“นายอินทร์ ผู้ปิดทองหลังพระ”พระราชนิพนธ์แปล แสดงถึงพระราชวิริยะอุตสาหะ

Loading

  “นายอินทร์ ผู้ปิดทองหลังพระ” พระราชนิพนธ์แปล แสดงถึงพระราชวิริยะอุตสาหะของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร     “นายอินทร์ ผู้ปิดทองหลังพระ” เป็นพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงแปลมาจากฉบับภาษาอังกฤษชื่อเรื่อง A Man Called Intrepid ของนักเขียนชาวแคนนาดา นายวิลเลียม สตีเวนสัน (William Henry Stevenson) ทรงแปลพระราชนิพนธ์เรื่องนี้นานถึง 3 ปี ด้วยความมุ่งมั่น วิริยะอุตสาหะ ทรงเล็งเห็นว่าใจความสำคัญของหนังสือเรื่อง “นายอินทร์ ผู้ปิดทองหลังพระ” จะเป็นประโยชน์ต่อคนที่ได้อ่านได้เป็นอย่างมาก ด้วยพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถ พระองค์ท่านทรงมีความรู้ทางรากศัพท์ดีมาก จึงได้ถ่ายทอดเรื่องราว “นายอินทร์ ผู้ปิดทองหลังพระ” ออกมาจากฉบับภาษาอังกฤษโดยตรง และปรับใช้ภาษาในการเล่าเรื่องให้คนทั่วไปสามารถเข้าใจได้ง่าย มีทั้งภาษาพูดที่ทำให้คนอ่านเข้าใจง่าย มีเนื้อหาเกี่ยวกับสงครามลับช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ของกลุ่มสายลับต่อต้านฮิตเลอร์ สำหรับคอหนังสือประวัติศาสตร์สงครามโลกแล้ว ไม่ควรพลาดหนังสือพระเล่มนี้   พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร  …

เกาหลีเหนือ : อดีตพันเอกผู้แปรพักตร์เผยความลับอันดำมืดใต้การปกครองของตระกูลคิม

Loading

  คิม กุก-ซอง ยังคงไม่ทิ้งนิสัยเดิมที่มักทำตัวลึกลับซับซ้อน   ทีมข่าวบีบีซีต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการหารือเพื่อขอสัมภาษณ์อดีตเจ้าที่ระดับสูงของหน่วยสายลับเกาหลีเหนือผู้นี้ ซึ่งเขายังคงมีท่าทางกังวลว่าจะมีคนแอบดักฟัง เขาสวมแว่นตาดำเมื่ออยู่หน้ากล้อง และมีเพียงทีมงานของบีบีซีเพียง 2 คนเท่านั้น ที่รู้ชื่อจริงของเขา   นายคิม ใช้เวลา 30 ปีในการไต่เต้าขึ้นสู่ระดับสูงสุดในหน่วยงานสายลับอันทรงอิทธิพลของเกาหลีเหนือ เขากล่าวว่า หน่วยงานเหล่านี้ถือเป็น “ตา หู และสมองของท่านผู้นำสูงสุด“ เขาอ้างว่าตัวเองคือผู้กุมความลับของหน่วยงานเหล่านี้ เป็นผู้ส่งนักฆ่าไปลอบสังหารนักวิจารณ์ฝ่ายตรงข้าม และแม้แต่สร้างห้องแล็บผลิตยาเสพติดเพื่อช่วยหาเงินทุน “เพื่อการปฏิวัติ“ ตอนนี้ อดีตพันเอกชาวเกาหลีเหนือได้ตัดสินใจบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองกับบีบีซี ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่นายทหารระดับสูงจากกรุงเปียงยางให้สัมภาษณ์กับสื่อรายใหญ่ของโลก   ในการให้สัมภาษณ์พิเศษกับบีบีซี นายทหารผู้แปรพักตร์คนนี้บอกว่าตนเองเป็นคน “แดงเข้มที่สุดในบรรดาสีแดงทั้งปวง” เป็นผู้รับใช้ที่จงรักภักดีต่อลัทธิคอมมิวนิสต์ ทว่ายศตำแหน่งและความจงรักภักดีก็ไม่อาจรับประกันความปลอดภัยในเกาหลีเหนือได้   เขาหลบหนีออกมาในปี 2014 และนับแต่นั้นก็อาศัยอยู่ในกรุงโซล โดยทำงานให้หน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้ นายคิมเล่าว่า คณะผู้นำเกาหลีเหนือพยายามที่จะหาเงินเข้าประเทศด้วยสารพัดวิธี ตั้งแต่ค้ายาเสพติดไปจนถึงอาวุธให้ชาติในตะวันออกกลางและแอฟริกา เขายังเผยกับบีบีซีถึงยุทธศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจต่าง ๆ ของรัฐบาลเกาหลีเหนือ รวมทั้งการโจมตีเกาหลีใต้ และคำกล่าวอ้างว่าสายลับและเครือข่ายทางไซเบอร์ของเกาหลีเหนือได้ปฏิบัติภารกิจไปทั่วทุกมุมโลก   แม้บีบีซีจะไม่สามารถหาแหล่งข้อมูลอิสระในการยืนยันคำกล่าวอ้างเหล่านี้ได้แน่ชัด แต่ก็สามารถยืนยันตัวตนของนายคิม และพบหลักฐานสนับสนุนคำกล่าวอ้างต่าง ๆ ของเขา บีบีซีได้ติดต่อไปยังสถานทูตเกาหลีเหนือในกรุงลอนดอน…

นอร์เวย์เผย ‘ชายเดนมาร์ก’ ใช้ธนูไล่ยิงคนตาย 5 เปลี่ยนนับถืออิสลาม มีประวัติพัวพันลัทธิสุดโต่ง แต่ จนท.บอกยังไม่แน่ใจ ‘ก่อการร้าย’ หรือ ‘ป่วยโรคจิต’

Loading

  ตำรวจนอร์เวย์แถลงในวันพฤหัสบดี (14 ต.ค.) ชายวัย 37 ปี ที่ก่อเหตุใช้ธนูไล่ยิงคนตาย 5 คน และบาดเจ็บอีก 2 คน น่าจะเข้าข่ายมี “พฤติการณ์ก่อการร้าย” พร้อมเผยว่าเขาเป็นคนเดนมาร์กซึ่งเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม และถูกตำรวจจับตามาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ เนื่องจากกังวลว่าอาจถูกชักนำเข้าสู่ลัทธิหัวรุนแรง   ผู้เสียชีวิตในเหตุโจมตีซึ่งเกิดขึ้นเมื่อค่ำวันพุธ (13) ในเมืองคองส์เบิร์ก ประกอบด้วย ผู้หญิง 4 คน และผู้ชาย 1 คน อายุระหว่าง 50-70 ปี ส่วนผู้บาดเจ็บ 1 ใน 2 คนเป็นตำรวจที่ไม่ได้อยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่และบังเอิญอยู่ในสถานที่หนึ่งที่คนร้ายก่อเหตุ ซึ่งถือเป็นการโจมตีที่มีผู้เสียชีวิตครั้งร้ายแรงที่สุดในนอร์เวย์ในรอบหนึ่งทศวรรษ ทั้งนี้ คองส์เบิร์ก เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีทิวทัศน์สวยงาม ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ “ไม่มีข้อสงสัยเลยว่า พฤติการณ์จริงๆ ที่เกิดขึ้นนี้ดูเหมือนน่าจะถือเป็นพฤติการณ์ก่อการร้ายได้ แต่เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องสืบสวนสอบสวนกันต่อไป และเราจะทราบแรงจูงใจของผู้ต้องสงสัย” ฮันส์ สเวอร์เรอ สโจโวลด์ ผู้บัญชาการของ PST สำนักงานข่าวกรองของนอร์เวย์ กล่าวในที่ประชุมแถลงข่าว…

เลบานอนป่วน! ยิงกลางกรุงใส่ผู้ประท้วงร้องปลดผู้พิพากษาคดีบึ้มท่าเรือ ดับแล้ว 6 ศพ

Loading

  เลบานอนป่วน! ยิงกลางกรุงใส่ผู้ประท้วงร้องปลดผู้พิพากษาคดีบึ้มท่าเรือ ดับแล้ว 6 ศพ เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สถานการณ์ในกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน ตึงเครียดหนัก เมื่อมีการยิงโจมตีเข้าใส่กลุ่มผู้ประท้วงที่กำลังร่วมการชุมนุมของกลุ่มเฮซบอลเลาะห์ ในการประท้วงเรียกร้องให้ปลดผู้พิพากษาที่นำการสอบสวนในคดีเหตุระเบิดครั้งใหญ่ที่ท่าเรือในกรุงเบรุตเมื่อปีที่ผ่านมา ออกจากตำแหน่ง เหตุการณ์ยิงโจมตีจากกลุ่มไม่ทราบฝ่าย ส่งผลให้มีชาวชีอะห์เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย และได้รับบาดเจ็บกว่า 30 คน     สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นเผยภาพเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นกระสุนปืนถูกยิงออกมาจากตึกหลายหลัง ขณะที่ผู้คนวิ่งหาที่กำบังตัว หนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นผู้หญิงรายหนึ่งที่ถูกลูกหลงขณะอยู่ในบ้านพักของตัวเอง แหล่งข่าวทางทหารระบุว่า ผู้เสียชีวิตที่ถูกยิงทั้งหมดเป็นชาวชีอะห์     ผู้เห็นเหตุการณ์รายหนึ่งเผยว่า กลุ่มครูที่อยู่ในโรงเรียนใกล้เคียงได้ตะโกนร้องให้เด็กๆ หมอบลงกับพื้น ขณะที่เสียงปืนได้ยินเป็นเเวลาหลายชั่วโมง รวมถึงเสียงระเบิดซึ่งเกิดขึ้นหลายครั้งที่ดูเหมือนว่าจะเป็นจรวดอาร์พีจีที่ถูกยิงขึ้นฟ้า     กองทัพเลบานอนออกมาแถลงว่า เหตุยิงโจมตีพุ่งเป้าไปที่กลุ่มผู้ประท้วงที่กำลังเคลื่อนขบวนผ่านวงเวียนจราจร เทยูเนห์ ซึ่งพื้นที่ที่แบ่งแยกระหว่างชุมชนคริสเตียนกับชุมชนมุสลิมชีอะห์ในเบรุต ด้านกลุ่มเฮซบอลเลาะห์และขบวนการอามาล ซึ่งเป็นพันธมิตรชนมุสลิมชีอะห์ กล่าวอ้างว่า มีหลายกลุ่มที่ยิงโจมตีเข้าใส่กลุ่มผู้ประท้วงมาจากบนหลังคา โดยเล็งยิงเข้าที่ศีรษะในการโจมตีที่มุ่งหมายดึงเลบานอนลงสู่ความขัดแย้ง     นายนาจิบ มิกาติ นายกรัฐมนตรีเลบานอน ออกมาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ ขณะที่กองทัพได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่เข้ารักษาการณ์ในพื้นที่…

จีนพร้อมลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในอัฟกานิสถานหากได้รับหลักประกันด้านความปลอดภัย

Loading

  นายซาบิฮูลา มูจาฮีด รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงข่าวสารข้อมูลและวัฒนธรรมของรัฐบาลตาลิบันให้สัมภาษณ์กับวีโอเอว่าขณะนี้จีนต้องการลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในอัฟกานิสถานหากรัฐบาลตาลิบันสามารถให้หลักประกันเรื่องความมั่นคงปลอดภัยแก่คนทำงานรวมทั้งทรัพย์สินของจีนได้ และว่าขณะนี้รัฐบาลตาลิบันพร้อมที่จะทำตามข้อเรียกร้องดังกล่าวจากจีนด้วย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ประชาคมระหว่างประเทศยังคงตำหนิรัฐบาลตาลิบันในอัฟกานิสถานอย่างรุนแรงที่ไม่ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาเรื่องการเคารพสิทธิของสตรีและชนกลุ่มน้อยและไม่ยอมให้มีตัวแทนจากกลุ่มชาติพันธ์ต่างๆ เข้าร่วมในคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบัน นอกจากนั้นรัฐบาลตาลิบันยังคงห้ามไม่ให้เด็กผู้หญิงในระดับมัธยมต้นถึงมัธยมปลายเข้าเรียนในโรงเรียน แต่ยอมให้เด็กผู้ชายกลับไปเรียนได้ตามเดิม อีกด้านหนึ่ง รายงานชิ้นใหม่ที่เผยแพร่โดยกองทัพสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้เปิดเผยว่าในขณะที่เกิดความโกลาหลวุ่นวายที่สนามบินนานาชาติของกรุงกาบูลเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาได้มีความพยายามจี้บังคับเครื่องบินพาณิชย์ลำหนึ่งซึ่งเตรียมไว้เพื่ออพยพผู้คนออกจากอัฟกานิสถาน โดยรายงานที่ว่านี้ระบุว่ามีบุคคลห้าคนบนเครื่องบินลำนี้ตั้งใจจะจี้บังคับเครื่องบินสำหรับเที่ยวบินเพื่ออพยพผู้คน อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นและรายงานก็ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับวันเวลาหรือเที่ยวบินที่ว่านี้ ที่มา: VOA ————————————————————————————————————————————- ที่มา :  VOA Thai      / วันที่เผยแพร่   15 ต.ค.2564 Link : https://www.voathai.com/a/china-afghanistan-ct/6271712.html

คาร์บอมบ์อัฟกานิสถานอีก ปลิดชีพหัวหน้าตำรวจท้องถิ่น บาดเจ็บนับสิบ

Loading

  คาร์บอมบ์อัฟกานิสถานอีก – วันที่ 14 ต.ค. เอเอฟพี รายงานความไม่สงบในอัฟกานิสถานว่า เกิดคาร์บอมบ์ยานพาหนะที่มีหัวหน้าตำรวจท้องถิ่นของตาลิบันโดยสารไปด้วย ในนครอาซาดาบัด จังหวัดคูนาร์ ทางตะวันออกของประเทศ เจ้าหน้าที่ตาลิบันระบุว่า คาร์บอมบ์ดังกล่าวพุ่งเป้าโจมตีหัวหน้าตำรวจประจำเขตชีกัลซึ่งเสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บอีก 11 คน ซึ่งแพทย์ที่โรงพยาบาลกลางบอกว่า ในจำนวนนี้ เป็นนักรบตาลิบัน 4 คน และพลเรือน 7 คน ขณะนี้ยังไม่มีใครออกมาอ้างเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง แต่กลุ่มรัฐอิสลาม-โคราซัน (ไอเอส-เค) ซึ่งกบดานทางตะวันออกของอัฟกานิสถาน ที่ผ่านมาพุ่งเป้าโจมตีตาลิบันในลักษณะใกล้เคียงกันหลายครั้ง ล่าสุด ระเบิดฆ่าตัวตายในมัสยิดนิกายชีอะห์ในจังหวัดคุนดุซ เมื่อสัปดาห์ก่อน คร่าชีวิตราว 100 ราย ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมที่อยู่ในพิธีละหมาดวันศุกร์ ทั้งนี้ ตาลิบันสู้รบกับไอเอส-เคมาตลอดตั้งแต่ไอเอส-เคเกิดขึ้นในอัฟกานิสถานเมื่อปี 2557   ————————————————————————————————————————————- ที่มา :  ข่าวสดออนไลน์       / วันที่เผยแพร่   14 ต.ค.2564 Link : https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_6676386