พบข้อมูลผู้ใช้ LinkedIn กว่า 827 ล้านรายการ ถูกเร่ขายในเว็บไซต์กลุ่มแฮ็กเกอร์

Loading

  ในเว็บไซต์ของเหล่าแฮ็กเกอร์มีการโพสต์เร่ขายข้อมูลที่อ้างว่าเป็นผู้ใช้งาน LinkedIn จำนวนกว่า 827 ล้านรายการ   จากข้อมูลพบแฮ็กเกอร์ 2 กลุ่มที่ขายข้อมูลผู้ใช้ LinkedIn โดยหนึ่งในนั้นได้นำเสนอฐานข้อมูล 7 ตัวที่มีข้อมูลผู้ใช้กว่า 827 ล้านรายการ ทั้งนี้สนนราคาอยู่ที่ราว 7,000 เหรียญสหรัฐฯ สำหรับข้อมูลที่พบประกอบด้วย อาชีพ, ชื่อจริง, บริษัท, เว็บไซต์บริษัท, อีเมล, ลิงก์ไปยังโปรไฟล์, วันเริ่มทำงาน ,จำนวน Connection, หมายเลขโทรศัพท์ และที่อยู่   อย่างไรก็ดีเมื่อทีมงาน LinkedIn ตรวจสอบพบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้นเป็นข้อมูลสาธารณะและมีการประกบกับข้อมูลจากเว็บไซต์หลายแห่งหรือบริษัทเข้ามาด้วย ทั้งนี้ข้อมูลของผู้ใช้ที่ปิดเป็นส่วนตัวไว้ยังปลอดภัยดีเพราะบริษัทไม่ได้ทำข้อมูลรั่วไหลหรือถูกแฮ็กแต่อย่างใด โดยทีมงานตั้งใจที่จะสร้างมาตรการป้องกันข้อมูลของผู้ใช้ สำหรับผู้สนใจอ่านถ้อยแถลงของทีมงานสามารถเข้าไปดูประกาศได้ที่ https://news.linkedin.com/2021/april/an-update-from-linkedin   ถือว่าเป็นประเด็นร้อนแรงในช่วงนี้เลยนะครับ กับการที่คนร้ายทำ Data Scraping จากโปรไฟล์ในอินเทอร์เน็ต แล้วมาเร่ขายต่อ เมื่ออาทิตย์ก่อนก็มีแจกฟรีข้อมูลผู้ใช้ Facebook กว่า 533 ล้านรายที่พบว่าออกมาตั้งแต่ 2 ปีก่อน (https://www.techtalkthai.com/533-millions-records-of-facebook-users-can-download-for-free-on-hacker-forums/) หรือล่าสุดไม่กี่วันก่อนมีการเร่ขายข้อมูลผู้ใช้…

นักกฎหมายชี้ ขึ้นเครื่องบินทั้งที่รู้ว่าติดโควิด มีความผิดทั้งอาญาและแพ่ง

Loading

  นักกฎหมาย ชี้ กรณีหนุ่มสาวนั่งเครื่องบินกลับบ้านที่นครศรีธรรมราชทั้งที่รู้ว่าตัวเองติดโควิด-19 ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ และยังเข้าข่ายผิดอาญาและแพ่งอีกด้วย ตำรวจตามจับได้ เมื่อวันที่ 14 เม.ย.64 ว่าที่พันตรี ดร.สมบัติ วงศ์กำแหง กรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีคู่รักชายหญิงรู้ตัวว่าติดโควิด-19 แล้วยังนั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯไปยังต่างจังหวัดภูมิลำเนาเป็นผลให้สายการบินต้องพักงานเจ้าหน้าที่ ทั้งผลัดเวรเพื่อกักตัวดูอาการ ทำให้ต้องเสียแรงงานกับผู้โดยสารอื่นๆ ที่ต้องประสบปัญหาติดตามกันมา รู้ตัวว่าตัวเองติดเชื้อโควิด-19 แล้วยังเดินทางโดยเครื่องบิน ซึ่งมีผู้โดยสารจำนวนมากตามที่มีข่าวเสนอไปแล้วนั้น โดยปกปิดอาการป่วยของตนเอง จนเป็นเหตุให้ผู้โดยสารอื่นอาจติดเชื้อโควิด-19 ได้ นอกจากจะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อแล้ว ในทางอาญาอาจถือได้ว่าเจตนาทำร้ายร่างกายผู้อื่น กระทำโดยรู้สำนึก โดยประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลว่าจะทำให้ผู้โดยสารอื่นติดเชื้อโรคโควิด-19 เพราะตนเองทราบดีอยู่แล้ว ติดเชื้อมาตั้งแต่ก่อนเดินทาง และตนเองสามารถแพร่เชื้อสู่ผู้โดยสารคนอื่นได้ และถ้าการติดเชื้อจนทำให้ผู้โดยสารอื่นป่วยรุนแรงถึงขั้นสาหัส หรือตาย โทษก็จะหนักขึ้นตามผลของการกระทำความผิดได้อีกด้วย ซึ่งคดีลักษณะนี้ ศาลในประเทศสหรัฐอเมริกา และเยอรมนี ได้เคยพิพากษาลงโทษทางอาญาแล้ว แม้ผู้โดยสารอื่นยังไม่ติดเชื้อก็เป็นความผิดอาญา ฐานพยายามทำร้ายร่างกายผู้อื่นด้วย   สำหรับสถานที่เกิดเหตุในคดีอาญา เมื่อผู้ต้องหากระทำความผิดต่อเนื่องกันในท้องที่ต่างๆ เกินกว่าท้องที่หนึ่งขึ้นไป พนักงานสอบสวนในท้องที่หนึ่งท้องที่ใดที่เกี่ยวข้องมีอำนาจสอบสวนได้ทุกท้องที่ แต่พนักงานสอบสวนท้องที่ใดจะเป็น “ผู้รับผิดชอบ” ในการสอบสวน และส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ แบ่งเป็น 2 กรณี…