รวบ “ไอเอส” ตุรกีควบคุมชาวต่างชาติ 16 ราย ต้องสงสัยว่าเอี่ยวภัยคุกคาม (คลิป)

Loading

  ตุรกีควบคุมตัวชาวต่างชาติที่ต้องสงสัยว่ามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่ม “ไอเอส” 16 ราย ระบุ เป็นภัยคุกคามระดับสูง ตำรวจตุรกีควบคุมตัวชาวต่างชาติที่ต้องสงสัยว่ามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ “ไอเอส” (IS) จำนวน 16 ราย ในนครอิสตันบูล ศูนย์กลางทางการเงินและวัฒนธรรมของประเทศ สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น เติร์ก (CNN Turk) รายงานว่า หน่วยงานตำรวจอิสตันบูลเริ่มปฏิบัติการคู่ขนาน เพื่อจับกุมกลุ่มชาวต่างชาติที่ต้องสงสัยว่าเป็นสมาชิกกลุ่มไอเอส และตรวจค้นที่อยู่ 18 แห่ง พร้อมยึดอุปกรณ์ดิจิทัลหลายรายการ รายงาน ระบุว่า ผู้ต้องสงสัยกลุ่มดังกล่าวทำหน้าที่เกณฑ์สมาชิกใหม่เข้ากลุ่ม “ไอเอส” รวมถึงเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อผ่านแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์เพื่อสนับสนุนกลุ่มไอเอสด้านโลจิสติกส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและผู้เขียนหนังสือหลายเล่มเกี่ยวกับการปราบปรามองค์การก่อการร้ายของตุรกี อับดุลเลาะห์ อาการ์ กล่าวว่า กลุ่มไอเอสซึ่งมุ่งเป้าโจมตีตุรกีอย่างรุนแรงหลายครั้งนับตั้งแต่ปี 2015 เป็น “ภัยคุกคามระดับสูง” สำหรับตุรกี   —————————————————————————————————————————————– ที่มา : คมชัดลึก          / วันที่เผยแพร่  7 ต.ค.2564 Link…

Facebook Smart Glasses

Loading

  เมื่อรูปแบบของการใช้เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลง อาจมีโอกาสที่จะเกิดความขัดแย้งกันระหว่างกฎหมายกับการใช้เทคโนโลยีขึ้นมาได้ ตัวอย่างเกิดขึ้นแล้วจากกรณีของสินค้า smart glasses กับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล แว่นตาอาจถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์พกพาชนิดหนึ่งที่อยู่คู่กับหลาย ๆ คนมานาน ในยุคที่ทุกๆ อย่างถูกทำให้อัจฉริยะมากขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยีฝังเข้าไปในอุปกรณ์เพื่อให้มีความเป็น smart devices และสามารถตอบสนองต่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ หลากหลายมากขึ้น และสามารถเชื่อมต่อในระบบเครือข่ายอัจฉริยะของ IoT เจ้าแว่นตาก็เป็นอุปกรณ์หนึ่งที่หลายๆ บริษัทได้พยายามปรับปรุงให้เป็น smart glasses   Google เป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำที่ได้พัฒนา smart glasses ของตนเอง ภายใต้ชื่อ Google Glass ขึ้นมาและนำออกจำหน่ายในช่วงปี 2013 และยุติการจำหน่ายเป็นการทั่วไปในปี 2015 เนื่องจากราคาที่ค่อนข้างสูง (1,500 USD) และไม่ได้รับการตอบรับจากตลาดเท่าที่ควร และดูเหมือนว่ากระแสของ smart glasses ก็จะดูแผ่วเงียบเบาไปจนกระทั่ง Facebook ร่วมมือกับ Ray-Ban ในการพัฒนา Facebook smart glasses ขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อทำตลาดกลุ่มลูกค้าทั่วไปที่มีความสนใจในแฟชั่นและเทคโนโลยี   แต่ไม่ทันที่…

ไบเดนจัดหนัก! CIA ประกาศตั้งหน่วยพิเศษมีเป้าหมายจ้องเล่นงาน “จีน” โดยเฉพาะ

Loading

  เอพี – สำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ CIA ประกาศวันนี้(7 ต.ค)ว่าได้ตั้งกลุ่มทำงานระดับสูงมีเป้าหมายไปที่จีนโดยเฉพาะเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่ต้องการขวางการเพิ่มอิทธิพลของปักกิ่ง เอพีรายงานวันนี้(7 ต.ค)ว่า กลุ่มทำงานระดับสูงที่ถูกตั้งใหม่ของสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ CIA นี้จะเป็นหนึ่งในหน่วยงานศูนย์ปฎิบัติการเชี่ยวชาญของ CIA ที่มีทั้งหมดไม่ถึง 12 ศูนย์ เอพีชี้ว่ามีการประชุมทุกสัปดาห์ของระดับผู้อำนวยการของหน่วยงานที่มีเป้าหมายให้ยุทธศาสตร์ของสำนักงาน CIA ไปที่จีน นอกจากนี้ในแถลงการณ์วันพฤหัสบดี(7) CIA ยังประกาศจะเพิ่มความพยายามในการว่าจ้างผู้ที่สามารถพูดภาษาจีนและจะสร้างศูนย์ปฎิบัติการแห่งใหม่ที่มีเป้าหมายไปที่เทคโนโลยีเกิดใหม่และปัญหาระดับโลกเป็นต้นว่า การเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศโลกและปัญหาทางสาธารณสุขระดับโลก รัฐบาลสหรัฐฯของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ออกมาชี้ถึงการแสดงความก้าวร้าวของ “ปักกิ่ง” ทั้งด้านความมั่นคงและทางเศรษฐกิจขณะเดียวกันพยายามหาความร่วมมือในผลประโยชน์ร่วมในเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศโลกและปัญหาโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐฯที่ผ่านมาได้ออกมาส่งสัญญาณในการเคลื่อนย้ายทรัพยากรไปยังการแข่งขันชิงทางมหาอำนาจ (great power competition) กับ “จีน” และในเวลาเดียวกันสหรัฐฯยังคงให้ความสำคัญกับการต่อต้านการก่อการร้าย เอพีชี้ว่า จีนถือเป็นงานยากสำหรับชุมชนข่าวกรองสหรัฐฯโดยชี้ไปถึงผู้นำระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์ ขนาดของกองทัพจีน และหน่วยงานความมั่นคงจีนรวมไปถึงความก้าวหน้าต่างๆทางด้านเทคโนโลยีที่นำมาใช้เพื่อต่อต้านการจารกรรม ผู้อำนวยการสำนักงาน CIA วิลเลียม เบิร์นส์( William Burns) เรียกรัฐบาลปักกิ่งในแถลงการณ์วันนี้(7)ของเขาว่า “ภัยคุกคามทางภูมิศาสตร์การเมืองที่สำคัญมากที่สุดเท่าที่เราเคยประสบในศตวรรษที่ 21” “ตลอดทั้งประวัติศาสตร์ของพวกเรา CIA ได้ก้าวเข้ามาเพื่อพบกับสิ่งใดก็ตามที่ท้าทายหรือขวางทางของพวกเรา” เบิร์นส์กล่าว และเสริมต่อว่า “และในเวลานี้พวกเรากำลังเผชิญหน้าต่อบททดสอบทางภูมิศาสตร์การเมืองที่หนักที่สุดในยุคสมัยใหม่ของคู่แข่งชาติมหาอำนาจ…

ศาลผู้ดีเผย เจ้าผู้ครองดูไบใช้สปายแวร์ดักฟังมือถืออดีตชายา

Loading

  ศาลผู้ดีเผย เจ้าผู้ครองดูไบใช้สปายแวร์ดักฟังมือถืออดีตชายา ศาลสูงของอังกฤษพบข้อมูลว่า ชีคมูฮัมหมัด บิน รอชิด อัล มักตูม เจ้าผู้ครองนครดูไบ ซึ่งดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีสหรัฐอาหรับเอ็มเรตส์ (ยูเออี) คนปัจจุบัน ได้แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของอังกฤษ ด้วยการแฮกข้อมูลจากโทรศัพท์ของเจ้าหญิงฮายาแห่งจอร์แดน ซึ่งเป็นอดีตพระชายาของพระองค์ รวมถึงทนายความและทีมงานของเจ้าหญิง ศาลระบุว่าการสั่งให้มีการแฮกข้อมูลดังกล่าวทำขึ้นโดยใช้ซอฟต์แวร์ “เพกาซัส” ซึ่งเป็นของบริษัทอิสราเอลที่ยูเออีมีอยู่ในความครอบครอง โดยซอฟต์แวร์ดังกล่าวมีความสามารถทั้งในการติดตามตัวเป้าหมาย ดักฟังการพูดคุยทางโทรศัพท์ เข้าถึงรายชื่อที่มีการติดต่อ พาสเวิร์ดต่างๆ ตารางนัดหมาย รูปภาพ รวมถึงการอ่านข้อความที่มีการส่งผ่านทางแอพ อีเมล หรือเอสเอ็มเอส ผู้พิพากษาแอนดรู แมคฟาร์เลน ที่มีอาวุโสสูงสุดในศาลครอบครัวของอังกฤษระบุว่า การค้นพบข้อเท็จจริงดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการละเมิดความเชื่อถือและเป็นการละเมิดอำนาจ ซึ่งถือเป็นการล่วงละเมิดอย่างต่อเนื่องที่ผิดกฎหมายอาญาของอังกฤษ และไม่มีเวลาใดเลยที่แสดงให้เห็นว่าผู้ที่เป็นบิดามีความวิตกกังวลเกี่ยวกับมารดาซึ่งเป็นผู้ดูแลบุตรทั้งสองของพวกเขา แต่การแทรกซึมระบบรักษาความปลอดภัยและการแฮกข้อมูลที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความพยายามที่จะหาข้อมูลมาแย้งกับการต่อสู้คดีในศาลจากมุมของผู้เป็นมารดาเท่านั้น เจ้าหญิงฮายาเผยว่า การค้นพบดังกล่าวทำให้พระองค์รู้สึกเหมือนถูกตามล่าและตามหลอกหลอน ขณะที่ทีมทนายของเจ้าหญิงระบุว่า การแฮกข้อมูลมีขึ้นในช่วงเวลาที่เขาติดต่อกับหน่วยราชการอังกฤษ ด้านชีคมูฮัมหมัดออกแถลงการณ์โต้แย้งคำพิพากษาว่าตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ โดยพระองค์ปฏิเสธข้อกล่าวหาใดๆ ที่มีต่อตัวพระองค์เช่นที่ทำมาตลอด พร้อมกับปฏิเสธว่าพระองค์ไม่ได้สั่งการให้ใครใช้ซอฟต์แวร์ใดๆ ในแนวทางดังกล่าว และทีมกฎหมายของพระองค์ไม่ได้เตรียมพร้อมที่จะมาโต้แย้งในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประเด็นด้านความมั่นคงของประเทศยูเออี และว่าพระองค์ไม่เคยได้รับทราบในรายละเอียดของสิ่งที่นำมาอ้างเป็นหลักฐาน ดังนั้นวิธีในการพิจารณาคดีจึงอยู่บนพื้นฐานที่ปราศจากความยุติธรรม ทั้งนี้ชีคมูฮัมหมัดและเจ้าหญิงฮายา ได้ต่อสู้กันในศาลเกี่ยวกับสิทธิในการดูแลบุตร 2 คนของทั้งคู่ หลังเจ้าหญิงฮายาหอบลูกหนีอดีตพระสวามีจากยูเออีมายังอังกฤษเมื่อหลายปีก่อน   —————————————————————————————————————————————————-…