ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต ประกาศว่า หากรายงานที่ว่า สหรัฐเตรียมประจำการอาวุธนิวเคลียร์ในฟิลิปปินส์ “เป็นความจริง” เขาจะยกเลิกข้อตกลงความร่วมมือทางทหารระดับทวิภาคี ที่เพิ่งต่ออายุกันเมื่อไม่นานมานี้
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ว่าประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต กล่าวเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ว่าการประจำการอาวุธนิวเคลียร์ในฟิลิปปินส์ เป็นการดำเนินการซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญอย่างร้ายแรง และท่ามกลางกระแสข่าวที่กำลังแพร่สะพัด เกี่ยวกับการที่สหรัฐอาจนำอาวุธดังกล่าวเข้ามาในฟิลิปปินส์ หลังทั้งสองประเทศเพิ่งเห็นชอบขยายระยะเวลาบังคับใช้ข้อตกลงเยี่ยมเยืยนทางทหาร ( วีเอฟเอ ) “ออกไปอีกอย่างน้อย 6 เดือน” ดูเตร์เตกล่าวว่า “หากเป็นความจริง” ฟิลิปปินส์จะยุติข้อตกลงทันที
President Rodrigo Duterte on Sunday said he would immediately terminate the Visiting Forces Agreement (VFA) between the Philippines and the United States the moment he receives proof that American troops have brought nuclear armaments into the country.https://t.co/TCeE3NB6HQ
— Phil News Agency (@pnagovph) March 1, 2021
ทั้งนี้ ผู้นำฟิลิปปินส์กล่าวว่า รัฐบาลของเขาดำเนินนโยบายต่างประเทศ “อย่างเป็นอิสระ” อย่างไรก็ดี ดูเตร์เตบอกด้วยว่า เขาได้กล่าวถึงเรื่องนี้ ระหว่างสนทนากับนายหวง สี่เหลียน เอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงมะนิลา ระหว่างพิธีรับมอบวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จำนวน 600,000 โดส ของบริษัทซิโนแวค ไบโอเทค จากกรุงปักกิ่ง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาด้วย ขณะที่รัฐบาลปักกิ่งและรัฐบาลวอชิงตันยังไม่มีปฏิกิริยาอย่างเป็นทางการ ต่อการเปิดเผยดังกล่าวของดูเตร์เต
WATCH: President Rodrigo Duterte witnesses the turnover of the first batch of COVID-19 vaccines received by the Philippines, the last country in Southeast Asia to start its vaccination drive.
Full story: https://t.co/Ubwl0hDxTj pic.twitter.com/UaK82KjS2c— Rappler (@rapplerdotcom) February 28, 2021
อนึ่ง ย้อนกลับไปเมื่อกลางเดือนที่แล้ว ผู้นำฟิลิปปินส์กล่าวถึงประเด็นเกี่ยวกับวีเอฟเอ ว่าเป็นความร่วมมือระดับทวิภาคี ดังนั้นเมื่อพูดถึงค่าใช้จ่าย หมายความว่า ทั้งสองประเทศต้องรับผิดชอบร่วมกัน แต่ไม่ได้กล่าวอย่างชัดเจน ว่าเขาต้องการให้สหรัฐ “จ่าย” ในรูปแบบใด ส่วนนายเดลฟิน ลอเรนซานา รมว.กระทรวงกลาโหมของฟิลิปปินส์ กล่าวเพียงว่า รัฐบาลมะนิลาคาดหวังให้การซ้อมรบร่วมกันครั้งใหม่ เกิดขึ้นตามกำหนดการ ในช่วงฤดูร้อนปีนี้
แม้ความร่วมมือระหว่างสหรัฐกับฟิลิปปินส์ตึงเครียดมากขึ้นอย่างชัดเจนในหลายด้าน โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง แต่รัฐบาลมะนิลายังคงต้องพึ่งพิงอิทธิพลทางทหารของอเมริกา เพื่อคานอำนาจกับรัฐบาลปักกิ่งในเรื่องทะเลจีนใต้.
——————————————————————————————————————————————————————-
ที่มา : เดลินิวส์ / วันที่เผยแพร่ 2 มีนาคม 2564
Link : https://www.dailynews.co.th/foreign/828423