อดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองอเมริกันยอมรับเป็นสายลับไซเบอร์ให้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

Loading

  มาร์ค ไบเออร์ (Marc Baier) ไรอัน อดัมส์ (Ryan Adam) และแดเนียล แกริค (Daniel Gericke) อดีตเจ้าหน้าที่ด้านข่าวกรองชาวอเมริกันที่เคยทำงานเป็นสายลับไซเบอร์ให้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) รับสารภาพต่อศาลสูงในกรุงวอชิงตัน ดีซี ว่าได้ละเมิดกฎหมายของสหรัฐอเมริกาว่าด้วยการห้ามขายเทคโนโลยีทางการทหารที่มีความละเอียดอ่อน ทั้งยังระบุว่าได้เคยแฮกระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในสหรัฐฯ และส่งออกเครื่องมือที่ใช้ในการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีความซับซ้อนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐฯ ให้แก่ยูเออี หนึ่งในนั้นคืออาวุธไซเบอร์ที่มีความซับซ้อนที่มีชื่อว่า Karma ที่สามารถแฮกไอโฟนได้โดยง่าย ทั้งสามคนได้ทำข้อตกลงกับรัฐบาลสหรัฐฯ โดยตกลงจ่ายเงินชดใช้รวมกัน 1.69 ล้านเหรียญ (ประมาณ 55.5 ล้านบาท) และจะไม่ทำงานที่สามารถเข้าถึงข้อมูลความลับในด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ อีกต่อไป เพื่อแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี อดีตเจ้าหน้าที่ทั้งสามคนเป็นสมาชิกของกลุ่มปฏิบัติการลับที่มีชื่อว่า Project Raven ซึ่งทำงานให้กับราชวงศ์ของยูเออีในการสืบข่าวศัตรูทางการเมือง สำนักข่าวรอยเตอร์สืบพบ Project Raven ในปี 2562 โดยกลุ่มฯ ดังกล่าวมีประวัติในการสอดแนมนักกิจกรรมด้านสิทธิมนุษยชนและนักสื่อสารมวลชน อย่างนักเรียกร้องสิทธิมนุษยชนชาวเยเมนที่ได้รับรางวัลโนเบล และนักข่าว BBC ในจำนวนนี้ หลายคนถูกซ้อมทรมานโดยรัฐบาลยูเออีในภายหลัง   ————————————————————————————————————————————————– ที่มา : Beartai …

เจ้าสาวไอเอสเผย เตรียมกลับอังกฤษ สู้ข้อหาก่อการร้าย หลังถูกถอดถอนสัญชาติ

Loading

  เจ้าสาวไอเอสเผย – วันที่ 15 ก.ย. เอเอฟพี รายงานความคืบหน้ากรณีที่น.ส.ชามีมา เบกุม วัย 22 ปี พลเมืองสัญชาติอังกฤษ เชื้อชาติบังกลาเทศ ผู้ถูกถอดถอนสัญชาติผู้ดี หลังเดินทางออกจากกรุงลอนดอน พร้อมเพื่อนโรงเรียน 2 คน เมื่อปี 2558 ด้วยเพียงอายุ 15 ปี ในเวลานั้น เพื่อเข้าร่วมกลุ่มรัฐอิสลามในซีเรีย จากนั้น แต่งงานกับนักรบไอเอสจึงได้รับการขนานนามเป็น “เจ้าสาวไอเอส”   ล่าสุด น.ส.เบกุมกล่าวว่าจะเตรียมเดินทางกลับไปอังกฤษ ต่อสู้ข้อหาการก่อการร้ายเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง แม้ว่าศาลสูงสุดของอังกฤษจะมีคำตัดสินเมื่อปลายเดือนก.พ.ปีนี้ ไม่อนุญาตให้น.ส.เบกุมเดินทางกลับอังกฤษเพื่อคัดค้านคำตัดสินของรัฐบาล แต่น.ส.เบกุมปฏิเสธการมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในการเตรียมการก่อการร้าย “ฉันจะไปศาลและเผชิญหน้าผู้กล่าวหา และปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้ เนื่องจากฉันรู้ว่า ฉันไม่ได้ทำอะไรในไอเอส แต่ทำหน้าที่แม่และภรรยาคนหนึ่ง ข้อกล่าวหาเหล่านี้ทำให้ฉันดูแย่ลงเพราะรัฐบาลไม่มีข้อมูลใดเกี่ยวกับฉัน ไม่มีหลักฐานเพราะไม่มีอะไรเกิดขึ้น” น.ส.เบกุมให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ ไอทีวี ของอังกฤษ     น.ส.เบกุม กล่าวว่า ความผิดเดียวที่เธอก่อคือ “โง่พอที่จะเข้าร่วมไอเอส” และขอความเมตตาจากทุกคนที่สูญเสียคนรักจากนักรบไอเอส “ฉันเสียใจมากหากเคยทำให้ใครขุ่นเคืองกับการมาที่นี่ หากทำให้ใครขุ่นเคืองกับสิ่งที่ฉันพูด”…

ออสเตรเลียเผยการโจมตีทางไซเบอร์เพิ่มขึ้นช่วงโควิด

Loading

  ออสเตรเลียเผยเหตุโจมตีทางไซเบอร์เพิ่มขึ้นช่วงโควิด-19 ชี้บริการทางการแพทย์ตกเป็นเป้าหมายหวังขโมยเงินและล้วงข้อมูลสำคัญ รัฐบาลออสเตรเลีย เปิดเผยว่า การระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้อาชญากรรมทางไซเบอร์เพิ่มขึ้น 13% โดยผู้ประสงค์ร้ายพุ่งเป้าโจมตีผู้ที่ทำงานจากที่บ้าน รวมถึงสอดแนมบุคคลที่สุ่มเสี่ยงและผู้ให้บริการทางการแพทย์ เพื่อหวังขโมยเงินและล้วงข้อมูลสำคัญ รายงานประจำปีของศูนย์ดูแลความปลอดภัยทางไซเบอร์ของออสเตรเลียระบุว่า ทางศูนย์ฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับอาชญากรรมทางไซเบอร์กว่า 67,500 ครั้งในรอบ 12 เดือน เมื่อนับจนถึงวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา หรือเฉลี่ยทุก 8 นาทีต่อครั้ง โดยมีการรายงานที่เกี่ยวข้องกับแรนซัมแวร์เพิ่มขึ้นเกือบ 15% ในช่วงดังกล่าว ด้านนายแอนดรูว์ แฮสตี รัฐมนตรีช่วยกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า 1 ใน 4 ของเหตุโจมตีทางไซเบอร์ที่รายงานนั้นส่งผลกระทบต่อหน่วยงานผู้ให้บริการระบบโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ซึ่งได้แก่ บริการที่จำเป็นในด้านการศึกษา, การติดต่อสื่อสาร, ไฟฟ้า, ประปา และการขนส่ง “ในช่วงเวลาที่ชาวออสเตรเลียต้องพึ่งพาบุคลากรทางการแพทย์มากที่สุดเพื่อช่วยเหลือและรักษาชีวิตในภาวะโรคระบาดเช่นนี้ ภาคบริการทางด้านสาธารณสุขมีรายงานเหตุโจมตีจากแรนซัมแวร์มากที่สุดเป็นอันดับสอง” นายแฮสตีระบุในแถลงการณ์ นายแฮสตียังระบุว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น มีรายงานอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับการระบาดของโควิด-19 กว่า 1,500 ครั้งในแต่ละเดือน และได้มีการลบเว็บไซต์ที่มีเนื้อหามุ่งเน้นการระบาดแต่แอบแฝงจุดประสงค์ร้ายไปกว่า 110 เว็บไซต์   —————————————————————————————————————————————————————- ที่มา…

Named Data Networking (NDN): สถาปัตยกรรม Internet ใหม่ที่อาจมาแทน Internet Protocol ทั่วโลกในอีกหลายสิบปีข้างหน้า

Loading

  หนึ่งในเทคโนโลยีน่าจับตามองด้านระบบ Network ที่ถูกกล่าวถึงในรายงาน Gartner Hype Cycle for Emerging Technologies, 2021 นี้ก็คือ Named Data Networking หรือ NDN ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรม Internet รูปแบบใหม่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาที่ Protocol ต่างๆ ใน Internet กำลังเผชิญอยู่ในยุคปัจจุบัน ทั้งในแง่ของ Performance, Security, Efficiency และ Scalability ในบทความนี้ TechTalkThai เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ Named Data Networking หรือ NDN กันโดยสังเขป เพื่อให้พอเห็นถึงแนวคิดในการออกแบบ NDN และวิธีการแก้ไขปัญหาที่ NDN นำเสนอ ให้ทุกท่านได้พอจินตนาการกันออกครับว่าหากโลกในอนาคตเปลี่ยนจากการใช้ IP ไปสู่ NDN กันจริงๆ แล้ว Network ที่เชื่อมโยง Internet ทั่วโลกเข้าด้วยกันนั้นหน้าตาจะเป็นยังไง…

ตาลีบันกร้าว จะล้างแค้นสหรัฐฯ หลังเจอ “คุกลับ”

Loading

  พวกนักรบตาลีบัน ที่เข้าไปดู “คุกลับ” ในเมืองบากรัม ที่เป็นศูนย์ควบคุมนักโทษที่ใหญ่ที่สุดในอัฟกานิสถาน พากันโกรธแค้นเมื่อเห็นสภาพแวดล้อม ก็รู้ได้ทันทีถึงความเป็นอยู่ของคนที่ถูกคุมขัง ที่ต้องโดนทรมานโดยปราศจากการดำเนินคดีตามกฎหมาย นักรบตาลีบัน ที่เข้าไปยัง “คุกลับ” ภายในฐานทัพอากาศของสหรัฐฯ ในเมืองบากรัม ที่ตอนนี้ถูกทิ้งร้าง หลังจากเคยได้ชื่อว่าเป็นศูนย์การทรมานและกักขังนักโทษโดยไม่มีการส่งตัวไปเข้ารับการพิจารณาคดีตามกระบวนการทางกฎหมาย ภายใต้การควบคุมของสหรัฐฯ และกองทัพอัฟกันในสมัยรัฐบาลชุดเดิม โดยคุกลับแห่งนี้ ยังถูกเปรียบเทียบว่า  ไม่ต่างจากเรือนจำที่อ่าวกวนตานาโมของคิวบา ซึ่งนักโทษที่นั่นก็ถูกจองจำ ถูกทรมานเพื่อรีดข้อมูลเช่นกัน     Sky News รายงานว่า คุกลับที่บากรัมถูกพบในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังตาลีบันยึดกรุงคาบูล ทำให้นักโทษพากันหนีออกมา ส่วนคนที่ไม่สามารถออกมาได้ด้วยตัวเอง ได้รับการช่วยเหลือจากตาลีบัน รวมทั้งคนที่ต้องสงสัยว่าเป็นสมาชิกกลุ่ม ISIS-K     ภายในคุกลับ ยังหลงเหลือที่นอนเรียงอยู่ในห้องขัง ของใช้ส่วนตัวที่กระจายอยู่ตามพื้นเฟอร์นิเจอร์ชำรุดและแฟ้มของอดีตผู้ต้องขัง นักรบตาลีบันคนหนึ่ง บอกว่า อดีตรัฐบาลและสหรัฐฯทำลายประเทศของเขา และต้องการแก้แค้นทั้งอดีตรัฐบาลและสหรัฐฯ     ——————————————————————————————————————————————– ที่มา : nationtv     / วันที่เผยแพร่  14 ก.ย.2564 Link…