หลังก่อเหตุกราดยิงสะเทือนขวัญชาวอเมริกัน มือปืนวัย 21 ปี ได้ยอมมอบตัวกับตำรวจ ต่อมามีการสืบสวนพบความเชื่อมโยงกับ แนวคิดรุนแรงต่อต้าน “การเหยียดชาวมุสลิม” และพบว่าอาจจะไม่มีแรงจูงใจทางการเมือง
เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ตำรวจสหรัฐฯ เปิดเผยว่า นายอาห์หมัด อัล อัลลีวี อลิซซา วัย 21 ปี ชาวอเมริกันเชื้อสายซีเรีย เป็นผู้ก่อเหตุกราดยิงที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต “คิง ซูเปอร์ส” ในเมืองโบลเดอร์ รัฐโคโลราโด เมื่อบ่ายวันจันทร์ 22 มี.ค. ตามเวลาในสหรัฐฯ ล่าสุดเขาโดนตั้งข้อหา 10 ข้อหา ฐานฆ่าผู้อื่นโดยมีการวางแผนไตร่ตรองไว้ก่อน และพยายามฆ่า โดยเบื้องต้นตำรวจเชื่อว่าเขาลงมือก่อเหตุเพียงลำพัง และยังไม่ทราบมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้
ลำดับเหตุการณ์นองเลือด
เมื่อเวลา 14.40 นาฬิกา นายอลิซซา ใช้อาวุธปืนพก “Ruger AR-556” ที่เพิ่งซื้อมาเมื่อวันที่ 16 มี.ค. หรือประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนก่อเหตุ เขาเดินไปกราดยิงผู้คนที่ลานจอดรถ “คิง ซูเปอร์ส” เสียชีวิต 2 ศพ ก่อนที่จะบุกเข้าไปข้างในซุปเปอร์มาร์เก็ตที่มีคนพลุกพล่าน แล้วลงมือกราดยิงอีกรอบ คราวนี้ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนที่หน่วยสวาทจะนำกำลังบุกเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ต ทำให้เขาต้องยอมมอบตัว เขาบอกว่าจะขอคุยกับแม่ จากนั้นได้ถอดเสื้อออกและวางปืนลงกับพื้น
โดยตำรวจพบผู้เสียชีวิตนอนเกลื่อนกับพื้น เป็นจำนวน 8 ศพ อายุระหว่าง 20-65 ปี หนึ่งในนั้นคือนายเอริค ทัลลีย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าไปยิงต่อสู้กับมือปืนจนเสียชีวิต
ต่อมาเวลา 15.28 น. มือปืนถูกตำรวจควบคุมตัวออกไปจากที่เกิดเหตุ เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาบาดแผลถูกยิงที่บริเวณขาข้างขวา จากนั้นเขาถูกนำตัวไปคุมขัง และโดนสอบสวนอย่างหนัก
มือปืนเป็นใคร
นายอาห์หมัด อลิซซา เกิดที่ซีเรีย แต่อพยพมาพร้อมครอบครัวอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ ตั้งแต่อายุได้ 3 ขวบ เขาอาศัยอยู่ในเมืองอาร์วาดา ตำรวจไปบุกตรวจค้นบ้านพักของเขาที่อยู่ห่างจาก “คิง ซูเปอร์ส” ไปประมาณ 50 กิโลเมตร พบอาวุธอื่นๆ จำนวนหนึ่ง ซึ่งจากการสอบปากคำพี่สะใภ้ของเขา ทราบว่าเมื่อไม่นานมานี้นายอลิซซา หันมาชอบเล่นปืน แต่เห็นแนวโน้มที่จะก่อเหตุรุนแรง
เอฟบีไอตรวจสอบเฟซบุ๊กส่วนตัวของมือปืนรายนี้ พบว่าตลอดช่วง 18 เดือนที่ผ่านมาเขามักจะโพสต์ข้อความในทำนองบ่นว่าไม่มีแฟน และยังเป็นพวก “เกลียดทรัมป์” แต่ไม่ได้มีแรงจูงใจทางการเมือง นอกจากนี้ยังมีข้อความที่ส่อให้เห็นถึงแนวคิดรุนแรงต่อต้านการเหยียดชาวมุสลิมในสหรัฐฯ และยังเคยเปิดเผยทางโซเชียลมีเดียว่าถูกคนพวกนี้แฮกโทรศัพท์
พี่ชายของเขาเปิดเผยกับสื่อท้องถิ่นว่า น้องชายของเขาเป็นพวก “ต่อต้านสังคมอย่างรุนแรง” มีอาการวิตกจริตต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม นอกจากนี้ยังมีอาการป่วยทางจิต และเป็นพวกที่เคยถูก “บูลลี่” หรือถูกเพื่อนเหยียดหยามล้อเลียนในโรงเรียน
รายงานข่าวระบุว่า ด้วยน้ำหนักตัวกว่า 90 กิโลกรัม สูง 160 เซนติเมตร เขามักจะถูกเพื่อนล้อว่า “อ้วน”
ด้านนิวยอร์ก ไทมส์ รายงานว่า เอฟบีไอ ตรวจพบประวัติของนายอลิซซา เนื่องจากเขามีความเชื่อมโยงกับบุคคลหนึ่งที่เคยถูกสอบสวน แต่ไม่เปิดเผยรายละเอียดอื่นใดมากกว่านี้
ขณะที่หนังสือพิมพ์เดนเวอร์ โพสต์ ไปสัมภาษณ์คนรู้จักของนายอลิซซา สมัยเรียนมัธยม เขาระบุว่า ในตอนนี้นายอลิซซา เป็นคนรุนแรง แต่ตื่นกลัวเวลาถูกคนห้อมล้อม โดยสมัยมัธยมปลายที่เขาร่วมทีมมวยปล้ำ หลังจากที่ทีมแพ้และนายอลิซซาถูกเพื่อนโทษว่าเป็นต้นเหตุ เขาโมโหจนถึงกับตรงเข้าชกหน้าคนพูด และตะโกนขู่ฆ่าเพื่อนร่วมทีม แต่ในตอนนั้นไม่มีใครสนใจมองว่าเป็นเรื่องใหญ่
นายอลิซซาเคยถูกตำรวจจับกุมตัวอย่างน้อย 1 ครั้ง รวมไปถึงเมื่อปี 2560 ที่เขาต่อยหน้าเพื่อนที่ล้อเลียนเขาเกี่ยวกับเชื้อชาติ
เมื่อเดือน ก.ค. 2562 เขาโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า พวกต่อต้านอิสลามควรหยุดแฮกมือถือของเขาได้แล้ว และปล่อยให้เขาได้มีชีวิตที่ปกติบ้าง
ทั้งนี้ เหตุกราดยิงที่รัฐโคโลราโดครั้งล่าสุดนี้ เป็นเหตุการณ์ความรุนแรงจากการใช้อาวุธปืนเป็นครั้งที่ 7 ในรอบสัปดาห์นี้ของสหรัฐฯ และเกิดขึ้นเพียง 6 วันหลังจากเกิดเหตุกราดยิงในสปา ที่รัฐจอร์เจีย ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 ศพ
ล่าสุดประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวเรียกร้องให้วุฒิสภาออกกฎหมายแบนอาวุธปืน เพิ่มความเข้มงวดและละเอียดมากขึ้นในการตรวจสอบประวัติพื้นเพของผู้ซื้ออาวุธปืนในประเทศ.
ที่มา CNN
————————————————————————————————————————————————-
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 24 มี.ค.2564
Link : https://www.thairath.co.th/news/foreign/2056224