รัสเซียพัฒนา “หินสายลับ” อุปกรณ์ดักฟัง อังกฤษเคยใช้สอดแนมมอสโก

Loading

  รัสเซียพัฒนา – มิร์เรอร์ รายงานวันที่ 28 พ.ย. ว่า สถานีโทรทัศน์รัสเซียนำเสนอ “หินหุ่นยนต์” ที่สามารถควบคุมได้ด้วยสัญญาณวิทยุจากผู้ควบคุมที่อยู่ห่างออกไปมากกว่า 1 ไมล์ และสามารถเคลื่อนเข้าสู่ตำแหน่งได้ เมื่อศัตรูไม่ได้ทันดู รัสเซียกำลังดำเนินการทดลองกับ “หินสอดแนม” ที่แปลกประหลาด ซึ่งเป็นอุปกรณ์ดักฟังที่ครั้งหนึ่งหน่วยข่าวกรองอังกฤษเคยใช้ในกรุงมอสโก     สถานีโทรทัศน์สเวียซดา กระทรวงกลาโหมรัสเซีย แพร่ภาพหินปลอมที่ออกแบบโดยนักวิจัยทางทหารของกรุงมอสโกเพื่อใช้กับศัตรูของชาติ. “เนื่องจากการปลอมตัวและความสามารถที่จะเปลี่ยนตำแหน่ง หินจึงมีประโยชน์มนสงครามสนามเพลาะ” หินหุ่นยนต์สามารถควบคุมได้จากสัญญาณวิทยุจากผู้ควบคุมที่อยู่ห่างออกไปมากกว่าหนึ่งไมล์ และเคลื่อนเข้าสู่ตำแหน่งเมื่อศัตรูไม่ได้เฝ้าดู     นักออกแบบหินสอดแนม ที่สถาบันกองทัพอากาศจากเมืองโวโรเนจ ภายใต้การการแนะนำของคณะกรรมการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งกองบัญชาการหลักการฝึกรบของกองทัพบกรัสเซีย ระบุว่า หินสอดแนมมีกล้องและความสามารถในการดักฟัง หินดังกล่าวเป็นที่รู้จักอย่างเป็นทางการว่า “ศูนย์สังเกตการณ์” ด้วยดวงตาอิเล็กทรอนิกส์ที่ยกขึ้นเหมือนกล้องปริทรรศน์ ส่วนสถานีโทรทัศน์ทหารรัสเซียขนานนามว่า “สายลับหิน” และในปัจจุบันไม่มีอุปกรณ์ใกล้เคียงกันที่กองทัพรัสเซียใช้ นีโคไล เยเมตส์ นักออกแบบคนหนึ่ง สาธิตหินหุ่นยนต์ทางโทรทัศน์ ซึ่งอธิบายว่า “ปัญหาหลักคือการนำอุปกรณ์ทั้งหมดที่เราต้องการมาทำเป็นหินก้อนเล็กๆ” ไอเดียดังกล่าวน่าจะนำมาจากหินสอดแนมซับซ้อนสัญชาติอังกฤษ ซึ่งเคยถูกหน่วยข่าวกรองลับรัสเซียพบในสวนสาธารณะกรุงมอสโก และพบคนรัสเซียที่เป็นกบฏคนหนึ่งเดินใกล้หินก้อนดังกล่าว และต่อมาถูกกล่าวหาว่าส่งข้อมูลที่เป็นความลับแก่หินสอดแนมก้อนนี้ ถูกพบว่าหน่วยข่าวกรองลับอังกฤษ (เอ็มไอ 6) เป็นคนฝังดิน…

ผู้นำญี่ปุ่นลั่นเสริมแกร่งกองกำลังป้องกันตนเอง

Loading

  โตเกียว (รอยเตอร์ส/เอ็นเอชเค) – นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่นย้ำจะพิจารณาทางเลือกทุกอย่าง ซึ่งรวมถึงการมีอาวุธที่มีความสามารถในการโจมตีฐานทัพของศัตรู และสัญญาว่าจะเสริมสร้างกองกำลังป้องกันตนเองให้แข็งแกร่งกว่าเดิมเพื่อปกป้องประเทศและรับมือกับภัยคุกคามที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากจีนและเกาหลีเหนือ นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น ตรวจแถวสวนสนามของทหารกองทัพญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกของเขาเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ระหว่างทำหน้าที่ผู้บัญชาการสูงสุดเป็นครั้งแรกในการสวนสนาม ซึ่งเป็นพิธีที่จัดขึ้นที่ฐานทัพอาซากะ ทางตอนเหนือของกรุงโตเกียว โดยมีทหารเข้าร่วมราว 800 นาย เขากล่าวปราศรัยกับสมาชิกกองกำลังป้องกันตนเองหลายร้อยคนที่สวมเครื่องแบบสีเขียวมะกอกและหมวก โดยเขาระบุว่า เขาจะพิจารณาทางเลือกทุกทาง ซึ่งรวมถึงการให้ได้มาซึ่งอาวุธที่มีแสนยานุภาพในการโจมตีฐานทัพของศัตรู เขาจะเดินหน้าเสริมสร้างกำลังทหารที่มีความจำเป็น นายคิชิดะ กล่าวว่า สถานการณ์ด้านความมั่นคงรอบๆ ประเทศญี่ปุ่นมีความเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมากและสภาพความเป็นจริงมีความรุนแรงมากอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน โดยเกาหลีเหนือดำเนินการทดสอบปล่อยขีปนาวุธอย่างต่อเนื่องและเพิ่มสมรรถนะมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่จีนก็เสริมสร้างกำลังกองทัพและเพิ่มกิจกรรมทางทหารในภูมิภาคเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้ คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นลงมติเห็นชอบอนุมัติงบกลาโหมพิเศษเพื่อเร่งจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ แต่ยังต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภาอีกขั้นตอน ส่งผลให้งบประมาณรายจ่ายด้านกลาโหมของญี่ปุ่น ในปีงบประมาณปัจจุบัน สูงขึ้นเป็นสถิติใหม่กว่า 6.1 ล้านล้านเยน (1,762,850 ล้านบาท) สูงขึ้น 15% จาก 5.31 ล้านล้านเยน ในปี 2020 แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น ระบุว่า งบประมาณเพื่อเสริมขีดขั้นสมรรถนะทางทหาร และเร่งการจัดซื้ออาวุธ ถูกออกแบบเพื่อเร่งการประจำการ อุปกรณ์สำคัญบางส่วน…

5 คำทำนายไซเบอร์ซิเคียวริตี้ปี 2565

Loading

  ช่วงต้นปี 2565 ธุรกิจจำนวนมากจะถูกโจมตี ในขณะที่หลายองค์กรเริ่มเข้าสู่โหมดชะลอตัวก่อนถึงช่วงวันหยุดสิ้นปี และกำลังโฟกัสอยู่ที่การเตรียมให้พนักงานกลับเข้าทำงานในออฟฟิศเหมือนช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือปรับรูปแบบการทำงานให้เป็นไฮบริด มีทั้งทีมที่ทำงานจากที่บ้านและที่ออฟฟิศ สิ่งเหล่านี้อาจเบี่ยงเบนความสนใจด้านซิเคียวริตี้ และกลายเป็นโอกาสให้อาชญากรไซเบอร์แอบแฝงเข้ามาในเน็ตเวิร์คองค์กรได้โดยไม่ก่อให้เกิดความสงสัย ในปี 2565 เราจะเห็นองค์กรออกมาเปิดเผยเหตุละเมิดข้อมูลหรือการถูกโจมตีทางไซเบอร์ต่างๆ และสืบย้อนไปได้ว่าต้นเหตุของการละเมิดข้อมูลเหล่านั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปี   เราใกล้จะเป็นพาสเวิร์ดของตัวเราเองแล้ว การโจมตีทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมๆ กับการเพิ่มขึ้นมหาศาลของบัญชีออนไลน์ พ่วงด้วยแนวปฏิบัติเกี่ยวกับพาสเวิร์ดที่ไม่รัดกุมของผู้บริโภคในปัจจุบัน กำลังกลายเป็นสูตรสำเร็จที่นำสู่เหตุธุรกิจหยุดชะงักอย่างต่อเนื่อง พาสเวิร์ดที่ไม่ปลอดภัยเป็นช่องที่นำสู่การเจาะข้อมูล และนำสู่เหตุพาสเวิร์ดรั่วไหลอื่นๆ ต่อไปอีก จนกลายเป็นวงจรอันตราย การพัฒนาของ AI และเทคโนโลยีไบโอเมตริกซ์จะทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกรูปแบบการพิสูจน์ตัวตนอื่นๆ เพิ่มขึ้น เราเริ่มคุ้นเคยกับการใช้ Face ID, ลายนิ้วมือ หรือการพิสูจน์ตัวตนด้วยไบโอเมตริกซ์รูปแบบอื่นๆ ที่วันนี้กลายเป็นตัวเลือกที่ผู้ให้บริการหลายรายเลือกใช้ จริงๆ แล้วผู้บริโภคย่อมไม่สามารถจดจำหรือจัดการพาสเวิร์ดที่แตกต่างกันมากกว่า 20 พาสเวิร์ดได้ และหลายคนก็ไม่ได้ใช้เครื่องมือจัดการพาสเวิร์ด แต่เมื่อมองในแง่ความสะดวก และยิ่งเมื่อการพิสูจน์ตัวตนรูปแบบต่างๆ มีความสะดวกปลอดภัยมากขึ้น เราจะเริ่มเห็นการใช้งานลักษณะนี้มากยิ่งขึ้น   การโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ที่เกิดขึ้นกับบริษัทหนึ่ง จะนำสู่การขู่รีดไถอีกบริษัทหนึ่ง การโจมตีด้วยแรนซัมแวร์จะเพิ่มมากขึ้น ภายใต้ความพยายามในการเพิ่มรายได้และปิดจ็อบให้เร็วยิ่งขึ้น ในปี 2565 เราจะเริ่มเห็นแรนซัมแวร์เรียกค่าไถ่แบบขู่กรรโชกสามชั้นมากขึ้นเรื่อยๆ โดยการถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ที่เกิดขึ้นกับองค์กรหนึ่ง จะกลายเป็นภัยคุกคามขู่กรรโชกไปยังคู่ค้าทางธุรกิจขององค์กรนั้นๆ ด้วย…

เดือด! ม็อบปากีฯบุกล้อมสถานีตำรวจก่อนจุดไฟเผาวอด รวมรถไม่ต่ำกว่า 30 คันเรียกร้องให้ “ส่งตัว” ชายเผาคัมภีร์อัลกุรอาน

Loading

  เอเอฟพี/เอเจนซีส์ – ฝูงชนที่โกรธแค้นชาวปากีสถานนับพันบุกล้อมสถานีตำรวจแคว้นไคเบอร์ปัคตูนควาที่ห่างไกลคืนวันอาทิตย์( 28 พ.ย)กดดันตำรวจเรียกร้องให้ส่งตัวชายต้องสงสัยเผาคัมภีร์อัลกุรอานให้ทางกลุ่มจัดการเผาชายคนดังกล่าวทั้งเป็นเพื่อแก้แค้น พบสถานีตำรวจทั้งหลังรวมรถไม่ต่ำกว่า 30 คันถูกเผาจนวอด เอเอฟพีรายงาน (29 พ.ย)ว่า ทั้งนี้พบว่าม็อบกดดันที่มากถึง 5,000 คนรวมตัวปิดล้อมสถานีตำรวจในเขตชาร์ซัดดา( Charsadda)ของแคว้นไคเบอร์ปัคตูนควา(Khyber Pakhtunkhwa )ที่ห่างไกลทางตะวันตกเฉียงเหนือในคืนวันอาทิตย์(28) อ้างอิงจาก VOA สื่อสหรัฐฯพบว่า กลุ่มม็อบจัดการเผาสถานีตำรวจทั้งหลังจนวอดรวมไปถึงจุดตรวจทางความมั่นคงอีกไม่กี่แห่งที่อยู่ใกล้เคียงหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปฎิเสธไม่ยอมมอบตัวชายผู้ต้องสงสัยที่ถูกกล่าวหาว่าทำการลบหลู่คัมภีร์ศักดิสิทธิ์ของศาสนาอิสลามด้วยการจุดไฟเผา   ม็อบโกรธจัดยังจัดการเผารถไปไม่ต่ำกว่า 30 คันจนวอดในคืนเดียวกันนั้น และได้เข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างไม่เกรงกลัวจนทำให้ทั้งตำรวจและนักโทษที่อยู่ด้านในสถานีต้องหลบหนีไปเพื่อความปลอดภัย ซึ่งผู้ต้องขังรายนี้ที่ถูกกล่าวหาละเมิดกฎหมายป้องกันการลบหลู่ศาสนาถูกนำมาควบคุมตัวในช่วงต้นของวันก่อนหน้า ภาพวิดีโอคลิปที่เผยแพร่ไปทั่วโซเชียลมีเดียแสดงให้เห็นสถานีตำรวจกำลังเกิดไฟไหม้ VOA ชี้ แต่ยังไม่หยุดแค่นั้นเพราะเอเอฟพีชี้ว่าในเช้าวันถัดมา(29)พบฝูงชนอีกร่วม 2,000 คนรวมตัวกดดันตำรวจต่อที่ด้านนอกสถานีและจัดการเผาเครื่องแบบตำรวจให้เห็นจะๆ   “พวกม็อบบุกเข้าสถานีตำรวจเพื่อต้องการให้ส่งตัวชายต้องสงสัยให้แก่พวกเขาเพื่อให้คนเหล่านั้นจัดการเผาทั้งเป็นเหมือนเช่นที่ชายต้องสงสัยทำการลบหลู่เผาคัมภีร์อัลกุรอาน” หัวหน้าตำรวจประจำเขต อาซีฟ บาฮาดูร์( Asif Bahadur) กล่าว บาฮาดูร์เสริมต่อว่า แต่ทว่ารายละเอียดเกี่ยวกับชายต้องสงสัยเผาคัมภีร์ทั้งชื่อและศาสนาที่ชายคนนี้นับถือไม่ถูกเปิดเผยโดยตำรวจเพื่อความปลอดภัยของทุกคน เขากล่าวต่อว่า “แรงจูงใจในการเผาคัมภีน์อัลกุรอานนี้ยังไม่กระจ่างชัดและในเวลานี้เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวน”   เจ้าหน้าที่ปากีสถานแถลงในวันนี้(29)ว่า พวกเขาสามารถจับกุม 30 คนเกี่ยวข้องกับคดีบุกเผาสถานีตำรวจเพื่อเป้าหมายต้องการได้ตัวชายต้องสงสัยหลบหลู่เพื่อทำการแขวนคอชายคนดังกล่าวที่มีปัญหาทางจิต VOA รายงานและเสริมต่อว่า ประชาชนในพื้นที่ชี้ว่า ความตรึงเครียดยังคงมีสูงภายในเขตชาร์ซัดดาและมีการส่งกำลังตำรวจจำนวนมากเข้ามาเพื่อรักษาความสงบ…

กระทรวงดิจิทัลสหราชอาณาจักรเสนอกฎหมายควบคุมอุปกรณ์ IoT บังคับตั้งรหัสผ่านใหม่ ต้องแจ้งผู้ใช้ว่าจะซัพพอร์ตนานเพียงใด

Loading

  กระทรวงดิจิทัล, วัฒนธรรม, สื่อ, และการกีฬาสหราชอาณาจักรเสนอร่างกฎหมาย Product Security and Telecommunications Infrastructure (PSTI) เข้าสู่สภาเพื่อควบคุมความปลอดภัยของอุปกรณ์ IoT ทั้งระบบ เช่น สมาร์ตทีวี, กล้องวงจรปิด, ลำโพงเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต หลังจากผลักดันนอกสภามาถึงสองปี   กฎหมายเพิ่มมาตรการควบคุมผู้ผลิตและผู้นำเข้าอุปกรณ์ ต้องทำตามเงื่อนไขหลัก 3 รายการ ได้แก่ – ห้ามใช้รหัสเริ่มต้นจากโรงงานอีกต่อไป เนื่องจากเสี่ยงต่อการถูกแฮก – ต้องมีกระบวนการเปิดเผยช่องโหว่ มีช่องทางรับแจ้งช่องโหว่จากนักวิจัย – ต้องแจ้งระยะเวลาซัพพอร์ต ว่าอุปกรณ์ที่กำลังขายอยู่จะได้รับแพตช์ความปลอดภัยขั้นต่ำนานเพียงใด ตอนนี้กฎหมายผ่านวาระที่หนึ่งในสภาผู้แทนสหราชอาณาจักรแล้ว หากผ่านเป็นกฎหมายจริงจะมีเวลาให้ผู้ผลิตและผู้นำเข้าเตรียมการทำตามกฎหมาย 12 เดือน ดังนั้นกว่าจะผ่านกฎหมายและบังคับใช้จริงก็น่าจะต้นปี 2023 เป็นอย่างเร็ว นับว่าใช้เวลาค่อนข้างนานเนื่องจากกฎหมายเสนอมาตั้งแต่ต้นปี 2020 ที่มา – Gov.uk   ————————————————————————————————————————————————————— ที่มา :   Blognone by lew     …

หมดยุคอวตาร เล็งออกกฎหมายหมิ่นประมาท บังคับโซเชียล เปิดเผยตัวตน

Loading

  ออสเตรเลีย เตรียมออกกฎหมายหมิ่นประมาท บังคับโซเชียล เปิดเผยตัวตน นายกรัฐมนตรี สกอตต์ มอร์ริสัน แห่งออสเตรเลีย กำลังออกกฎหมายหมิ่นประมาทฉบับใหม่ ซึ่งจะบังคับให้แพลตฟอร์มออนไลน์ต้องเปิดเผยตัวตนของอวตารหรือโทรลล์ มิฉะนั้นแพลทฟอร์มจะต้องชดใช้ค่าเสียจากการหมิ่นประมาท กฎหมายดังกล่าวจะมีแพลตฟอร์มโซเชียล เช่น Facebook หรือ Twitter ซึ่งจะต้องรับผิดชอบต่อความคิดเห็นใด ๆ ก็ตามที่สร้างความเสื่อมเสียให้กับผู้ใช้งาน แพลตฟอร์มจะต้องสร้างระบบการร้องเรียนที่ผู้คนสามารถใช้ได้หากรู้สึกว่าเป็นเหยื่อของการหมิ่นประมาท ในกระบวนการนี้ บุคคลที่โพสต์เนื้อหาที่หมิ่นประมาทจะถูกขอให้ลบออกในขั้นแรก แต่ถ้าพวกเขาปฏิเสธ หรือหากเหยื่อสนใจที่จะดำเนินการทางกฎหมาย แพลตฟอร์มก็สามารถขออนุญาตตามกฎหมายจากผู้โพสต์เพื่อเปิดเผยข้อมูลติดต่อของพวกเขาได้ ซึ่งจะสามารถดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป มอร์ริสัน เปิดเผยอีกว่า โลกออนไลน์ไม่ควรเป็นที่ซึ่งบอทและพวกหัวรุนแรงและโทรลล์และคนอื่น ๆ จะไม่เปิดเผยตัวตน แต่สามารถเข้ามาทำร้ายผู้คนได้ และร่างกฎหมาย “ต่อต้านโทรลล์” คาดว่าจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ คิดยังไงกัน หากกฏหมายนี้การบังคับใช้ในไทยบ้าง ?       ที่มาข้อมูล  https://www.theverge.com/2021/11/28/22806369/australia-proposes-defamation-laws-unmask-trolls     ————————————————————————————————————————————————————— ที่มา :  Techhub           …