รัฐบาลศรีลังกาเดินหน้าชงแผน ห้ามสวมสิ่งปกปิดใบหน้าในที่สาธารณะ ซึ่งจะกระทบต่อผู้นับถือศาสนาอิสลามโดยตรง โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ
สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า นายสารัธ วีระเสกะระ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งประเทศศรีลังกา เปิดเผยในวันเสาร์ที่ 13 มี.ค. 2564 ว่าเขาลงนามคำสั่งคณะรัฐมนตรี เรื่องการห้ามสวมสิ่งปกปิดใบหน้า ซึ่งรวมถึงผ้าบุรเกาะอ์ ของหญิงมุสลิม ในที่สาธารณะแล้ว และกำลังขออนุมัติจากรัฐสภา
ความเคลื่อนไหวล่าสุดเกิดขึ้นเกือบ 2 ปี หลังจากเกิดการโจมตีก่อการร้ายต่อเนื่องที่โรงแรมและโบสถ์ต่างๆ ในวันอีสเตอร์ เมื่อเดือนเมษายน 2562 ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 250 ศพ โดยกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม หรือ ไอซิส ออกมาอ้างเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตี
การโจมตีดังกล่าวทำให้รัฐบาลของประเทศศรีลังกา ซึ่งประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ก็ออกคำสั่งฉุกเฉินระยะสั้น ห้ามสวมสิ่งปกปิดใบหน้าในที่สาธารณะ และตอนนี้รัฐบาลกำลังพยายามรื้อฟื้นคำสั่งดังกล่าวมาใช้อย่างถาวร
นายวีระเสกะระ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อไม่นานมานี้ การสวมผ้าบุรเกาะอ์ กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของความสุดโต่งทางศาสนา ซึ่งกระทบต่อความมั่นคงของชาติ และคำสั่งแบนอย่างถาวรควรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้นานแล้ว
นอกจากนี้ นายวีระเสกะระ เผยด้วยว่า รัฐบาลมีแผนจะปิดโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามมากกว่า 1,000 แห่ง เนื่องจากไม่เคารพนโยบายการศึกษาของประเทศ “ไม่มีใครสามารถเปิดโรงเรียน และสอนอะไรก็ตามที่ต้องการให้แก่เด็กได้ พวกเขาต้องทำตามนโยบายการศึกษาที่รัฐบาลกำหนดไว้”
ด้านนายฮิลมี อาห์หมัด ออกมาตอบโต้แนวคิดของรัฐบาลศรีลังกา โดยระบุว่า หากเจ้าหน้าที่ประสบปัญหาในการระบุตัวตนของผู้ที่สวมผ้าบุรเกาะห์ ก็ไม่มีใครคัดค้านที่จะเปิดผ้าปิดหน้า เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ และทุกคนมีสิทธิ์ที่จะสวมสิ่งปกปิดใบหน้า โดยไม่เกี่ยวว่าจะนับถือศาสนาอะไร เพราะเป็นเรื่องของสิทธิ์
ทั้งนี้ เมื่อเดือนก่อน รัฐบาลศรีลังกาเพิ่งยกเลิกข้อบังคับที่ให้ฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งขัดต่อความเชื่อทางศาสนาอิสลาม ที่ให้ฝังศพผู้ตาย หลังจากเผชิญกระแสต่อต้านอย่างหนัก ขณะที่ คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) พิจารณาออกมติ แสดงความกังวลเรื่องการละเมิดสิทธิ์ในศรีลังกา ซึ่งรวมถึงการปฏิบัติต่อชาวมุสลิมด้วย
————————————————————————————————————————————————————-
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 14 มี.ค.2564
Link : https://www.thairath.co.th/news/foreign/2049747