ออสเตรเลียสั่งปิดสถานทูตในคาบูลกะทันหัน อ้างเหตุผลด้านความปลอดภัย

Loading

  เอเอฟพี – แคนเบอร์รา เมื่อ 25 พ.ค. สั่งปิดสถานทูตออสเตรเลียในกรุงคาบูลอย่างกระทันหันในสัปดาห์นี้ โดยให้เหตุผลวิตกต่อสถานการณ์ไม่แน่นอนในอัฟกานิสถานท่ามกลางการแห่ถอนกำลังกองกำลังต่างชาติกลับประเทศ เอเอฟพีรายงานเมื่อ 25 พ.ค. ว่า กลุ่มติดอาวุธตอลีบานที่เพิ่มการโจมตีทั่วประเทศในไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาออกมาแสดงปฎิกริยาโดยชี้ว่า จะให้ความปลอดภัยทางสิ่งแวดล้อมให้กับเหล่านักการทูตและองค์กรด้านการบรรเทาทุกข์ต่างๆ สหรัฐฯและกองกำลังพันธมิตรกำลังอยู่ในเฟสสุดท้ายของการถอนกำลังที่เหลือออกไปจากอัฟกานิสถาน สิ้นสุดการสู้รบที่ยาวนานที่สุดของสหรัฐฯ แต่ทำให้อัฟกานิสถานต้องตกอยู่ในอนาคตที่ไม่แน่นอนภายใต้อุ้งมือของกลุ่มตอลีบาน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย สกอตต์ มอร์ริสสัน กล่าวว่าสถานทูตออสเตรเลียจะปิดทำการเป็นเวลา 3 วัน และพบว่ามีกองกำลังออสเตรเลียราว 80 นายจะเดินทางกลับประเทศซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการถอนกำลังออสเตรเลียกลับประเทศ โดยที่ไม่มีกองกำลังเล็กๆหลงเหลือหรือการสนับสนุนจากกองกำลังสหรัฐฯที่มีจำนวนมากกว่า มอร์ริสสันกล่าวว่า ไม่มีความแน่นอนเพิ่มมากขึ้นต่อสถานการณ์ความมั่นคงภายในอัฟกานิสถานหลังจากนี้ “รัฐบาลได้รับคำแนะนำว่าจะไม่สามารถให้หลักประกันทางความมั่นคงต่อเจ้าหน้าที่การทูตของเราที่ยังคงทำงานอยู่ที่นั่น” เขากล่าวผ่านแถลงการณ์ ในยังนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดถึงเหตุภัยคุกคามเจาะจงต่อสถานทูตออสเตรเลียที่ตั้งอยู่ในเขตกรีนโซนที่มีความมั่นคงสูงซึ่งไม่ห่างจากที่ตั้งสถานทูตสหรัฐฯเท่าใดนัก ด้านกระทรวงต่างประเทศอัฟกานิสถานกล่าวผ่านแถลงการณ์ หวังว่าทางออสเตรเลียจะเปลี่ยนการตัดสินใจขณะที่ลูกจ้างสถานทูตออสเตรเลียซึ่งเป็นชาวอัฟกันได้แสดงความรู้สึกหวาดวิตกต่อสถานการณ์ไม่มั่นคงในอนาคตของตนเอง หนึ่งในลูกจ้างชาวอัฟกันแสดงความเห็นต่อเอเอฟพีว่า “ผมได้เอาชีวิตเข้าปกป้องสถานทูต…และในเวลานี้พวกเขากำลังจากพวกเราไป พวกตาลีบานมีชื่อพวกเรา พวกเราอยู่ในความกลัวเวลานี้” ขณะเดียวกันกลุ่มติดอาวุธตอลีบานออกแถลงการณ์ 25 พ.ค.แจ้งไปยังสถานการทูตต่างชาติสามารถปฎิบัติงานได้ตามปกติโดยให้หลักประกันด้านความปลอดภัยมีใจความว่า “(พวกเรา)ไม่แสดงความเป็นภัยต่อพวกเขา” โฆษกโมฮัมหมัด นาอีม(Mohammad Naeem)กล่าวกับเอเอฟพี เอเอฟพีรายงานว่า นักการทูตชาติตะวันตกและเจ้าหน้าที่การทหารในเวลานี้ต่างพยายามหาหนทางที่จะให้ความปลอดภัยแก่ชีวิตพลเรือนอัฟกานิสถานในอนาคตด้วยความวิตกต่อกลุ่มติดอาวุธตอลีบาน ทั้งนี้แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่การทหารต่างชาติในกรุงคาบูลเปิดเผยว่า สถานทูตต่างชาติที่ยังคงเปิดทำการอยู่ในเวลานี้เกี่ยวข้องกับการบรรเทาทุกข์ แต่หากว่าทางเจ้าหน้าที่เป็นอันตรายก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะคงอยู่ต่อไป   ————————————————————————————————————————————- ที่มา :…

เบื้องหลังปฏิบัติการอุกอาจ เบลารุสจี้เครื่องบินจับฝ่ายต้านรัฐบาล

Loading

  เหตุการณ์ครั้งนี้กลายเป็นประเด็นสำคัญของการเมืองระหว่างประเทศ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างเบลารุสกับชาติตะวันตกที่กระท่อนกระแท่นอยู่แล้ว ขณะนี้เบลารุสกำลังถูกชาติตะวันตกรุมประณามและคว่ำบาตร รวมทั้งไม่บินเข้าน่านฟ้าหลังจากส่งเครื่องบินเจ็ตขึ้นประกบเครื่องบินโดยสารของสายการบิน Ryanair แล้วบีบบังคับให้ลงจอดที่สนามบินในกรุงมิตสก์ของเบลารุส เพื่อจับกุมตัวนักข่าวและนักเคลื่อนไหวทางการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล   1.เครื่องบินของสายการบิน Ryanair เที่ยวบิน FR4978 อยู่ระหว่างการเดินทางจากกรุงเอเธนส์ของกรีซไปยังกรุงวิลนีอุสของลิทัวเนียตามปกติ แต่แล้วขณะอยู่เหนือน่านฟ้าของเบลารุส 2 นาทีก่อนที่เครื่องกำลังจะเข้าสู่น่านฟ้าของลิทัวเนีย ก็ได้รับแจ้งจากหอควบคุมการบินของเบลารุสให้เปลี่ยนเส้นทางกลับมาลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินในกรุงมินสก์ของเบลารุส โดยอ้างว่าบนเครื่องบินลำดังกล่าวมีระเบิด พร้อมกับส่งเครื่องบินขับไล่ Mig-29 ของกองทัพเบลารุส 4 ลำบินประกบ   2.หลังเครื่องลงจอดเจ้าหน้าที่เบลารุสส่งสุนัขดมกลิ่นมาตรวจสอบสัมภาระของผู้โดยสารทั้งหมด แต่ไม่พบระเบิดตามที่กล่าวอ้าง ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเบลารุสได้เข้าไปจับกุมตัว รามัน พราทาเซวิช (Roman Protasevich) นักข่าวและนักเคลื่อนไหวทางการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลเบลารุสวัย 26 ปีพร้อมกับ โซเฟีย ซาเพกา แฟนสาวชาวรัสเซีย และพาตัวทั้งคู่ออกไป ส่วนเครื่องบินของ Ryanair หลังจอดชั่วคราว 7 ชั่วโมงก็กับขึ้นบินไปยังจุดหมายปลายทางอีกครั้ง   3.การไม่พบระเบิดนำมาสู่ข้องสังเกตว่า ทางการเบลารุสใช้ระเบิดเป็นอุบายให้เครื่องบินลงจอดเพื่อจับกุมตัวพราทาเซวิช ส่วนสำนักข่าว BelTA ของเบลารุสรายงานว่า ประธานาธิบดี อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชงโก เป็นคนสั่งให้เครื่องบินเจ็ตขึ้นบินประกบเครื่องบินของ Ryanair…

Deepfake แบบใหม่ ใช้ AI ขยับปากตามเสียงพากย์ได้แล้ว

Loading

  Flawless บริษัทสตาร์ตอัปที่พัฒนาด้าน AI ได้พัฒนาเทคโนโลยี Deepfake แบบใหม่ ที่สามารถปรับภาพปากของนักแสดงในภาพยนตร์ฮอลลีวูดต้นฉบับ สามารถขยับตามปากตามเสียงที่ถูกพากย์ทับในภาษาอื่น ๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยให้ผู้คนทั่วโลกสามารถเข้าถึงภาพยนตร์ได้มากขึ้น โดยปกติแล้ว เทคโนโลยี Deepfake จะถูกนำมาใช้ในการนำใบหน้าของบุคคลอื่นมาซ้อนทับกับใบหน้าของนักแสดงในภาพยนตร์ได้อย่างแนบเนียน แต่ Flawless ได้เน้นการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้เฉพาะกับองค์ประกอบของปากเท่านั้น โดยการนำเอาภาพยนตร์หรือซีรีส์ที่ถูกพากย์เสียงทับใหม่สำหรับฉายในต่างประเทศ มาผสานการทำงานเข้ากับซอฟต์แวร์ของ Flawess ซึ่งโมเดล AI ของ Flawless จะสร้างภาพการเคลื่อนไหวของริมฝีปากขึ้นมาให้ตรงกับภาษาที่พากย์ทับเข้ามา และวางภาพริมฝีปากใหม่นี้ลงบนใบหน้าของนักแสดงในภาพยนตร์นั้น ๆ ได้อย่างสมจริง     Nick Lynes ผู้ร่วมก่อตั้ง Flawless ได้กล่าวกับเว็บไซต์ TheVerge ว่า “บางครั้งในการชมภาพยนตร์ที่ถูกพากย์เสียงทับมาใหม่ ก็จะสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของปากที่ไม่ตรงกับเสียงพากย์ ซึ่งทำให้ผู้ชมลดทอนการแสดงของนักแสดงคนนั้น ๆ ลงไปด้วย ระบบที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่นี้จะเข้ามาช่วยให้ผู้ชมยังคงเห็นการแสดงของนักแสดงจากภาพยนตร์ต้นฉบับไปพร้อมกับเสียงพากย์ใหม่ได้อย่างลงตัว” แม้ว่าผลลัพธ์จะยังไม่ถือได้ว่ามีประสิทธิภาพเต็ม 100% แต่ก็ได้ผลที่น่าประทับใจ โดยเห็นได้จากตัวอย่างที่เป็นฉากหนึ่งจากภาพยนตร์คลาสสิกอย่าง A Few Good Men เมื่อปี 1992…

เอาล่ะสิ… 1.7 ล้านคนข้อมูลส่วนตัวรั่ว หลังแอพพ์หาคู่ยอดนิยมของญี่ปุ่น “ถูกแฮกข้อมูล”!!!

Loading

  เอเอฟพี รายงานว่า บริษัท Net Marketing Co ผู้ให้บริการแอพพลิเคชั่นหาคู่โอมิไอ (Omiai) ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นหาคู่ยอดนิยมของญี่ปุ่น ออกมาเตือนว่า มีข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บริการราว 1.7 ล้านรายถูกแฮก โดยบริษัทตรวจพบการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่เก็บข้อมูลสมาชิก “เรารับทราบมาว่า มีความเป็นไปได้สูงมากที่ข้อมูลส่วนตัวของสมาชิกบางรายมีการรั่วไหลออกไป เนื่องจากการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตดังกล่าว “บริษัทกล่าวในแถลงการณ์ ซึ่งระบุว่ารูปถ่ายในใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ และรูปถ่ายในหนังสือเดินทางที่บรรดาสมาชิกถูกขอให้ส่งเพื่อตรวจสอบอายุเป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลส่วนตัวที่ได้รับความเสียหายที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 20-26 เมษายน อย่างไรก็ตามสำหรับข้อมูลเกี่ยวกับบัตรเครดิต ไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากมีระบบประมวลผลแยกกัน ผ่านสถาบันทางการเงิน เอเอฟพี รายงานว่า แถลงการณ์ของบริษัท Net Marketing Co ที่มีออกมาเมื่อวันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคมส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทตกลง 19.34 % อนึ่ง โอมิไอ (Omiai) มีความหมายในภาษาญี่ปุ่นหมายถึงการจับคู่ เป็นหนึ่งในแอพพ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในญี่ปุ่น โดยเน้นความสัมพันธ์ที่จริงจัง และจากข้อมูลเมื่อเดือนเมษายนพบว่ามีสมาชิกราว 6.89 ล้านคน   ——————————————————————————————————————————————– ที่มา : มติชนออนไลน์     / วันที่เผยแพร่ …

10 ปีหลังการตายของบิน ลาเดน ‘อัลกออิดะห์’ ยังอยู่ดีหรือไฉน?

Loading

  หลังจากครบรอบ 10 ปีหลังการตายของบิน ลาเดน ผู้นำอัลกออิดะห์ จากปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐในเมืองอับบอตตาบัด ปากีสถาน วันนี้อัลกออิดะห์เป็นอย่างไรบ้าง? 2 พ.ค.2554 เป็นวันครบรอบ 10 ปีการตายของโอซามา บิน ลาเดน (Osama bin Laden) ผู้นำอัลกออิดะห์ จากปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐในเมืองอับบอตตาบัด ปากีสถาน สถานภาพของอัลกออิดะห์เสื่อมทรามลงอย่างมาก แต่ยังไม่พ่ายแพ้ รายงานประมาณการข่าวกรองบางฉบับชี้ว่ากลุ่มก่อการร้ายนี้ยังคงมีนักรบในสังกัดประมาณ 40,000 คนทั่วโลก การถอนทหารสหรัฐออกจากอัฟกานิสถานอาจช่วยฟื้นชีวิตอัลกออิดะห์ เช่นเดียวกับที่สหรัฐถอนตัวออกจากอิรักในปี 2554 นำไปสู่การปรากฏขึ้นของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ปัจจุบันอัลกออิดะห์ยังคงเป็นภัยคุกคามและอาจกระจายตัวหลังการถอนทหารสหรัฐ ปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐต่อเป้าหมายเจาะจงอย่างโจ่งแจ้งเมื่อ 2 พ.ค.2554 ที่เมืองอับบอตตาบัด ปากีสถาน เพื่อสังหารบุคคลซึ่งรับผิดชอบการโจมตี 9/11 ก่อให้เกิดความรู้สึกมองโลกในแง่ดีอย่างมาก ในห้วงเวลาขณะนั้น การลุกฮือของประชาชนเพื่อต่อต้านรัฐบาลซึ่งเรียกว่า “Arab Spring” ได้แพร่ขยายไปทั่วแอฟริกาเหนือและตะวันออกกลาง โดยเป็นสัญญาณความสำเร็จของการเปลี่ยนแปลงในภูมิภาคที่เต็มไปด้วยสงครามและความรุนแรง แต่การประกาศแผนการถอนทหารออกจากอัฟกานิสถานภายใน 11 ก.ย.2564 ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีผลตอบรับในแง่ดีเพียงเล็กน้อย ประธานาธิบดีไบเดนประกาศว่า “เหตุผลที่เราคงอยู่ในอัฟกานิสถานเริ่มไม่ชัดเจน…

ศบค.มท. ย้ำผู้ว่าฯ ดึงประชาชนช่วยจนท. เฝ้าระวังชายแดน สกัดลักลอบเข้าเมือง

Loading

  ศบค.มท. เน้นย้ำผู้ว่าฯ ดึงภาคประชาชนร่วมสนับสนุนการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่บริเวณพื้นที่ชายแดน เฝ้าระวัง ตรวจสอบผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2564 ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) เปิดเผยว่า ตามที่ ศบค.มท. ได้แจ้งให้ผู้ว่าฯ ในฐานะผอ.รักษาความมั่นคงภายในจังหวัด (ผอ.รมน.จังหวัด) บูรณาการการปฏิบัติร่วมกับหน่วยทหารในพื้นที่ กองกำลังป้องกันชายแดน ตำรวจตระเวนชายแดน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของผู้ลักลอบเข้าเมืองจากประเทศเพื่อนบ้านบริเวณพื้นที่ชายแดน โดยเข้มงวดตรวจตรามิให้มีผู้ลักลอบเข้าเมือง และเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศโดยผิดกฎหมายตามเส้นทางหรือช่องทางธรรมชาติ รวมทั้งลาดตระเวนบริเวณพื้นที่ต่างๆ ตลอด 24 ชั่วโมง และเพื่อให้การควบคุมและป้องกันผู้ลักลอบเข้าเมืองที่ไม่ผ่านการตรวจและคัดกรองโรคตามมาตรการทางสาธารณสุข ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการทุกจังหวัด และผู้ว่าฯ กทม.ได้เน้นย้ำให้สร้างการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนและอาสาสมัครด้านต่างๆ ในพื้นที่ที่มีศักยภาพและความพร้อมสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยสนับสนุนการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารในการลาดตระเวน ตรวจตรา เฝ้าระวัง การลักลอบเข้าเมือง ผ่านช่องทางธรรมชาติตลอดแนวชายแดน 24 ชั่วโมง ด้วยการร่วมปฏิบัติงานตามความพร้อมและความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่…