น “ชาวอเมริกันที่แท้จริง”
———————————————————————————————————————————————
ที่มา : โพสต์ทูเดย์ / วันที่ 12 มกราคม 2564
Link : https://www.posttoday.com/world/642544