บทความโดย…ภุมรัตน ทักษาดิพงศ์
ตามที่เขียนตบท้ายไว้ในบทความสัปดาห์ที่แล้วว่า สำหรับตัวผู้เขียนเองนั้นยังพอใจที่จะให้ “มอสสาด”หรือหน่วยข่าวกรองอิสราเอลเป็นหน่วยข่าวกรองชั้นเยี่ยมหรืออันดับหนึ่งของโลก ทั้งที่เป็นหน่วยขนาดเล็กทั้งกำลังพล งบประมาณ ฯลฯ เมื่อเปรียบเทียบหน่วยข่าวกรองอเมริกัน รัสเซีย จีน ซาอุดิอาราเบีย อิหร่าน ฯลฯ ทั้งในด้านงบประมาณ กำลังพล ฯลฯ โดย “มอสสาด” เป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับประเทศเล็ก ๆ หรือขนาดกลางที่เผชิญกับภัยคุกคามขนาดใหญ่ ในการรักษาบ้านเมืองให้อยู่รอดปลอดภัยและพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน
อิสราเอลมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเอาตัวรอดให้ได้ หลังจากที่คนยิวนับสิบล้านคนถูกนาซีเยอรมันสมัยฮิตเลอร์รมควันพิษตาย จนแทบจะไม่เหลือเผ่าพันธ์ยิว พอคนยิวทั่วโลกมาอยู่ในดินแดนปัจจุบันซึ่งสหประชาชาติกำหนดให้ มีทางออกทางเดียวด้านที่ติดกับทะเลเมดิเตอเรเนียน ที่เหลือถูกล้อมด้วยชาติมุสลิมน้อยใหญ่ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด แม้เป็นชนชาติที่อาภัพ แต่สิ่งที่พระเจ้าประทานให้คนยิวก็คือ “ สมอง “ เพราะเป็นที่รู้กันว่าคนยิวฉลาดมาก นักวิทยาศาสตร์คนสำคัญของโลกทีคิดค้นระเบิดปรมาณูได้ก็มีเชื้อสายยิว
คนยิวมีทางเลือกเดียวเท่านั้นคือ “อยู่” หรือ “ตาย” เชื้อชาติยิวต้องดำรงอยู่ตลอดไป คนยิวทุกคนพอลืมตาดูโลกก็อยู่ในภาวะสงครามจนกระทั่งตาย ชาวยิวชายหญิงทุกคนต้องเป็นทหาร แต่เป็นทหารกองเกินที่ฝึกแล้วก็ไปทำมาหากินตามปกติ สองปีทีก็มาฝึกหรือซ้อรบกันสักทีเพื่อให้เกิดสภาพร่างกายและจิตใจพร้อมที่จะทำสงครามปกป้องบ้านเมืองได้ตลอดเวลา
คนไทยเรามีข้าวกิน มีน้ำดื่มน้ำใช้ อย่างฟุ่มเฟือย แต่อิสราเอลแร้นแค้นไปทั้งหมด ต้นน้ำของแหล่งน้ำสำคัญที่หล่อเลี้ยงคนอิสราเอลส่วนใหญ่ของประเทศอยู่บนที่ราบสูงโกลาน ซึ่งอยู่ในเขตซีเรีย ในสงครามหกวัน ยิวไปยึดพื้นที่นี้ไว้และไม่ยอมคืนเพราะนี่คือความเป็นความตายของยิว ใครจะประณามอย่างไรยิวก็ไม่สนใจ เพราะคนอื่นไม่สามารถช่วยให้ยิวมีชีวิตอยู่รอดได้นอกจากคนยิวด้วยกันเอง และยิวเป็นประเทศแรกที่สามารถปลูกข้าว ผัก ผลไม้ในทะเลทรายและพื้นที่แห้งแล้งได้ เพื่อความอยู่รอดของตนเอง นอกจากเพียงพอบริโภคในประเทศแล้ว ยังสามารถ “ส่งออก” ไปต่างประเทศได้อีกด้วย
“การข่าวกรอง” มีบทบาทสำคัญกับความเป็นความตายของบ้านเมือง การมี “หูทิพย์ ตาทิพย์” ที่สามารถบอกรัฐบาลได้ “ล่วงหน้า” ว่า จะมีภัยคุกคามใดเกิดขึ้นกับประเทศ เกิดเมื่อไร ที่ไหน รุนแรงเพียงใด จะระดมสรรพกำลังที่มีอยู่ หรือไปหาเพิ่มเติมมา เพื่อต่อต้านกับภัยคุกคามดังกล่าว สำคัญที่สุดคือ ขจัดหรือป้องกันไม่ให้ภัยคุกคามนั้นเกิดขึ้นหากทำได้ ดีกว่าไปแก้ไขทีหลัง
หน่วยข่าวกรองของอิสราเอลปฏิบัติการ “เชิงรุก” เป็นสำคัญ โดย “ลงมือทำก่อน” ทุกครั้ง ไม่รอตั้งรับ เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจใน “สงครามหกวัน” ที่อิสราเอลสามารถบุกเข้าไปยึดแหลมซีนายได้ทั้งหมด หากสหประชาชาติไม่บอกให้หยุดเสียก่อน ยิวอาจรุกไปถึงกรุงไคโรก็ได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการข่าวกรองเป็นสำคัญ
กลุ่มก่อการร้ายอาหรับมากมายหลายกลุ่ม (โดยทั่วไปมีรัฐบาลสนับสนุน) ที่รวมหัวกันจะกวาดยิวให้หมดไปจากแผนที่โลก นอกจากไม่หมดไปจากโลกแล้ว อิสราเอลหรือยิวยังแข็งแกร่งมากขึ้นทุกที ถ้าคนยิวถูกฆ่าตาย 10 คน หมายถึงว่ายิวจะเอาคืนฝ่ายตรงข้ามอย่างน้อยสองเท่า เพราะการสูญเสียคนยิวเพียงคนเดียวมีความหมายต่อประเทศอย่างยิ่ง
ปฏิบัติการที่โด่งดังที่สุดครั้งหนึ่งในโลก คือ “ปฏิบัติการ เอ็นเท็บเบ้” หรือ “ปฏิบัติการทันเดอร์โบลท์” เมื่อเดือนกรกฎาคม 2519 เมื่อผู้ก่อการร้ายปาเลสไตน์จี้เครื่องบินโดยสารแอร์ฟรานซ์ซึ่งขึ้นจากรุงเทลาวีฟเพื่อไปกรุงปารีส บังคับให้ไปลงที่สนามบินเอ็นเท็บเบ้ ในยูกันดาแทนโดยการวางแผนร่วมกันกับประธานาธิบดีอีดี้ อามิน แห่งยูกันดา เพื่อใช้ผู้โดยสารชาวยิว 94 คนต่อรองให้ปล่อยตัวผู้ก่อการร้ายปาเลสไตน์ในอิสราเอลและในประเทศต่างๆ รวม 53 คน
อิสราเอลส่งหน่วยคอมมานโด 100 คนบินข้ามน้ำข้ามทะเลกว่า 4 พันกิโลเมตรบุกโจมตีสนามบินเอนเท็บเบ้ และสามารถช่วยชีวิตตัวประกัน 102 คนจาก 106 คน หนึ่งในสี่ของกองทัพอากาศยูกานดาถูกทำลาย คอมมานโดยิวตายเพียงคนเดียว ซึ่งเป็นพี่ชายของเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีหลายสมัยของอิสราเอล เพราะเขาอยู่กองระวังหลังซึ่งต้องขึ้นเครื่องกลับเป็นคนล่าสุด และถูกแซปเปอร์ของยูกันดายิงตาย บางทีก็เรียกปฏิบัติการครั้งนี้ว่า “ปฏิบัติการเนทันยาฮู” เพื่อเป็นเกียรติแก่คอมมานโดที่เสียชีวิต
ผิดกับ “ปฏิบัติการกรงเล็บอินทรีย์” เมื่อ 25 เมษายน 2523 สมัยอดีตประธานาธิบดีจิมมี่ คาร์เตอร์ ที่เป็นปฏิบัติการครั้งใหญ่ ใช้เรื่อบินและเฮลิคอปเตอร์จากเรือบรรทุกเครื่องบินนิมิตซ์ เพื่อปฏิบัติการชิงตัวประกันชาวอเมริกันที่ถูกอิหร่านจับไว้ แต่ประสบความล้มเหลวโดยสิ้นเชิงเพราะเจอกับพายุทะเลทราย จนคาร์เตอร์แทบเอาหน้าแทรกแผ่นดิน
อีกกรณีหนึ่ง เมื่อนักกิฬายิวซึ่งไปร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิคที่มิวนิค เยอรมนีปี 2515 ถูกผู้ก่อการร้ายปาเลสไตน์จับเป็นตัวประกันเพื่อใช้ต่อรองให้รัฐบาลยิวให้ปล่อยตัวผู้ก่อการร้ายปาเลสไตน์ 234 คนที่ถูกอิสราเอลคุมขังไว้ ต่อมา นักกิฬายิวซึ่งถูกจับเป็นตัวประกันถูกผู้ก่อการร้ายสังหารอย่างเหี้ยมโหด อิสราเอลใช้เวลากว่า 20 ปีในการล้างแค้นและสามารถฆ่าผู้ก่อการร้ายคนสุดท้ายได้ในกรุงปารีสเมื่อปี 2535 แม้จะใช้เวลาถึง 20 ปี แต่ก็ไม่สายเกินไป
เรื่องราวเกี่ยวกับ “มอสสาด” มีอีกมากมายซึ่งเขียนได้เป็นเล่ม ล้วนแต่สนุกสนาน ตื่นเต้นเร้าใจ
คนยิวต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอด การจะมีชีวิตอยู่รอดได้ต้องมีหูดี ตาดี หรือมีข่าวกรองที่ดี “มอสสาด” เป็นแบบอย่างของประเทศเล็ก ๆ ที่มีทรัพยากรจำกัดแต่เผชิญกับภัยคุกคามทั้งในและนอกประเทศ
เมื่อพูดถึงหน่วยข่าวกรองประเภท “จิ๋วแต่แจ๋ว” แล้ว หน่วยข่าวกรองของโลกที่ถือว่ามีศักยภาพเป็นหนึ่งหรืออยู่ในลำดับต้น ๆ ของโลก ก็คือ ซี.ไอ.เอ. ซึ่งเป็นหนึ่งทั้งกำลังพล งบประมาณ อุปกรณ์ เทคโนโลยีทันสมัย งบประมาณของ ซี.ไอ.เอ.มีมากกว่างบประมาณประจำปีของรัฐบาลไทยหลายเท่า ไม่เพียงแต่มี ”สายลับ” หรือ “จารชน” อยู่ในทุกหนทุกแห่งในโลกแล้ว บนท้องฟ้า ซี.ไอ.เอ.ยังมี “ดวงตา” หรือ “ดาวเทียมจารกรรม” นับร้อยดวงที่คอยสอดส่องความเคลื่อนไหวบนพื้นดินตลอด 24 ขั่วโมง ทั้งดาวเทียมที่โคจรตามวงรอบที่จะผ่านพื้นที่เป้าหมายตามเวลาที่กำหนด หรือดาวเทียมจารกรรมที่หมุนเหมือนลอยอยู่กับที่คอยสังเกตการณ์เฉพาะพื้นที่ตลอด 24 ขั่วโมง รวมทั้งเครื่องบินจารกรรม เรือจารกรรม ฯลฯ ของตนเอง
คงไม่เกินความจริงนักหากจะกล่าวว่า แทบจะไม่มีที่แห่งใดบนโลกใบนี้นี้รอดหูรอดตา ซี.ไอ.เอ.ไปได้หาก ซี.ไอ.เอ.ต้องการรู้ ซี.ไอ.เอ.อาจรู้ไปพร้อมกับที่ท่านกำลังพิมพ์บนเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือใช้โทรศัพท์มือถือ
มีหนังสือ “เรื่องจริง” หลายเล่มในตลาดที่เปิดเผยผลงานของ ซี.ไอ.เอ.ในอดีต คนที่ชอบเรื่องแบบนี้รับรองว่าอ่านแล้ววางไม่ลง โดยเฉพาะ “สงครามจารกรรม” ระหว่าง ซี.ไอ.เอ.กับ เค.จี.บี.ของสหภาพโซเวียต นอกจากมี ซี.ไอ.เอ. หรือ “องค์การข่าวกรองกลาง” หาข่าวโดย “สายลับ” หรือ “จารชน” และมีดาวเทียมจารกรรมเป็น “ ตาทิพย์ “ แล้ว แล้ว สหรัฐยังมีหน่วยข่าวกรองอีกหน่วยหนึ่งซึ่งมีงบประมาณมากกว่า ซี.ไอ.เอ.เสียอีก แต่คนไม่ค่อยรู้จัก นั่นคือ “ เอ็น.เอส.เอ” หรือ “องค์กรความมั่นคงแห่งชาติ” ทำหน้าที่เป็น “หูทิพย์” คอยดักฟังการติดต่อสื่อสารของประเทศสัตรู คู่แข่ง และประเทศต่างๆ ทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรหรือสัตรู
ในสมัยสงครามเย็น เอ็น.เอส.เอ มาตั้งสถานีดักรับที่อุดรธานี คนที่ขับรถจากขอนแก่นก่อนเข้าอุดรธานีจะเห็นสถานีดักรับที่เต็มไปด้วยเสาอากาศและจานดักรับขนาดใหญ่บนพื้นที่กว้างขวาง โดยมุ่งดักรับการติดต่อสื่อสารในจีนตอนใต้และอินโดจีน ส่วนการดักรับการติดต่อสื่อสารของไทยนั้น เขาไปใช้สถานีดักรับที่ฟิลิปปินส์และสิงคโปร์แทน
ฝีมือการดักฟังโทรศัพท์ของนางแมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ซึ่งเป็นข่าวโด่งดังในเวลานี้ เป็นเรื่องที่เกิดมาเมื่อสามปีก่อน ซึ่งนางแมร์เคิลรู้เรื่องดี ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะว่านางไม่เห็นด้วยกับการที่สหรัฐตั้งหน้าตั้งตาเป็นปรปักษ์กับรัสเซียและพยายามดึงเยอรมนีเป็นพวก แต่เยอรมนีนอกจากมีผลประโยชน์กับสหรัฐและตะวันตกแล้ว เยอรมนีมีผลประโยชน์กับรัสเซียค่อนข้างมากโดยเฉพาะการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย ซี.ไอ.เอ.จึงไม่ไว้ใจนาง แม้แต่นายกรัฐมนตรีอังกฤษซึ่งเป็นมิตรสนิทกับสหรัฐก็ยังโดนดักฟังโทรศัพท์ด้วย
ถ้าใครคิดว่าเพื่อนจะซื่อตรงกับเพื่อน อาจคิดผิดในกรณีของ ซี.ไอ.เอ. ของแบบนี้คิดหรือว่าคนอย่างนางแมร์เคิลและหน่วยข่าวกรองเยอรมนีไม่รู้ แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้เพื่อหาทางปล่อยข่าวบางเรื่อง จนกระทั่งพอรู้ว่าอเมริกันชักรู้ทัน จึงเปิดโปงเรื่องทั้งหมดให้โลกทราบ
คนไทยบอกว่ากรรมตามทันเมื่อนายเอ็ดเวิร์ด สโนเดน ที่เคยทำงานกับซี.ไอ.เอ.และ เอ็น.เอส.เอ.มาก่อนเปิดโปงโครงการและรายงานลับที่สุดของรัฐบาลอเมริกันและของสถานทูตอเมริกันทั่วโลกที่ส่งตรงเข้าวอชิงตัน ดี.ซี. เวลานี้เขาไปลี้ภัยอยู่ในรัสเซียที่ได้ข้อมูลทุกอย่างจากสโนเดน ต่อมานายจูเลียน อัสซานจ์ นักเจาะระบบหรือแฮคเกอร์ระดับเทพที่สามารถเจาะเข้าถึงเอกสารลับที่สุดของหน่วยข่าวกรองอเมริกัน และนำมาเปิดโปงเอกสารลับของทางการอเมริกันว่า 2 แสนฉบับระหวางปี 2550-2553 ผ่าน “วิกีลีคส์” ที่เขาตั้งขึ้น
นับว่าถูกอกถูกใจนักอ่านทั่วโลกมาก เปิดโปงข้อมูลลับที่สุดของอเมริกันที่ทำให้คนทั่วโลกได้รับรู้ว่า อเมริกาไปทำอะไรไว้ที่ไหน อย่างไร ฯลฯ บ้าง เวลานี้เขาพำนักอยู่ในสถานทูตอีเควดอร์ในกรุงลอนดอนระหว่างทำเรื่องของลี้ภัย (จบ)
——————————————————————————————————————————————————-
ที่มา : โพสต์ทูเดย์ / วันที่ 17 มิ.ย. 2564
Link : https://www.posttoday.com/politic/columnist/655770