ภาพ : pixabay
“สกาย ไอซีที” สรุป 5 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกล้องวงจรปิด ย้ำเป็นเทคโนโลยีใกล้ตัวที่คนทั่วไปควรรู้ เดินหน้าดึง AI พัฒนา Smart Security Platform ตอบโจทย์ธุรกิจ เล็งเปิดตัวไตรมาส 4
วันที่ 20 กันยายน 2564 นายขยล ตันติชาติวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY ผู้พัฒนานวัตกรรม การให้บริการ Digital Platform และ AI Solutions กล่าวว่าในช่วง 5 ปีให้หลังมานี้ ระบบกล้องวงจรปิด (CCTV System) ได้รับความนิยมแพร่หลายขึ้นมาก จากเดิมที่เป็นเทคโนโลยีสำหรับองค์กรเพื่อใช้ดูแลความปลอดภัยในอาคารกลายเป็นเทคโนโลยีที่ “ใกล้ตัว” ผู้บริโภคมากขึ้น จากเทคโนโลยีที่พัฒนาไปไกลจนมีราคาเข้าถึงได้ รวมถึงการนำความสามารถของอัจฉริยะของ AI มาใช้ (AI CCTV) ในบริบทที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่
อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีกล้อง CCTV มีรายละเอียดค่อนข้างมาก ไม่ใช่แค่รูปแบบและการติดตั้งตัวเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงนวัตกรรมที่นำมาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ เทรนด์การใช้งาน คุณภาพสินค้าที่มีความเปลี่ยนแปลงต่อเนื่อง
สำหรับ 5 เรื่องที่ผู้ใช้งานทั่วไปอาจยังไม่เคยทราบมาก่อน คือ
1.ตลาดกล้อง CCTV เติบโตอย่างมาก และได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าหลากหลาย จำแนกได้เป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1) Small IoT เป็นกลุ่มลูกค้าครัวเรือนที่กำลังเติบโตอย่างมาก เน้นฟังก์ชั่นด้านไลฟ์สไตล์ หาซื้อง่าย และติดตั้งไม่ยาก ราคาพันกว่าบาทขึ้นไป 2) กลุ่ม Home Use เป็นกลุ่มลูกค้าโครงการที่อยู่อาศัย เน้นคุณภาพกล้อง และเริ่มมีการนำศูนย์สั่งการ (Security Operation Center หรือ SOC) มาช่วยควบคุมและดูแลรักษาความปลอดภัยลูกบ้าน 3) กลุ่ม Business Use เป็นกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดกลาง เช่น อาคารสำนักงาน โรงงาน โรงพยาบาล รวมถึงโครงการที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่และคอนโดมิเนียมที่ต้องการภาพคุณภาพสูง จะติดตั้งกล้อง 64-200 ตัว และ 4) กลุ่ม Enterprise Use เป็นกลุ่มลูกค้าองค์กรหรือธุรกิจขนาดใหญ่ มักใช้กล้องตั้งแต่ 200 ตัวขึ้นไป เช่น ศูนย์ราชการ ห้างสรรพสินค้า สนามบิน สนามกีฬา เน้นความปลอดภัยขั้นสูงสุดและคำนึงถึงระบบรักษาความปลอดภัยครบวงจร
2.กล้อง CCTV ไม่ได้วัดคุณภาพแค่ความคมชัด 720p หรือ 1080p ผู้ผลิตมักใช้ตัวเลขที่ผู้บริโภคเปรียบเทียบได้ง่าย ๆ มาเป็นกิมมิกการตลาด เช่น ความละเอียดกี่ล้านพิกเซล ความคมชัด 720p แต่ในความเป็นจริงยังมีเรื่องที่ต้องดูประกอบอีกหลายปัจจัย เช่น ความไวแสง ความสามารถต่อการทำงานในระดับอุณหภูมิ ความสามารถในเวลากลางคืน ซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้อง มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น (Ingress Protection Rating) ระยะภาพ ระยะเวลาประกัน ไปจนถึงบริการหลังการขาย
3.กล้อง CCTV จากยุค Passive สู่ยุค Active ด้วย AI ในอดีตกล้อง CCTV มักใช้ในเชิงตั้งรับ (Passive) คือบันทึกวิดีโอเก็บไว้ก่อน จากนั้นค่อยนำมาใช้ดูภาพเหตุการณ์ย้อนหลัง แต่ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อเนื่อง ทำให้มีการนำมาใช้ในเชิงรุก (Active) มากขึ้น โดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีการนำ AI มาประมวลผลที่หัวกล้อง ทำให้มีการนำ CCTV มาใช้งานแบบ Real-time เช่น นำกล้อง AI CCTV ผนวกกับระบบ Alert-Alarm ให้ AI วิเคราะห์วัตถุที่กล้องจับภาพได้ กรณีมีสัตว์หรือบุคคลไม่พึงประสงค์เข้ามาในบริเวณอาคาร ระบบจะแจ้งเตือนไปยัง SOC ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัย
4.กล้อง CCTV กำลังพัฒนาสู่การประยุกต์ใช้ในวงกว้าง ไม่ใช่แค่เรื่องความปลอดภัย การนำ AI ซึ่งวิเคราะห์วัตถุในภาพที่ถ่ายได้ ทำให้การใช้ขยายไปได้กว้างขึ้น เช่น ในธุรกิจค้าปลีก นำกล้อง AI CCTV มาใช้ทำนับจำนวนคนในห้างสรรพสินค้า (People Counting) เพื่อให้ทราบจำนวนคนที่เข้ามาใช้บริการในแต่ละวัน และนำไปวางแผนบริหารจัดการสินค้า และในต่างประเทศยังมาช่วยเรื่องที่จอดรถอัจฉริยะ (Smart Parking) ผ่านเทคโนโลยีการอ่านและจดจำป้ายทะเบียน (License Plate Recognition) เพื่อใช้บริหารจัดการในแต่ละช่วงเวลาด้วย
และ 5.กล้อง CCTV กำลังกลายเป็น Trust Partner ด้านความปลอดภัย โดยมี AI เป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานด้านความปลอดภัย ลดภาระงาน และลดความผิดพลาดในการมอนิเตอร์ภาพจากกล้องพร้อมกันครั้งละจำนวนมาก
นายขยลกล่าวต่อว่า สกาย ไอซีที ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการวางระบบกล้อง CCTV และนำ AI มาช่วยประมวลผลเพื่อให้ตรวจจับวัตถุต่าง ๆ ได้แม่นยำ อยู่ระหว่างการพัฒนา AI, กล้อง CCTV และเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย (Security Tech) อื่น ๆ มารวมเป็น Smart Security Platform คาดว่าจะเปิดตัวในไตรมาส 4/2564
—————————————————————————————————————————————————–
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ ออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 20 ก.ย.2564
Link : https://www.prachachat.net/breaking-news/news-764665