MGR Online – ผบ.ตร.เปิดตัวโครงการ “สมาร์ทเซฟตี้โซน 4.0” นำเทคโนโลยีมาใช้ดูแลความปลอดภัยปชช. นำร่อง 15 สถานีตำรวจ แลนด์มาร์กสำคัญ
วันนี้(21 ก.ย.)ที่สํานักงานตํารวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสมาร์ทเซฟตี้โซน 4.0 (Smart Safety Zone 4.0) โดยมีรองผบ.ตร. ผู้ช่วย ผบ.ตร.และหัวหน้าหน่วยที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน เข้าร่วมโดยเปิดโครงการผ่านระบบออนไลน์ (Virtual Event)
พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า เมื่อเดือนตุลาคม 2563 ในวันที่ได้แถลงนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการพูดถึงเรื่องของการจะทำอย่างไรที่จะลดความหวาดกลัวภัยให้กับพี่น้องประชาชน ความท้าทายของการทำงานในปัจจุบันก็จะทราบว่าด้วยสภาพงบประมาณที่จำกัด ด้วยสภาพของระบบราชการ ซึ่งไม่สามารถที่จะเพิ่มกำลังพลได้มากนัก และการเปลี่ยนแปลงของสังคมในปัจจุบัน อาจจะมีปัญหาในหลายๆ ด้าน รวมถึงการมาของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปทุกวันแบบก้าวกระโดด เรามีความท้าทายที่จะต้องหาทางเลือกหรือกระบวนคิดวิธีการทำงานใหม่ๆ เพื่อจะให้บรรลุวัตถุประสงค์
“เมื่อก่อนนี้เรามีศัพท์ทางวิชาการเรียกว่าคอมมูนิตี้โปลิศซิง หมายถึงกิจกรรมตำรวจชุมชน เรามีเรื่องการทำความปลอดภัยให้เกิดขึ้นโดยใช้ลักษณะทางกายภาพ แต่วันนี้เรามีเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมาย ทุกอย่างที่เอามารวมกันเราถึงได้เป็นต้นกำเนิดของโครงการสมาร์ทเซฟตี้โซน 4.0 นี้ขึ้นมา ท่านอาจจะเคยได้ทราบว่าในตำรวจนครบาลเมื่อปีที่ผ่านมา เรามีการติดตั้งกล้องวงจรปิดไปแล้ว 9,138 ตัว แล้วเรากำลังจะติดใหม่อีก 8,500 ตัว แต่ถามว่าโครงการนั้นกับสมาร์ทเซฟตี้โซนเหมือนกันไหม ถ้าเรามองดีๆ 9,138 ตัว กับ 8,500 ตัว อันนั้นวัตถุประสงค์ก็ติดเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม เป็นประโยชน์ฝั่งหนึ่งของตำรวจในการจับกุมคนร้าย แต่สมาร์ทเซฟตี้โซน เป็นมากกว่านั้น” ผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของที่เรียกว่า “สมาร์ทซิตี้” ในยุคสมัยนี้ประชากรโลก 7,800 ล้าน องค์การสหประชาชาติบอกว่าอีก 20 ปีข้างหน้าโดยประมาณ เราจะมีประชากรเพิ่มหว่า 2 พันล้านคน ในปริมาณคนขนาดนี้ การบริโภคทรัพยากรหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเกิดความขาดแคลน คอนเซปต์ของสมาร์ทซิตี้ อาจจะมีเรื่องของการใช้พลังงาน สาธารณสุข การจัดการกับสิ่งแวดล้อม ที่อยู่อาศัย การเคลื่อนย้ายของคน การเดินทาง หลายๆ อย่าง ความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินก็เป็นส่วนหนึ่งของสมาร์ทซิตี้ ถ้าเราอยู่ด้วยความหวาดกลัวภัย ไม่ว่าจะมีความเจริญมากน้อยเท่าไหร่ก็ตาม ความสงบสุขก็ไม่เกิด ในคอนเซปต์ของสมาร์ทซิตี้ หรือสมาร์ทซีเคียวริตี้ หรืออะไรก็ตาม แต่ปัจจัยสำคัญไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยีแต่เพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ความมีส่วนร่วมของทุกคน
“น้ำไหล ไฟสว่าง ทางดี มีอนามัย ก็เป็นส่วนหนึ่งของพื้นฐานที่จะทำให้เกิดความสงบสุขในสังคม เรามีโครงการทั้งหมด 15 สถานีตำรวจ แต่อยากให้มองว่าเป็นโครงการทดลอง เป็นโครงการนำร่อง เป็นแซนด์บ๊อกซ์ที่เราจะเอากระบวนการทำงานใหม่ ๆ มาใส่ลงไป เอาเทคโนโลยีที่เหมาะสมที่เราได้คัดสรรแล้วใส่ลงไป ปัจจัยสำคัญอีกประเด็นหนึ่งนอกจากความร่วมมือก็คือเรื่องการปรับตัวในโลกอนาคต คำว่าผู้ที่อยู่รอดคือผู้ที่แข็งแรง ผู้ที่อ่อนแอจะต้องพ่ายแพ้สูญเสียไป ก็อาจจะไม่ใช่แค่นั้นแล้วในโลกอนาคต ผู้แข็งแรงอย่างเดียวไม่พอต้องมีความสามารถในการปรับตัวด้วย โครงการของเราก็เหมือนกันทุกคนมีส่วนร่วมในความล้มเหลวหรือความสำเร็จของโครงการนี้ อันที่สองเราต้องมีการประเมินและปรับตัวอยู่ตลอดเวลา ทำไมเราไม่เริ่มทีเดียวพร้อมกันทั่วประเทศ ก็เพราะว่าเราจะต้องหาจุดที่ลงตัวในแต่ละพื้นที่ ซึ่งไม่เหมือนกัน เรามีสังคมที่เป็นเมือง สังคมกึ่งชนบท และสังคมชนบท ในแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน แต่หลักใหญ่ใจความคือเราตัดเสื้อตามรูปร่าง ฉะนั้นแต่ละพื้นที่แต่ละส่วนก็จะมีรายละเอียดที่แตกต่าง จะทำจากเล็กไปหาใหญ่ เราจะทดลองเป็นขั้นเป็นตอน หาโซลูชั่นที่ดีที่สุดลงไปในแซนด์บ๊อกซ์ที่เราเตรียม”ผบ.ตร.ระบุ
ผบ.ตร. กล่าวว่า ในโลกดิจิตอลท่านอาจจะได้ยินคำว่าแพลตฟอร์ม เรามีแพลตฟอร์มเยอะแยะไปหมด ถ้าเมื่อ 6-7 ปีก่อนมีคนมาถามว่าคิดว่าโซเชียลมีเดียจะมีผลต่อสังคมไทยมากน้อยแค่ไหน ผมเชื่อว่าท่านอาจจะนึกไม่ออก แต่วันนี้ไม่ใช่แล้ว ท่านจะเห็นว่าวันนี้มันมีอิทธิพลต่อความเป็นอยู่ ต่อชีวิต ต่อการศึกษา ต่อทุกๆ อย่างของคนในสังคมเรา ในชุมชนที่เราจะสร้าง เราก็จะสร้างดิจิตอลแพลตฟอร์ม เพื่อเชื่อมต่อคนทุกคนในชุมชนเข้าด้วยกัน เป็นการสื่อสารสองทาง นอกจากเทคโนโลยีที่จะใส่เข้าไป อย่างที่วีดีทัศน์ที่เราได้เห็นเมื่อสักครู่ จะมีอะไรอีกมากมายที่เราจะลงมาทดลองแล้วใช้งาน ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เป็นเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นแล้ว อีกหลายปีจากนี้ไปอาจเห็นอะไรที่ก้าวกระโดดกว่านี้เยอะแยะ AI ไม่ใช่เรื่องใหม่เลยมันจะมีอะไรที่ชาญฉลาดกว่านั้น แม้แต่ระบบการเงินอีกมากมาย เชื่อว่าถ้าเราทำงานด้วยกันมีการปรับปรุงปรับตัวตลอดเวลา โครงการนี้ก็จะประสบผลสำเร็จวันนี้ไม่ใช่วันที่เราจะมาประกาศความสำเร็จของโครงการนี้ แต่วันนี้เป็นวันที่ประกาศว่าเราจะเริ่มตั้งไจทำงานไปในทิศทางเดียวกัน ช่วยกันทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน จนกว่าโครงการนี้จะบรรลุวัตถุประสงค์ บรรลุความสำเร็จ ทั้งนี้ ก็เพื่อความสงบสุข ความผาสุกของพี่น้องประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ ได้มอบหมาย พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร, พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร., มอบหมายให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา (สบ. 9) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นคณะขับเคลื่อนโครงการสมาร์ทเซฟตี้โซน 4.0 ซึ่งได้คัดเลือกสถานีตำรวจนำร่องทั่วประเทศจำนวน 15 สถานี ประกอบด้วย สน.ลุมพินี , สน.ห้วยขวาง , สน.ภาษีเจริญ , สภ.ปากเกร็ด , สภ.เมืองสมุทรปราการ , สภ.เมืองพัทยา , สภ.เมืองระยอง , สภ.เมืองปราจีนบุรี , สภ.ปากช่อง , สภ.เมืองอุดรธานี , สภ.เมืองเชียงใหม่ , สภ.เมืองพิษณุโลก , สภ.เมืองราชบุรี , สภ.เมืองภูเก็ต และ สภ.หาดใหญ่ โดยคัดเลือกพื้นที่ที่เป็นแลนด์มาร์ก แหล่งเศรษฐกิจ และพื้นที่ที่ประชาชนมีความหวาดกลัวภัยอาชญากรรมมาสร้างเป็นพื้นที่ปลอดภัย และสร้างความเชื่อมั่น อุ่นใจ ปลอดภัย ในชุมชน
ทั้งนี้ คณะทำงานได้นำผลสำรวจพีเพิลโพล (People Poll) และข้อเสนอแนะจากประชาชน มาพัฒนาการดำเนินโครงการ เพื่อสามารถปรับปรุงการทำงานของตำรวจให้ตรงกับสภาพปัญหา และความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง โดยมีองค์ประกอบที่สำคัญ ดังนี้
1. สำรวจกล้อง CCTV ในพื้นที่ ปรับมุมกล้อง และบูรณาการการใช้งานกล้องร่วมกันพร้อมติดตั้งเพิ่มเติม
2. นำนวัตกรรมสมัยใหม่มาใช้เพื่อประสิทธิภาพในการป้องกันอาชญากรรม เช่น มีการติดตั้งกล้อง AI ตรวจจับใบหน้า และกล้อง AI ตรวจจับป้ายทะเบียนรถยนต์ เป็นต้น
3. ติดตั้งเสาสัญญาณ SOS เพื่อประชาชนสามารถแจ้งเหตุด่วนได้ทันที
4. จัดทำห้องปฏิบัติการ CCOC โดยเชื่อมสัญญาณจากกล้องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานราชการ และเอกชนมายังห้องปฏิบัติการและนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์เพื่อคอยควบคุมสั่งการได้ตลอด 24 ชั่วโมง
5. ใช้แอพพลิเคชั่นต่าง ๆ เพื่อความรวดเร็วในการสื่อสาร เช่น POLICE 4.0 , POLICE I LERT U , Line OA แจ้งความออนไลน์ รวมถึงการสร้าง Cyber Village เป็นต้น
6. ร่วมกับหน่วยงานในท้องที่ปรับภูมิทัศน์ของพื้นที่เสี่ยงให้เป็นพื้นที่ปลอดภัย เช่น ตัดแต่งต้นไม้กิ่งไม้ในพื้นที่รกร้าง ขีดสี ตีเส้น ทำความสะอาดพื้นที่ ติดไฟส่องสว่าง เป็นต้น
7. แสวงหาความร่วมมือจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อสร้างกลไกการมีส่วนร่วมจากประชาชนในการช่วยป้องกันอาชญากรรม
โครงการ สมาร์ทเซฟตี้โซน 4.0 ช่วงระยะแรกใน 15 สถานีนำร่อง ได้ดำเนินการไปได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการสนับสนุนของทุกภาคส่วนที่ช่วยกันสร้างมิติใหม่แห่งความปลอดภัย “เปลี่ยนที่เปลี่ยวให้เป็นที่ปลอด(อาชญากรรม) ตามแนวทาง Smart City” เพื่อสร้างความเชื่อมั่น อุ่นใจ ปลอดภัย ในชุมชน ซึ่งในระยะที่สอง ผบ.ตร.มีนโยบายให้ขยายโครงการเข้าสู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยคัดเลือก 1 พื้นที่ 1 จังหวัด และมอบหมายให้ 15 สถานีนำร่องเป็นสถานีต้นแบบในพื้นที่ของตนเองในการขับเคลื่อนโครงการสมาร์ทเซฟตี้โซน 4.0 ให้เกิดขึ้นทั่วทุกจังหวัดต่อไป
—————————————————————————————————–
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 21 ก.ย.2564
Link : https://mgronline.com/crime/detail/9640000093707