โรงเรียนเทพาสั่งปิดให้นักเรียนสอบออนไลน์หลัง ผอ.ชักปืนหน้าเสาธง ขณะที่ “อังคณา” ชี้อย่าให้เรื่องอาวุธปืนมาเบี่ยงเบนประเด็นไม่รับผิดชอบกรณีละเมิดเด็ก โฆษกทัพภาค 4 ออกโรงยัน แม่ทัพไม่มีนโยบายให้พกอาวุธปืน ยกเว้นตำรวจ ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ อีกด้านตำรวจแจ้ง 2 ข้อหา ผอ.เทพา กระทำชำเรา พรากผู้เยาว์ แต่ยังไม่ตั้งข้อหาเรื่องอาวุธปืน
วันที่ 5 ก.พ.64 สำหรับบรรยากาศบริเวณโรงเรียนเทพา หลังจากเกิดเหตุผู้อำนวยการโรงเรียนเทพาชักอาวุธปืนหน้าเสาธงต่อหน้าเด็กนักเรียน 1,000 กว่า ราย ซึ่งเป็นวันสอบวันสุดท้าย ทางโรงเรียนได้ประกาศปิดและให้นักเรียนสอบออนไลน์แทน ในขณะครูยังคงเดินทางมาโรงเรียนเป็นปกติ ซึ่งในช่วงเช้าที่ผ่านมา ตั้งแต่ 09.00 น. – 11.40 น. ทางคณะครูของโรงเรียนร่วมกันประชุมกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อวานที่ผ่านมา อีกทั้งยังสั่งห้ามบุคคลภายนอกเข้าภายในโรงเรียนรวมตลอดช่วงเช้า ทางผู้บริหารหรือรักษาการผู้อำนวยการยังไม่ยอมให้สัมภาษณ์สื่ออ้างว่า ยังต้องปรึกษาหลายฝ่ายก่อนที่จะให้สัมภาษณ์
ทางเจ้าหน้าที่โรงเรียนรายหนึ่ง กล่าวว่า ตอนนี้ทางโรงเรียนมีรักษาการ ผอ.โรงเรียนแล้ว ทำหน้าที่ ผอ. แต่ยังไม่สะดวกให้สัมภาษณ์สื่อ ในส่วนของเด็กนักเรียน ทางโรงเรียนปิดเรียนในวันนี้ แต่ให้นักเรียนสอบออนไลน์แทนมาสอบปกติที่โรงเรียน ส่วนครูทั้งหมดยังต้องมาโรงเรียนปกติ
ด้านนักเรียนรายหนึ่ง กล่าวว่า วันนี้อ่านหนังสือเตรียมสอบ เพราะยังมีอีกหลายวิชา ส่วนเรื่องสอบออนไลน์ครูยังไม่ได้แจ้งอะไรวันนี้ ครูบอกแค่ว่า โรงเรียนปิด ส่วนตัวอยากให้มีทุกฝ่ายเอาจริงเรื่องชู้สาวกับนักเรียนเพราะเชื่อว่า ยังมีอีกหลายคนที่กำลังเป็นปัญหา เพราะเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เกิดที่นี้ครั้งแรก ที่อื่นก็เคยเกิดและเชื่อว่า ที่โรงเรียนของเรา จะไม่ใช่ที่สุดท้ายแน่ ถ้าหน่วยที่เกี่ยวข้องยังไม่เข้มงวดเรื่องเหล่านี้
นางอังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า เรื่องนี้มองว่าต้องแยกเป็นสองสามประเด็นและอย่าเอามารวมกัน ประเด็นแรกเรื่องเด็กหรือเด็กที่ถูกละเมิดหรือถูกคุกคามทางเพศ เพราะเด็กยังถือว่า เป็นเด็กต้องได้รับการคุมครอง โดยเฉพาะเป็นการคุกคามทางเพศ ในสถานที่ราชการสถานทีทำงาน ซึ่งไม่ได้อันนี้ผิดกฎหมายอาญา เพราะฉะนั้นอันนี้สหวิชาชีพเอง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องไป รีบเข้าไปให้ความคุ้มครองต่อเด็ก ที่เป็นผู้เสียหายและครอบครัวและเร่งรัดการดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิด คือ ผอ.โรงเรียน
ประเด็นที่ 2 เรื่องที่ผู้อำนวยการโรงเรียนพกอาวุธปืนเข้าไปในโรงเรียน แล้วให้เด็กเห็น มันอาจจะเป็นเหมือนกับ การขู่ว่าจะทำร้ายตัวเองหรือทำร้ายคนอื่นหรือเปล่า การพกอาวุธในโรงเรียน ก็มีหลักการสากลอยู่แล้วว่า ห้ามพกพาอาวุธในโรงเรียนหรือที่สาธารณะ ห้ามพกอาวุธอยู่แล้ว ที่นี้มาพกอาวุธให้เด็กเห็น ก็ทำให้เกิดความกลัว เราก็ไม่รู้ว่า ผอ.จะฆ่าตาย เกิด ผอ.มากราดยิงเด็ก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ ประมาณแบบนี้ก็เกิดขึ้นได้ ก็ต้องมาตรวจสอบ ทำแบบนี้ ผอ.อาจจะเครียดจนมีอาการทางประสาทก็ต้องนำฟื้นฟูรักษา แล้วหลังจากนั้นนำมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
นางอังคณา กล่าวอีกว่า อย่างน้อยควรพักงานและให้แพทย์ควรประเมินสุขภาพจิตใจ และตั้งคณะกรรมการสอบ แม้พื้นที่ตรงนี้ จะอยู่ในพื้นที่ของ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ไม่มีข้อยกเว้น โดยเฉพาะในพื้นที่ ที่มีความขัดแย้งทางอาวุธทั่วโลก จะมีปฏิญญาเรื่อง โรงเรียนปลอดภัย แม้เป็นพื้นที่สงครามทั้งสองฝ่ายไม่ว่าฝ่ายรัฐหรือ คู่ขัดแย้งจะต้องไม่ใช้ความรุ่นแรง พื้นที่ที่เป็นโรงเรียนไม่ว่าใครก็ทำไม่ได้ ก็แปลกใจทำไมล่าช้ามาก จริงต้องตั้งกรรมการตรวจสอบ ประเมินสภาพจิตใจและลงโทษทางวินัย ไม่ใช่ย้ายไปอยู่ที่อื่นและเร่งรัดให้มีการสอบให้เสร็จโดยเร็ว เพราะเป็นการกระทำต่อเด็ก
เรื่องแรกๆเป็นเรื่องการละเมิดทางเพศเด็ก มาสู่การใช้อาวุธ ทำให้เกิดความหวาดกลัว อย่าให้เหตุการณ์ พกอาวุธปืนมาเบี่ยงเบนประเด็นในการที่จะไม่ต้องรับผิดกรณีที่ละเมิดทางเพศเด็ก ถ้าทำผิดต้องรับผิดโดยเฉพาะ คนที่เป็นครูกระทำต่อเด็ก
นางกนกรัตน์ เกื้อกิจ ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต.กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวถึงการดูแลเด็กในกรณีดังกล่าวว่า มีหน่วยงานอย่างศูนย์สุขภาพจิตที่12 สงขลา กับ พมจ.สงขลา ที่เป็นหน่วยงานหลักในพื้นที่ ค่อยรับผิดชอบงานเกี่ยวกับเรื่องเด็ก โดยเฉพาะ มีหน้าที่ที่ชัดเจน ในการให้ความช่วยเหลือ ด้านจิตใจ และปัญหาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ส่วนหน้าที่หลักของสหวิชาชีพ ศอ.บต. เป็นหน่วยงานที่ให้การสนับสนุน วิชาการและงบประมาณตามความจำเป็นเท่านั้น
พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 4 ในฐานะโฆษกกองทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า แม่ทัพภาคที่ 4 หรือ ผอ.รมน.ภาค 4 ไม่มีนโยบาย ในเรื่องพกพาอาวุธไม่เคยอนุญาต ให้ใครพกพาอาวุธ ซึ่งเรื่องพกพาอาวุธเป็นเรื่องของกลไกปกติในสถานการณ์ความไม่สงบ ก็ไม่มีข้อยกเว้น คือ อำนาจอนุญาตของแม่ทัพไม่เคยมี เรื่องพกพาอาวุธเป็นเรื่องส่วนบุคคล ยกเว้นถ้าปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง คือ บุคคลที่อยู่ในโครงสร้างของ กอ.รมน. 4 ส่วนหน้า เช่น ทหาร ตำรวจ เป็นเจ้าหน้าที่ ทีต้องบังคับใช้กฎหมาย เราพกพาได้เฉพาะช่วงปฏิบัติหน้าที่
ทางด้าน พ.ต.อ.ธรรมรัตน์ เพชรหนองชุม ผกก.สภ.เทพา กล่าวว่า แม่เด็กได้แจ้ง 2 ข้อหากับ ผอ.โรงเรียนเทพาแล้วคือ ข้อหากระทำชำเราและพรากผู้เยาว์ โดยได้สอบปากคำแม่แล้วและได้บอกให้นำหลักฐานมาให้เจ้าพนักงาน ในส่วนของเด็กได้ส่งตรวจร่างกายวันแรกที่โรงพยาบาลเทพาและได้ประสานทีมสหวิชาชีพเข้ามาดูแลแล้ว ส่วนในเรื่องพกพาอาวุธปืนยังไม่ได้มีการแจ้งข้อหา
——————————————————————————————————————————————-
ที่มา : สำนักข่าวอิศรา / วันที่เผยแพร่ 5 ก.พ.64
Link : https://www.isranews.org/article/south-news/other-news/95729-thaphastop.html