รัฐบาลวอชิงตันขึ้นบัญชีดำบริษัทด้านเทคโนโลยี 5 แห่งของจีน หนึ่งในนั้นคือหัวเว่ย “ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง”
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ว่าคณะกรรมาธิการการสื่อสารกลางของสหรัฐ ( เอฟซีซี ) ออกแถลงการณ์ เมื่อวันศุกร์ เรื่องการขึ้นบัญชีดำบริษัทด้านเทคโนโลยี 5 แห่งของจีน “ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง” เป็นการอาศัยอำนาจตามความในคำสั่งฝ่ายบริหาร ลงนามเมื่อเดือน พ.ค. 2562 ในสมัยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศ “สถานการณ์ฉุกเฉินด้านเทคโนโลยี” เพื่อพิทักษ์ระบบโครงข่ายอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีสารสนเทศของสหรัฐจาก “การรุกรานโดยศัตรู”
The list includes five Chinese companies that produce telecommunications equipment and services that have been found to pose an unacceptable risk to U.S. national security or the security and safety of U.S. persons.
— The FCC (@FCC) March 12, 2021
ทั้งนี้ บริษัททั้ง 5 แห่ง ได้แก่ “หัวเว่ย “แซดทีอี” “ไฮเทรา” ซึ่งเป็นผู้ประกอบการด้านระบบวิทยุ และอุปกรณ์รับส่งสัญญาณวิทยุ “หางโจว ฮิควิชัน” หนึ่งในผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีกล้องวงจรปิด และ “ต้าหัว เทคโนโลยี” หนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ ( เอไอ ) โดยเนื้อหาสำคัญของคำสั่ง คือการที่ผู้ประกอบการของสหรัฐต้องขอใบอนุญาตจากรัฐบาลกลาง ในกรณีต้องการมีความร่วมมือกับบริษัทด้านเทคโนโลยีของจีน
ขณะที่มีการวิเคราะห์มาตั้งแต่ต้นแล้วว่า มาตรการนี้เจตนาพุ่งเป้าไปที่หัวเว่ย โดยตรง ซึ่งพัฒนาแบบก้าวกระโดดมาอยู่แถวหน้าของการเป็นผู้พัฒนาระบบโครงข่าย 5จี และอุปกรณ์ด้านการสื่อสารอีกหลายประเภท นอกจากนี้ สภาคองเกรสยังบัญญัติกฎหมาย ห้ามหน่วยงานในสังกัดของรัฐบาลกลางมีความร่วมมือไม่ว่าในด้านใดก็ตามกับหัวเว่ย ซึ่งเรียกเสียงวิจารณ์อย่างหนักจากรัฐบาลปักกิ่ง ว่าทำเนียบขาว “ลุแก่อำนาจ” และเป็นฝ่าย “กีดกันทางการค้า” อย่างเจาะจงต่อประเทศอื่นอย่างชัดเจน
ด้านหัวเว่ยและบริษัทอีก 4 แห่งในรายชื่อดังกล่าว ยังปฏิเสธให้ความเห็นอย่างเป็นทางการ อนึ่ง ย้อนกลับไปเมื่อกลางปีที่แล้ว รัฐบาลวอชิงตันประกาศว่า ผู้ประกอบการรายใดก็ตามของสหรัฐ ที่ต้องการส่งออกวัตถุดิบสำหรับผลิตเซมิคอนดักเตอร์ และแบ่งปันเทคโนโลยีการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ให้แก่หัวเว่ย ต้องได้รับการอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสหรัฐก่อน.
————————————————————————————————————————————————-
ที่มา : เดลินิวส์ / วันที่เผยแพร่ 13 มีนาคม 2564
Link : https://www.dailynews.co.th/foreign/830778