เครือข่ายไอโอ : พบบัญชีโซเชียลมีเดียปลอมหลายร้อย แพร่เนื้อหาสนับสนุนจีน ต้านตะวันตก

Loading

รายงานการศึกษาใหม่พบว่า เครือข่ายบัญชีผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียปลอมมากกว่า 350 บัญชี กำลังส่งเสริมเนื้อหาที่สนับสนุนจีน และพยายามที่จะทำลายความน่าเชื่อถือของผู้ที่ถูกมองว่าเป็นศัตรูของรัฐบาลจีน รายงานของศูนย์ปฏิบัติการข้อมูล (Centre for Information Resilience – CIR) ระบุว่าเป้าหมายของเครือข่ายนี้คือ การทำให้ชาติตะวันตกไร้ความชอบธรรม และส่งเสริมอิทธิพลและภาพลักษณ์ของจีนในต่างประเทศ รายงานการศึกษาที่เผยแพร่ให้กับบีบีซีนี้ พบว่า เครือข่ายผู้ใช้งานบัญชีปลอมจะช่วยกันส่งภาพการ์ตูนที่ทำขึ้นมาหลายภาพ ภาพหนึ่งเป็นภาพของ กวอ เหวินกุ้ย เศรษฐีจีนที่ลี้ภัยอยู่ซึ่งเป็นผู้ที่มักออกมาวิพากษ์วิจารณ์จีน ส่วนบุคคลที่มีผู้คนพูดถึงกันมากและปรากฏในการ์ตูนด้วยรวมถึง เยี่ยน ลี่เมิ่ง นักวิทยาศาสตร์ “ผู้ออกมาเปิดโปง” และสตีฟ แบนนอน อดีตนักกลยุทธ์การเมืองของโดนัลด์ ทรัมป์ คนเหล่านี้ต่างถูกกล่าวหาว่า เผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง รวมถึงข้อมูลปลอมเกี่ยวกับโควิด-19 ด้วย การ์ตูนที่มีการส่งต่อกันเป็นภาพล้อเลียนของ แบนนอน, เยี่ยน ลี่เมิ่ง และ กวอ เหวินกุ้ย (จากซ้ายไปขวา) บัญชีบางส่วนทั้งทางทวิตเตอร์, เฟซบุ๊ก, อินสตาแกรม และยูทิวบ์ ใช้ภาพโปรไฟล์ปลอมที่ปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ สร้างขึ้น ขณะที่อีกหลายบัญชี  ดูเหมือนจะถูกขโมยมาใช้งาน เพราะมีการโพสต์เป็นภาษาอื่น…

นักวิจัยญี่ปุ่นค้นพบเทคนิคใหม่ ส่งสเปิร์มแห้งของหนูบ้านไปกับซองจดหมายหรือโปสการ์ดได้

Loading

หนูทดลองตัวนี้เกิดจากสเปิร์มแช่แข็งแห้งที่ถูกส่งมาทางไปรษณีย์ธรรมดา   ทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยยามานาชิของญี่ปุ่น ค้นพบวิธีใหม่ที่ง่ายและเสียค่าใช้จ่ายน้อย ในการส่งสเปิร์มของหนูทดลองไปยังเมืองอื่นที่ห่างไกล โดยนำสเปิร์มที่ผ่านการแช่แข็งแห้ง (freeze-drying) มาใส่ในซองจดหมาย หรือแปะติดลงบนโปสการ์ดธรรมดา แล้วส่งไปทางไปรษณีย์แบบที่คนทั่วไปคุ้นเคยกันมานาน ก่อนหน้านี้การส่งตัวอย่างของสเปิร์มหนูทดลองระหว่างทีมนักวิทยาศาสตร์ที่อยู่ต่างเมืองหรือต่างประเทศกัน จะต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงและมีขั้นตอนเตรียมการที่ยุ่งยาก โดยมักจะนำตัวอย่างสเปิร์มใส่ขวดแก้วบรรจุในถังไนโตรเจนเหลวหรือตู้แช่แข็งเพื่อรักษาอุณหภูมิให้ต่ำอยู่ตลอดเวลา หากเกิดอุบัติเหตุหรือหายนะภัยที่ไม่คาดคิด เช่นเหตุแผ่นดินไหวทำให้ขวดแก้วบรรจุสเปิร์มแตกหรือไฟฟ้าดับจนทำให้สเปิร์มในตู้แช่แข็งละลาย ก็จะต้องสูญเสียตัวอย่างสเปิร์มอันมีค่าและสิ้นเงินค่าจัดส่งไปโดยเปล่าประโยชน์ ทีมวิจัยที่นำโดยศาสตราจารย์อิโตะ ไดยู จึงได้ทดลองนำสเปิร์มของหนูหริ่งบ้าน (Mus musculus) มาผ่านกรรมวิธีแช่แข็งแห้งบนกระดาษชั่งสาร (weighing paper) ที่ใช้ชั่งน้ำหนักวัสดุในห้องทดลองทั่วไป แล้วใช้แผ่นพลาสติก 2 แผ่น ประกบสเปิร์มแห้งบนกระดาษไว้อีกทีเพื่อความปลอดภัย ก่อนหน้านี้นักวิจัยทีมเดียวกันเคยประสบความสำเร็จ ในการให้กำเนิดลูกหนูจากสเปิร์มที่แช่แข็งในห้วงอวกาศมาแล้ว สเปิร์มแห้งที่ได้สามารถจะนำไปเก็บรักษาไว้ในสมุดเพียงเล่มเดียว ซึ่งทีมวิจัยเรียกสมุดนี้ว่า “สมุดสเปิร์ม” ทั้งยังสามารถจัดส่งไปต่างเมืองหรือ        ต่างประเทศ โดยแปะติดตัวอย่างสเปิร์มแห้งลงบนไปรษณียบัตร หรือใส่ในซองจดหมายธรรมดาเพื่อส่งทางไปรษณีย์แบบดั้งเดิมได้ในราคาถูก มีการทดลองส่งตัวอย่างสเปิร์มที่ผ่านการแช่แข็งแห้งทางไปรษณีย์ จากห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัยโตเกียวไปยังมหาวิทยาลัยยามานาชิ ซึ่งตั้งอยู่ห่างกัน 200 กิโลเมตร และใช้เวลา 2 วันในการจัดส่ง ผลปรากฏว่าตัวอย่างสเปิร์มนั้นไม่ได้รับความเสียหาย และเมื่อนำไปผสมกับไข่ที่ปลายทางก็สามารถให้กำเนิดลูกหนูที่แข็งแรงได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ศ.อิโตะกล่าวเตือนว่า ความสะดวกง่ายดายของเทคนิคนี้อาจเป็นดาบสองคม เพราะเป็นไปได้ว่าจะมีผู้นำไปใช้จัดส่งวัสดุทางพันธุกรรมอย่างผิดกฎหมาย…

วิเทศวิถี : ผู้แทนพิเศษ ปธ.อาเซียน เรื่องเมียนมา เรื่องไม่ควรวุ่นที่ดูคล้ายวุ่นวาย ในการประชุม รมว.กต.อาเซียน ครั้งที่ 54

Loading

  ผู้แทนพิเศษ ปธ.อาเซียน เรื่องเมียนมา เรื่องไม่ควรวุ่นที่ดูคล้ายวุ่นวาย ในการประชุม รมว.กต.อาเซียน 54 การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน (เอเอ็มเอ็ม) ครั้งที่ 54 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องรวม 18 การประชุม ซึ่งถือเป็นการประชุมใหญ่ที่ยืดยาวที่สุดในรอบปีของอาเซียนผ่านพ้นไปแล้ว หลังใช้เวลายาวนานตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเด็นสำคัญที่มีการหารือกันประเด็นแรกยังคงอยู่ที่การรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะการเข้าถึงวัคซีนและการฟื้นฟูหลังโควิด-19 ซึ่งที่ประชุมมีมติให้มีการนำเงินจากกองทุนอาเซียนรับมือโควิด-19 (COVID-19 ASEAN Response Fund) ซึ่งจัดขึ้นตามข้อริเริ่มของไทยไปจัดซื้อวัคซีนให้กับประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ เฉลี่ยประเทศละ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการยกร่างข้อตกลง โดยสำนักเลขาธิการอาเซียนเพื่อที่จะให้มีการลงนามในการจัดหาวัคซีนผ่านโครงการโคแวกซ์ (COVAX) ขององค์การอนามัยโลก โดยให้กองทุนเพื่อเด็ก    แห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) เป็นหน่วยงานที่ช่วยจัดซื้อและกระจายวัคซีนให้กับชาติสมาชิกอาเซียนทั้งหมด ซึ่งคิดว่าในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าน่าจะดำเนินการได้ ขณะนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่างก็เร่งดำเนินการให้ได้ข้อยุติโดยไว เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดในปัจจุบันน่าวิตกกังวลอย่างยิ่งยวด ไทยในฐานะฐานะประเทศผู้ประสานงานอาเซียนในเรื่องความร่วมมือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน ได้ผลักดันความร่วมมือด้านเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (บีซีจี) เพื่อช่วยฟื้นฟูภูมิภาคจากโควิด-19 และสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ขณะที่ในความพยายามช่วยเหลือเมียนมา เพื่อรับมือกับโควิด-19 ไทยก็ได้เสนอให้มีการประชุมประเทศผู้บริจาค ซึ่งบรูไนในฐานะประเทศอาเซียนน่าจะมีการจัดการในเรื่อง ดังกล่าวในเร็วๆ…

สหรัฐฯ ประณามแผนลอบทำร้ายทูตเมียนมา “เป็นรูปแบบที่ผู้นำเผด็จการใช้กำจัดฝ่ายตรงข้าม”

Loading

  รัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวประณามแผนลอบทำร้ายทูตเมียนมาประจำสหประชาชาติที่ถูกเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า เป็นรูปแบบที่ผู้นำเผด็จการทั่วโลกและพวกพ้องมักนำมาใช้เพื่อจัดการกับฝ่ายตรงข้าม ซึ่งก่อให้เกิดความไม่สบายใจอย่างยิ่ง เมื่อวันศุกร์ ชาวเมียนมาสองรายถูกทางการสหรัฐฯ จับกุมตัวในข้อหาวางแผนลอบทำร้ายทูตเมียนมาประจำสหประชาชาติ จอ โม ตุน และถึงขั้นอาจทำให้เสียชีวิต บุคคลสองรายดังกล่าวที่ชื่อ เปียว เฮียน ฮัต และยี เฮียน ซอว์ ถูกอัยการสหรัฐฯ ตั้งข้อหาว่าวางแผนทำร้ายหรือสังหารทูต จอ โม ตุน บนแผ่นดินสหรัฐฯ โดยทูตเมียนมาผู้นี้ต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมาอย่างต่อเนื่องตั้งเเต่เหตุรัฐประหารในเดือนกุมภาพันธ์ ทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ ลินดา โธมัส-กรีนฟีลด์ กล่าวว่า การคุกคามทูตเมียนมาประจำยูเอ็น คือหนึ่งในรูปแบบที่ผู้นำระบอบอำนาจนิยมทั่วโลกมักนำมาใช้ ซึ่งรวมถึงการดำเนินคดีและปราบปรามผู้สื่อข่าว นักรณรงค์ และผู้ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อต้านระบอบเผด็จการเหล่านั้น​ สำนักข่าวเอพีอ้างอิงเอกสารของศาลในเขตไวท์เพลนส์ รัฐนิวยอร์ก ที่ระบุว่า ผู้จ้างวานบุคคลทั้งสอง คือนักค้าอาวุธไทยที่ขายอาวุธให้กองทัพเมียนมา ในความพยายามที่จะทำร้ายทูตเมียนมาประจำสหประชาชาติผู้นี้ เพื่อกดดันให้เขาลาออกจากตำแหน่ง สำหรับผู้จ้างวานชาวไทยที่เป็นนักค้าอาวุธ เอกสารของศาลระบุว่าเขาติดต่อนาย เปียว เฮียน ฮัต เมื่อเดือนที่เเล้ว และยินดีที่จะจ่ายเงินหลายพันดอลลาร์ในการก่อเหตุ นอกจากนั้นยังได้จ่ายเงินล่วงหน้าให้กับนายฮัต 2,000 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม…