อังกฤษยกระดับเตือนภัยก่อการร้ายเข้าขั้น “รุนแรง” เผยมือระเบิดเป็นผู้ลี้ภัยชาวซีเรีย
ทางการสหราชอาณาจักรยกระดับการเตือนภัยก่อการร้ายสูงขึ้นเป็นขั้น “รุนแรง” หลังพบว่ามือระเบิดที่ก่อเหตุในรถแท็กซี่หน้าโรงพยาบาลสตรีเมืองลิเวอร์พูล ประกอบระเบิดแสวงเครื่องเองและเก็บอุปกรณ์ดังกล่าวไว้ในบ้านเช่าหลังหนึ่ง เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในวันรำลึกทหารผ่านศึก เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา หลังเกิดระเบิดและเพลิงไหม้ขึ้นในรถแท็กซี่ที่ได้รับการว่าจ้างให้มาส่งหน้าโรงพยาบาลสตรีเมืองลิเวอร์พูล โดยคาดว่าผู้โดยสารชายซึ่งเสียชีวิตในที่เกิดเหตุเป็นผู้นำระเบิดติดตัวมาด้วย แต่คนขับแท็กซี่สามารถหนีเอาชีวิตรอดออกมาได้อย่างหวุดหวิด แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ทราบถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุที่ชัดเจน แต่จากพฤติการณ์ของคนร้ายทำให้ตัดสินใจได้ว่าเป็นเหตุก่อการร้ายอย่างแน่นอน เหตุระเบิดในรถแท็กซี่หน้าโรงพยาบาลสตรีเมืองลิเวอร์พูล เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นางปรีติ พาเทล รัฐมนตรีผู้ดูแลกิจการภายในของประเทศ ได้ประกาศยกระดับการเตือนภัยก่อการร้ายจากขั้น “ปานกลาง” เป็นขั้น “รุนแรง” ซึ่งจัดว่าอยู่ในอันดับที่รองลงมาจากขั้น “วิกฤต” ซึ่งเป็นการเตือนภัยระดับสูงสุด การเตือนภัยในระดับรุนแรงนั้น หมายความว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเกิดเหตุโจมตีก่อการร้ายขึ้น โดยเหตุระเบิดดังกล่าวนับว่าเป็นการก่อการร้ายครั้งที่สองแล้วในรอบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หลังจากเซอร์ เดวิด เอมิส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคคอนเซอร์เวทีฟ ถูกคนร้ายบุกแทงจนเสียชีวิตระหว่างพบปะประชาชน เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ด้านผู้ช่วยผู้บังคับการตำรวจต่อต้านการก่อการร้ายประจำภูมิภาคตะวันตกเฉียงเหนือ แถลงว่าตำรวจทราบถึงตัวตนของมือระเบิดรถแท็กซี่แล้ว ซึ่งก็คือนายเอหมาด อัล สวีลมีน ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียวัย 32 ปี ทั้งยังได้บุกค้นบ้านสองหลังซึ่งเป็นบ้านพักและบ้านเช่าของคนร้ายในเมืองลิเวอร์พูล…