สถานการณ์ใหญ่จนต้องรายงานสรุปให้ไบเดน ผู้ต้องสงสัยอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทัพไซเบอร์ของบางประเทศที่สหรัฐหมายหัวว่าสร้างกองทัพทำสงครามไซเบอร์
The New York Times รายงานว่าท่อส่งน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐซึ่งขนถ่ายน้ำมันเบนซินและน้ำมันเครื่องบินจากเท็กซัสฝั่งตะวันออกไปยังนิวยอร์กต้องถูกปิดลงหลังจากถูกโจมตีโดยแรนซัมแวร์ (Ransomware) หรือมัลแวร์เรียกค่าไถ่ นับเป็นการโจมตีที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งและแสดงให้เห็นถึงช่องโหว่ของโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานต่อการโจมตีทางไซเบอร์
ผู้ดำเนินการระบบ Colonial Pipeline กล่าวในแถลงการณ์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ใช้ถ้อยคำที่คลุมเครือโดยกล่าวว่าได้ปิดท่อส่งน้ำมันระยะทาง 5,500 ไมล์ซึ่งระบุว่าบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิง 45% ของชายฝั่งตะวันออกเพื่อพยายามควบคุมการแทรกซึมเข้ามาในระบบบ
ต่อมา สำนักงานสืบสวนกลาง หรือ FBI, กระทรวงพลังงาน และทำเนียบขาวได้เจาะลึกรายละเอียด จน Colonial Pipeline ต้องยอมรับว่าเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของบริษัทถูกโจมตีโดยแรนซัมแวร์ ซึ่งกลุ่มอาชญากรจับข้อมูลเป็นตัวประกันจนกว่าเหยื่อจะจ่ายค่าไถ่ บริษัทกล่าวว่าได้ปิดท่อไปเองซึ่งเป็นมาตรการป้องกันเนิ่นๆ คาดว่าเพราะบริษัทกลัวว่าแฮกเกอร์อาจได้รับข้อมูลที่จะทำให้สามารถโจมตีส่วนที่มีความเสี่ยงของท่อส่งน้ำมันได้
เจ้าหน้ารัฐบาลสหรัฐกล่าวว่าพวกเขาเชื่อว่าการโจมตีดังกล่าวเป็นการกระทำของกลุ่มอาชญากรมากกว่าที่จะเป็นกองทัพไซเบอร์ของประเทศที่ต้องการทำลายโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในสหรัฐ แต่ในบางครั้งกลุ่มดังกล่าวมีความผูกพันกับหน่วยข่าวกรองต่างประเทศอย่างหลวมๆ และดำเนินการในนามของประเทศนั้นๆ
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่าสิ่งที่ทำให้สถานการณ์นี้น่าตกใจก็คือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากที่โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและมีขนาดใหญ่เช่นจะถูกทำให้ออฟไลน์โดยสิ้นเชิง เช่น Colonial Pipeline ที่ทอดยาวตลอดเส้นทางจากเท็กซัสไปยังนิวเจอร์ซีย์ การหยุดทำงานเป็นการหยุดชะงักครั้งใหญ่ที่สุดของแหล่งพลังงานทางกายภาพนับตั้งแต่การปฏิบัติการน้ำมันของซาอุดีอาระเบียถูกโจมตีโดยโดรนในปี 2561 ตามคำกล่าวของบ็อบ แมคแนลลี (Bob McNally) อดีตที่ปรึกษาด้านนโยบายอาวุโสของทำเนียบขาว
“การรีสตาร์ทท่อส่งก๊าซเป็นเรื่องง่ายหากไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นจริง” บ็อบ แมคแนลลีกล่าวกับ Bloomberg “คำถามคือว่าการโจมตีถูกจำกัดและถูกควบคุมได้หรือไม่ และไม่ได้สร้างความเสียหายทางกายภาพใดๆ กับมันหรือไม่”
“การโจมตีครั้งนี้ถือเป็นเรื่องผิดปกติสำหรับสหรัฐ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการโจมตีที่กำหนดเป้าหมายไปที่เทคโนโลยีการปฏิบัติงาน ระบบควบคุมอุตสาหกรรมในสายการผลิตหรือพื้นโรงงาน เกิดบ่อยครั้งขึ้น” อัลเกิร์ด พิพิเคท (Algirde Pipikaite) ผู้นำด้านกลยุทธ์ไซเบอร์ของศูนย์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ของ World Economic Forum กล่าวกับสำนักข่าว AFP “หากไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ฝังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาของเทคโนโลยี เรามีแนวโน้มที่จะเห็นการโจมตีระบบอุตสาหกรรมบ่อยขึ้น เช่น ท่อส่งน้ำมันและก๊าซหรือโรงบำบัดน้ำ“
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาสหรัฐได้รับผลกระทบจากการโจมตีความมั่นคงทางไซเบอร์ครั้งใหญ่สองครั้งนั่นคือการแฮกครั้งใหญ่ที่เกิดกับบริษัท SolarWinds ที่ทำลายเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลสหรัฐและภาคเอกชนหลายพันแห่งและรัสเซีย ถูกกล่าวหาอย่างเป็นทางการว่าเป้นผู้ลงมือ นอกจากนี้ยังการเจาะเซิร์ฟเวอร์อีเมลของ Microsoft ด้วย กรณีหลังนี้ส่งผลกระทบต่อองค์กรในสหรัฐอย่างน้อย 30,000 แห่งรวมถึงรัฐบาลท้องถิ่นและคาดว่าเป็นผลงานของกองทัพนักรบไซเบอร์ของจีน
ทั้งนี้ Bloomberg รายงานว่าซัพพลายเออร์น้ำมันเบนซินกำลังเร่งหาวิธีการอื่นในการจัดส่งเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงจากแอตแลนตาไปยังนิวยอร์กหลังจากการโจมตีของแรนซัมแวร์ปิดท่อส่งผลิตภัณฑ์น้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ
ผู้ค้าและผู้ขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงกำลังมองหาเรือบรรทุกและเรือเพื่อส่งน้ำมันเบนซินแทนซึ่งตามปกติแล้วจะถูกส่งไปยังระบบท่อส่ง Colonial Pipeline และบางรายกำลังรักษาความปลอดภัยให้เรือบรรทุกน้ำมันเพื่อเก็บน้ำมันชั่วคราวในอ่าวของสหรัฐในกรณีที่มีการปิดท่อส่งเป็นเวลานาน
AFP PHOTO / Kirill KUDRYAVTSEV
—————————————————————————————————————————————————————————-
ที่มา : Posttoday / วันที่เผยแพร่ 9 พ.ค.2564
Link : https://www.posttoday.com/world/652344