เอเอฟพี – หุ่นยนต์โรโบคอป “ซาเวียร์” คอยวิ่งตรวจการไปมาในสิงคโปร์เป็นโครงการนำร่องล่าสุดของแดนลอดช่องในการใช้หุ่นยนต์ตำรวจในการตรวจตราคนกระทำผิดไม่ว่าจะเป็นพวกสูบบุหรี่ในพื้นที่ไม่เหมาะสมหรือการละเมิดการเว้นระยะห่างทางสังคม สร้างความวิตกปัญหาความเป็นส่วนตัว
เอเอฟพีรายงานวันนี้(6 ต.ค)ว่า เครื่องมือสอดแนมล่าสุดของรัฐบาลสิงคโปร์ที่กำลังทดลองใช้คือหุ่นยนต์ตำรวจหรือโรโบคอปที่เคลื่อนที่ด้วยล้อที่มีกล้องถึง 7 ตัวคอยส่งเสียงเตือนไปยังสาธารณะชนถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมทั้งหลาย
ซึ่งพฤติกรรมที่ว่าได้แก่การสูบบุหรี่ในเขตหวงห้าม การจอดจักรยานอย่างไม่เหมาะสม และการละเมิดกฎการเว้นระยะห่างทางสังคมอันเป็นมาตรการโควิด-19
โดยหนึ่งในโรโบคอปของสิงคโปร์ที่อยู่ในช่วงเริ่มทดลองงานคือ หุ่นยนต์โรโบคอปซาเวียร์(Xavier) ได้วิ่งไปยังบ้านการเคหะและหยุดลงตรงหน้ากลุ่มผู้สูงอายุที่กำลังเล่นหมากรุกอยู่
โดยเสียงที่ออกมาจากโรโบคอปซาเวียร์มีใจความว่า “ได้โปรดเว้นระยะห่างทางสังคมเป็นระยะ 1 เมตร และได้โปรดมีผู้ร่วมกลุ่มสูงสุดแค่ 5 คนเท่านั้น” ขณะเดียวกันพบว่ากล้องเซ็นเซอร์ที่อยู่ด้านบนคอยจับจ้องไปที่ผู้สูงอายุแดนลอดช่องเหล่านี้
รัฐบาลสิงคโปร์ได้ชื่อว่าถูกตำหนิจากการที่มักใช้มาตรการริดรอนสิทธิเสรีภาพพลเมืองของตนเองและพลเมืองสิงคโปร์มักจะอยู่ภายใต้มาตรการเข้มงวด และเริ่มที่จะอดรนทนไม่ได้จากการที่รัฐบาลสิงคโปร์เริ่มใช้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาใช้เพื่อบุกรุกสิทธิความเป็นส่วนตัวที่รวมไปถึงกล้องทีวีวงจรปิดที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีตรวจจับใบหน้าจำนวนมากตามเสาไฟ
เอเอฟพีรายงานว่า ทั้งนี้ในเดือนกันยายนที่ผ่านมาสิงคโปร์ได้ทดลองใช้หุ่นยนต์ตำรวจ 2 ตัววิ่งตรวจการบ้านพักการเคะและศูนย์การค้าแห่งหนึ่งเป็นเวลา 3 สัปดาห์
ด้านแฟรนนี เทียว( Frannie Teo)ผู้ช่วยนักวิจัยวัย 34 ปีกำลังเดินอยู่ในห้างระหว่างที่หุ่นยนต์ตำรวจกำลังออกลาดตระเวน และได้แสดงความเห็นออกมาว่า
“มันทำให้ดิฉันคิดไปถึงหุ่นโรโบคอป” และเสริมต่อว่า “มันทำให้ต้องตระหนักถึงโลกในอนาคตที่ไม่น่าปราถนาของพวกหุ่นยนต์…ซึ่งดิฉันมักจะลังเลไม่แน่ใจเกี่ยวกับไอเดียพวกนี้”
ด้านลี ยี่ ถิง( Lee Yi Ting) นักรณรงค์ทางสิทธิดิจิทัลกล่าวว่า หุ่นยนต์เหล่านี้เป็นสิ่งล่าสุดของการเฝ้าจับตามองชาวสิงคโปร์ “มันทำให้คนต้องตระหนักว่า…จำเป็นต้องระวังในสิ่งที่พวกเขาหรือเธอกล่าวหรือสิ่งที่คนเหล่านั้นทำระหว่างอยู่ในสิงคโปร์ไกลกว่าขอบเขตที่คนเหล่านั้นจะทำในประเทศอื่น”
อย่างไรก็ตามรัฐบาลสิงคโปร์ออกมาโต้ถึงความจำเป็นที่ต้องใช้หุ่นยนต์ตำรวจตรวจการว่า หุ่นเหล่านี้จะไม่ถูกใช้เพื่อบ่งชี้ตัวผู้กระทำผิดหรือใช้มาตรการใดๆกับผู้ฝ่าฝืนระหว่างระยะเวลาการทดลองและยังนำมาใช้งานเนื่องมาจากสิงคโปร์ประสบปัญหาขาดแคลนจำนวนประชากรในวัยทำงาน
โดย อง กา ฮิง (Ong Ka Hing ) จากสำนักงานรัฐบาลที่เป็นผู้พัฒนาหุ่นยนต์โรโบคอปซาเวียร์ขึ้นมาระบุว่า การใช้หุ่นยนต์ตรวจการเข้าช่วยจะสามารถช่วยลดกำลังพลที่ต้องเดินตรวจการทางเท้าลงได้
อย่างไรก็ตามเอเอฟพีชี้ว่า สิงคโปร์ซึ่งมีพื้นที่จำกัดและมีจำนวนประชากรทั้งหมด 5.5 ล้านคนแต่มีกล้องทีวีวงจรปิดตำรวจถึง 90,000 ตัวและคาดว่าจะเพิ่มเป็น 2 เท่าภายในปี 2030 รวมไปถึงการใช้เทคโนโลยีตรวจจับใบหน้าที่จะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถค้นหาบุคคลจากกลุ่มฝูงชนที่อาจสามารถติดตั้งตามเสาไฟฟ้าได้
อย่างไรก็ตามนักวิจารณ์ออกมาชี้ว่า กฎหมายสิงคโปร์นั้นมีการจำกัดเล็กน้อยต่อการสอดแนมของรัฐบาล และอีกทั้งสิงคโปร์มีการควบคุมเล็กน้อยต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับข้อมูลที่ถูกรวบรวม
——————————————————————————————————————————————————-
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 6 ต.ค.2564
Link : https://mgronline.com/around/detail/9640000099126