การแข่งขันโอลิมปิกและพาราลิมปิกที่ผ่านมา ถูกโจมตีทางไซเบอร์กว่า 450 ล้านครั้ง

Loading

  การแข่งขันโอลิมปิก 2020 และพาราลิมปิก 2020 ที่จัดขึ้น ณ กรุงโตเกียว เผชิญกับการโจมตีทางไซเบอร์มากกว่า 450 ล้านครั้ง โดยผู้จัดงานระบุว่าสามารถป้องกันการโจมตีที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด และการแข่งขันไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด “เราสามารถยับยั้งการโจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายใด ๆ ได้ อันเป็นผลมาจากการแลกเปลี่ยนข้อมูลและมาตรการเชิงตอบโต้ที่ได้มีการตระเตรียมไว้ก่อนหน้า” คณะกรรมการผู้จัดงานโตเกียวโอลิมปิกระบุ การโจมตีเกิดขึ้นตั้งแต่พิธีเปิดโอลิมปิกในวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา ไปจนถึงพิธีปิดงานพาราลิมปิกในวันที่ 5 กันยายน โดยส่วนใหญ่มุ่งโจมตีเว็บไซต์ทางการของงานและระบบเครือข่ายของคณะกรรมการผู้จัดงาน วิธีการหลักที่ใช้โจมตีคาดว่าน่าจะเป็น DDoS (Distributed Denial of Service) ซึ่งเป็นการปล่อยข้อมูลจำนวนมหาศาลจนเป้าหมายรับไม่ไหวและล่มไปในที่สุด ทว่าการโจมตีในความถี่ระดับนี้ยังถือว่าน้อยกว่าโอลิมปิกในครั้งก่อน ๆ โดยโอลิมปิก 2012 ที่จัดขึ้น ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ในปี 2555 ถูกโจมตีไปมากกว่า 2,300 ล้านครั้ง และโอลิมปิกฤดูหนาว 2018 ที่จัดขึ้นเมื่อปี 2561 ในเมืองเปียงชาง ประเทศเกาหลีใต้ ถูกโจมตีไปมากกว่า 600 ล้านครั้ง Trend…

สภาสิงคโปร์ผ่านกฎหมาย “ต่อต้านการแทรกแซงจากต่างชาติ”

Loading

  สภาสิงคโปร์เห็นชอบกฎหมาย “ต่อต้านการแทรกแซงจากต่างชาติ” ที่เพิ่มอำนาจให้รัฐบาลบล็อกเนื้อหาออนไลน์ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 5 ต.ค.ว่าสภาแห่งชาติของสิงคโปร์มีมติด้วยเสียงข้างมาก 75 ต่อ 11 เสียง รับรองกฎหมาย “ต่อต้านการแทรกแซงจากต่างชาติ” หลังใช้เวลาอภิปรายนาน 3 สัปดาห์ และการอภิปรายวันสุดท้ายเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ใช้เวลานานเกือบ 10 ชั่วโมง สำหรับสาระสำคัญของกฎหมายดังกล่าว คือการที่รัฐบาลของสิงคโปร์เป็นผู้มีอำนาจสูงสุด ในการป้องกัน สืบหาและยับยั้ง ความพยายามเคลื่อนไหวเพื่อเผยแพร่ “เนื้อหาอันไม่เป็นมิตร” จาก “กองกำลังภายนอก” ซึ่งมีเป้าประสงค์แทรกแซงกิจการภายในของสิงคโปร์ ผ่านบุคคลหรือกลุ่มบุคคล “ที่เป็นตัวแทนในท้องถิ่น“ ทั้งนี้ มาตรการตอบสนองของภาครัฐอาจเป็นการ “ออกคำสั่ง” ให้ผู้บริการด้านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และบริการสังคมออนไลน์เปิดเผยข้อมูลอย่างจำเพาะเจาะจง เกี่ยวกับบุคคลซึ่งกระทำการผิดกฎหมาย การปิดกั้นการเข้าถึงเนื้อหา และการลบเนื้อหานั้น หรืออาจถึงขั้นระงับการใช้บริการแพลตฟอร์มนั้นในสิงคโปร์   The Straits Times   ขณะเดียวกัน บุคคลซึ่งมีคุณสมบัติเข้าข่ายเป็น “บุคคลสำคัญทางการเมือง” ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขเกี่ยวกับการรับเงินบริจาค และต้องแสดงหลักฐาน “ความสัมพันธ์” กับ “ปัจจัยในต่างประเทศ“ ด้านนายเค…

วิธีหากล้องสอดแนม ซ่อนอยู่ในที่พัก Airbnb

Loading

  ทุกวันนี้ภัยคุกคามนั้นเกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นทั้งสตอล์กเกอร์แวร์ สปายแวร์ และกล้องที่ซ่อนอยู่ในที่พักต่าง ๆ ล้วนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง และกำลังมากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ ตั้งแต่ปี 2017 Airbnb ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์หลังจากลูกค้าหลายรายว่าพวกเขาพบกล้องที่ซ่อนอยู่ในสถานที่เช่าของพวกเขา และอีกครั้งในปี 2019 และก็มีเคสต่อมาเรื่อย ๆ จนถึงทุกวันนี้หลายคนจึงตั้งคำถามว่า Airbnb มีการดำเนินการใดๆ ที่จะปกป้องแขกได้หรือไม่ แต่หากไม่ สิ่งสำคัญก็คือ เราจะต้องเรียนรู้วิธีป้องกันตัวเองเพื่อที่จะได้ไม่ถูกสอดแนมอย่างลับ ๆ และข้อมูลของเราจะไม่ถูกขโมยไปแบบง่าย ๆ ทั้งรูปภาพ ตำแหน่งที่อยู่แบบเรียลไทม์ ข้อความ และการสนทนาทางโทรศัพท์ครับ โดยล่าสุดอดีตแฮกเกอร์ชาวอังกฤษได้เผยคลิปวิธีสำรวจกล้องที่ซ่อนอยู่ในอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เราสามารถค้นหาตรวจจับกล้องที่ซ่อนอยู่ โดยเขาได้โพสลงใน TikTok ชื่อว่า Malwaretech ในวีดีโอ เขาได้จัดฉากห้องปกติที่เราจะได้เห็นเวลาที่ไปพักโรงแรมหรือ Airbnb ซึ่งจะพบกล้องที่ซ่อนอยู่ที่ใดบ้าง เช่น นาฬิกาปลุก เครื่องตรวจจับควันไฟ หรือปลั๊กติดผนัง วิธีหนึ่งในการตรวจสอบว่ามีกล้องซ่อนอยู่ในนั้นหรือไม่ คือการฉายแสงไฟฉาย (หากไม่มีไฟฉาย ก็ใช้ไฟฉายจากมือถือ) ถ้าไปโดนเลนส์กล้องมันจะสะท้อนแสงออกมาเป็นสีน้ำเงินซึ่งสามารถลองทดสอบเอาไฟฉายส่องกับกล่องมือถือตัวเองก็ได้ครับ ส่วนกล้องที่ใช้ส่องกลางคืน…

สาวฟ้องโรงพยาบาลในรัฐแอละแบมา เนื่องจากไม่แจ้งเหตุโจมตีทางไซเบอร์ที่ทำให้ลูกเสียชีวิต

Loading

  เทรันนี คิดด์ (Teiranni Kidd) สาวชาวอเมริกัน ได้ยื่นฟ้องโรงพยาบาล Springhill Memorial ในรัฐแอละแบมาเนื่องจากไม่แจ้งให้ทราบถึงการโจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2562 เมื่อครั้งที่เธอเข้าไปติดต่อเพื่อคลอดลูก ทำให้ นิคโก ไซลาร์ (Nicko Silar) ลูกสาวของเธอเสียชีวิตในเวลาต่อมา ในคำฟ้องระบุว่า เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2562 ได้เกิดการโจมตีทางไซเบอร์ด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่ที่ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมดของโรงพยาบาลดับเป็นเวลาเกือบ 8 วัน ระบบประวัติคนไข้ถูกปิดกั้นและบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลไม่สามารถเข้าดูอุปกรณ์ที่ใช้ในสังเกตการเต้นของหัวใจทารกในห้องทำคลอดได้ สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือเจ้าหน้าที่ไม่สังเกตเห็นสายสะดือที่รัดคอของหนูน้อยไซลาร์อยู่ในครรภ์ของมารดา ซึ่งก่อให้เกิดอาการกระทบกระเทือนทางสมอง และทำให้หนูน้อยเสียชีวิตหลังผ่านไป 9 เดือน เนื่องจากเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ คิดด์ระบุว่าเธอคงจะเลือกไปใช้บริการโรงพยาบาลอื่นถ้ารู้แต่แรกว่าสถานการณ์เลวร้ายดังเช่นที่ปรากฎในข้อความที่ส่งกันระหว่างเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล เคทลิน พาร์เนลล์ (Katelyn Parnell) สูตินรีแพทย์ที่ทำคลอดให้คิดด์ระบุว่าในตอนนั้น เธอไม่รู้ว่าระบบเครือข่ายขัดข้อง ไม่เช่นนั้นก็คงจะทำการผ่าคลอดให้กับคิดด์ไปแล้วถ้าหากเธอสามารถใช้เครื่องสังเกตการเต้นของหัวใจเพื่อดูชีพจรของไซลาร์ได้ ทางโรงพยาบาลได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับการตายของไซลาร์ “ในตอนนั้น เรายังคงเปิดให้บริการและบุคลากรทางการแพทย์ของเราได้อุทิศตนเพื่อคนไข้ที่ต้องการพวกเรา โดยเรา พร้อมด้วยทีมแพทย์ที่ให้การรักษานั้นได้ตรวจสอบให้แน่ใจแล้วว่าสามารถทำการรักษาได้” เจฟฟรี เซนต์ แคลร์ (Jeffrey St. Clair) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Springhill ระบุต่อสำนักข่าว…

วิศวะฯ มธ. หนุนไทยปั้นวิศวกรยุคใหม่ รองรับการเติบโต “เทคโนโลยีควอนตัม”

Loading

  วิศวะฯ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เดินหน้าหนุนไทยปั้นวิศวกรยุคใหม่ รองรับการเติบโตของ “เทคโนโลยีควอนตัม” ยกระดับความปลอดภัยไซเบอร์ ปิดช่องโหว่การโจมตีโดนแฮคเกอร์ได้ 100%   เทคโนโลยีควอนตัม (Quantum Technology) ที่เราคุ้นเคยจากภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ในจักรวาล MCU ดูเหมือนว่าตอนนี้จะไม่ได้เป็นเรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่งของมนุษยชาติ กำลังพาเราก้าวข้ามสู่ยุคใหม่ ซึ่งเปลี่ยนผ่านจาก ‘ยุคดิจิทัล’ ไปสู่ ‘ยุคควอนตัม’ ที่อัดแน่นด้วยจำนวนข้อมูลมหาศาล ด้วยระบบประมวลผลรวดเร็วขึ้น และมีความปลอดภัย  100 เปอร์เซ็นต์ โดย รองศาสตรจารย์ วันชัย ไพจิตโรจนา อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TSE) ได้เปิดไทม์ไลน์การเปลี่ยนผ่านของยุคสมัย ที่ขับเคลื่อนด้วย ‘เทคโนโลยีควอนตัม’ (Quantum Technology) พร้อมแนวทางการปรับตัวทางวิศวกรรมที่มีบทบาทในการเปลี่ยนผ่านของยุคสมัย ซึ่งจะเป็นการพลิกโฉมครั้งสำคัญของเทคโนโลยีต่างๆ ที่เราคุ้นเคยไปโดยสิ้นเชิง   เปิดไทม์ไลน์ ‘ยุคควอนตัม’ จ่อเคาะประตูบ้าน TSE ร่วมจับตาเทรนด์ใหม่โลก การเติบโตของ ‘เทคโนโลยีควอนตัม’ (Quantum Technology) ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เริ่มคึกคักและมีแนวโน้มการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการทุ่มงบประมาณมหาศาลของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่างกูเกิ้ล (Google) ไอบีเอ็ม (IBM) และ ดีเวฟ…

อีกมุมมอง “ต่างชาติซื้อบ้าน” ได้ กรณีศึกษาแนวทาง-ข้อกังวล

Loading

  จากกรณีวาระร้อนช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา กับการปลดล็อกเงื่อนไขการลงทุนที่หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการเปิดทางให้ต่างชาติซื้อบ้านและที่ดินในไทยได้ นำไปสู่ข้อครหา “ขายชาติ!” ที่หลายฝ่ายยังถกเถียงว่าเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่? ในบริบทที่ว่านี้ ผู้เขียนจึงขอพา “คุณผู้อ่านไทยรัฐออนไลน์” มาลองมองอีกมุมมองจากประเทศอื่นๆ เช่น “ญี่ปุ่น” กันดูว่า “ทำไมเขาถึงกล้าให้คนชาติอื่นเข้ามาจับจองซื้ออสังหาริมทรัพย์ในบ้านตัวเอง โดยไม่สนคำครหาเช่นเดียวกับไทยนี้บ้าง?” ผ่าน “กรณีศึกษา” แนวทางและวิธีการที่เป็นไปได้ แต่ก่อนอื่นนั้น… ต้องมาย้อนดูมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 14 กันยายน 2564 อีกครั้ง เพื่อไล่เรียงทีละข้อว่า รายละเอียดที่ถูกพูดถึงกันมาก และกลายเป็นคำกล่าวหา “ขายชาติ” มีเช่นไรบ้าง? การเปิดทางให้ “ต่างชาติซื้อบ้าน” ในไทยได้นั้น เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน เพื่อหวังดึงดูดชาวต่างชาติที่มี “ศักยภาพสูง” ซึ่งเป็นข้อเสนอของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่มีทั้งหมด 7 ข้อด้วยกัน และที่ว่านี้ก็อยู่ในข้อที่ 2 โดยระบุว่า “มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย (มท.) พิจารณาความเหมาะสมในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดวีซ่าประเภทผู้พำนักระยะยาวใหม่ รวมทั้งข้อยกเว้นและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ (1)…