รัสเซียประกาศระงับภารกิจในนาโต พร้อมสั่งปิด สนง.ในมอสโก
รัสเซียประกาศระงับการปฏิบัติภารกิจในองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) พร้อมทั้งสั่งให้มีการปิดสำนักงานของนาโตในกรุงมอสโก เพื่อตอบโต้หลังจากที่นาโตได้ขับนักการทูตรัสเซีย
ทั้งนี้ เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม นาโตได้ประกาศถอนการให้การรับรองนักการทูตรัสเซีย 8 คน จากการปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักงานใหญ่ของนาโต ในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม โดยนาโตเชื่อว่าพวกเขาได้ทำงานให้กับหน่วยข่าวกรองของรัสเซียอย่างลับๆ และยังมีการปรับลดจำนวนบุคลากรของรัสเซียในสำนักงานดังกล่าวลงครึ่งหนึ่ง หรือจาก 20 คนเหลือเพียง 10 คนเท่านั้น
ทางการรัสเซียได้บอกปัดข้อกล่าวหาว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีมูลความจริง ก่อนที่ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย จะประกาศมาตรการตอบโต้โดยระงับภารกิจของรัสเซียทั้งหมดในนาโต รวมทั้งสั่งให้มีการปิดสำนักงานประสานงานและฝ่ายสารนิเทศของนาโตในกรุงมอสโกด้วย
ลาฟรอฟระบุด้วยว่า การกระทำของนาโตเป็นการยืนยันว่านาโตไม่ได้สนใจในการมีปฏิสัมพันธ์ หรือการทำงานร่วมกันอย่างเท่าเทียมไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม ดังนั้น เราจึงไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องเสแสร้งว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่เห็นได้ขึ้นในอนาคต
ลาฟรอฟกล่าวว่า หลังจากนี้การติดต่อใดๆ ระหว่างชาติพันธมิตรนาโตกับรัสเซียจะทำผ่านสถานเอกอัครราชทูตรัสเซียในเบลเยียมเท่านั้น ซึ่งเป็นผลจากการกระทำอันผ่านการไตร่ตรองอย่างรอบคอบมาแล้วของนาโตเอง ดังนั้น เราจึงจะระงับการทำงานของคณะผู้แทนรัสเซียประจำนาโต รวมถึงการทำงานของผู้แทนกองทัพ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน
ด้านโฆษกของนาโตออกมาแสดงความเสียใจกับเหตุที่เกิดขึ้น พร้อมกับย้ำว่า นโยบายของนาโตต่อรัสเซียยังคงเป็นเช่นเดิม แต่นาโตต้องกระชับความเข้มแข็งในการยับยั้งและป้องกันเพื่อตอบโต้กับพฤติกรรมก้าวร้าวของรัสเซีย ควบคู่ไปกับการรักษาช่องทางการเจรจาระหว่างกัน ซึ่งรวมถึงผ่านคณะกรรมการนาโต-รัสเซีย
ทั้งนี้ สำนักงานคณะผู้แทนรัสเซียไม่ได้อยู่ในสำนักงานใหญ่ของนาโต แต่ตั้งอยู่ที่ทางตอนใต้ของกรุงบรัสเซลส์ โดยนาโตได้ระงับความร่วมมือในทางปฏิบัติกับรัสเซียเมื่อปี 2014 หลังรัสเซียผนวกคาบสมุทรไครเมียเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย แต่ยังคงเปิดช่องทางในการหารือระดับสูงและความร่วมมือระหว่างกองทัพอยู่
—————————————————————————————————————————————–
ที่มา : มติชนออนไลน์ / วันที่่เผยแพร่ 19 ต.ค.2564
Link : https://www.matichon.co.th/foreign/news_2998140