เอเอฟพี/เอเจนซีส์ – ฝูงชนที่โกรธแค้นชาวปากีสถานนับพันบุกล้อมสถานีตำรวจแคว้นไคเบอร์ปัคตูนควาที่ห่างไกลคืนวันอาทิตย์( 28 พ.ย)กดดันตำรวจเรียกร้องให้ส่งตัวชายต้องสงสัยเผาคัมภีร์อัลกุรอานให้ทางกลุ่มจัดการเผาชายคนดังกล่าวทั้งเป็นเพื่อแก้แค้น พบสถานีตำรวจทั้งหลังรวมรถไม่ต่ำกว่า 30 คันถูกเผาจนวอด
เอเอฟพีรายงาน (29 พ.ย)ว่า ทั้งนี้พบว่าม็อบกดดันที่มากถึง 5,000 คนรวมตัวปิดล้อมสถานีตำรวจในเขตชาร์ซัดดา( Charsadda)ของแคว้นไคเบอร์ปัคตูนควา(Khyber Pakhtunkhwa )ที่ห่างไกลทางตะวันตกเฉียงเหนือในคืนวันอาทิตย์(28) อ้างอิงจาก VOA สื่อสหรัฐฯพบว่า กลุ่มม็อบจัดการเผาสถานีตำรวจทั้งหลังจนวอดรวมไปถึงจุดตรวจทางความมั่นคงอีกไม่กี่แห่งที่อยู่ใกล้เคียงหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปฎิเสธไม่ยอมมอบตัวชายผู้ต้องสงสัยที่ถูกกล่าวหาว่าทำการลบหลู่คัมภีร์ศักดิสิทธิ์ของศาสนาอิสลามด้วยการจุดไฟเผา
ม็อบโกรธจัดยังจัดการเผารถไปไม่ต่ำกว่า 30 คันจนวอดในคืนเดียวกันนั้น และได้เข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างไม่เกรงกลัวจนทำให้ทั้งตำรวจและนักโทษที่อยู่ด้านในสถานีต้องหลบหนีไปเพื่อความปลอดภัย ซึ่งผู้ต้องขังรายนี้ที่ถูกกล่าวหาละเมิดกฎหมายป้องกันการลบหลู่ศาสนาถูกนำมาควบคุมตัวในช่วงต้นของวันก่อนหน้า
ภาพวิดีโอคลิปที่เผยแพร่ไปทั่วโซเชียลมีเดียแสดงให้เห็นสถานีตำรวจกำลังเกิดไฟไหม้ VOA ชี้
แต่ยังไม่หยุดแค่นั้นเพราะเอเอฟพีชี้ว่าในเช้าวันถัดมา(29)พบฝูงชนอีกร่วม 2,000 คนรวมตัวกดดันตำรวจต่อที่ด้านนอกสถานีและจัดการเผาเครื่องแบบตำรวจให้เห็นจะๆ
“พวกม็อบบุกเข้าสถานีตำรวจเพื่อต้องการให้ส่งตัวชายต้องสงสัยให้แก่พวกเขาเพื่อให้คนเหล่านั้นจัดการเผาทั้งเป็นเหมือนเช่นที่ชายต้องสงสัยทำการลบหลู่เผาคัมภีร์อัลกุรอาน” หัวหน้าตำรวจประจำเขต อาซีฟ บาฮาดูร์( Asif Bahadur) กล่าว
บาฮาดูร์เสริมต่อว่า แต่ทว่ารายละเอียดเกี่ยวกับชายต้องสงสัยเผาคัมภีร์ทั้งชื่อและศาสนาที่ชายคนนี้นับถือไม่ถูกเปิดเผยโดยตำรวจเพื่อความปลอดภัยของทุกคน
เขากล่าวต่อว่า “แรงจูงใจในการเผาคัมภีน์อัลกุรอานนี้ยังไม่กระจ่างชัดและในเวลานี้เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวน”
เจ้าหน้าที่ปากีสถานแถลงในวันนี้(29)ว่า พวกเขาสามารถจับกุม 30 คนเกี่ยวข้องกับคดีบุกเผาสถานีตำรวจเพื่อเป้าหมายต้องการได้ตัวชายต้องสงสัยหลบหลู่เพื่อทำการแขวนคอชายคนดังกล่าวที่มีปัญหาทางจิต VOA รายงานและเสริมต่อว่า ประชาชนในพื้นที่ชี้ว่า ความตรึงเครียดยังคงมีสูงภายในเขตชาร์ซัดดาและมีการส่งกำลังตำรวจจำนวนมากเข้ามาเพื่อรักษาความสงบ และทางเจ้าหน้าที่ต้องทำงานร่วมกับนักการศาสนาในพื้นที่เพื่อช่วยดับไฟความโกรธแค้นในหมู่ชาวบ้านพร้อมกันนี้เรียกร้องให้ฝูงม็อบปล่อยให้กฎหมายเป็นตัวตัดสินชะตาของผู้กระทำผิด
เอเอฟพีรายงานว่า ประเด็นการลบหลู่ทางศาสนาถือเป็นเรื่องใหญ่ในปากีสถานประเทศที่มีชาวมุสลิมเป็นประชากรส่วนใหญ่โดยเฉพาะในกรณีเหตุที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้อาจนำไปสู่การประท้วงด้วยม็อบและความรุนแรงตามมา
ทั้งนี้พบว่าในปี 2014 มีสามีภรรยาชาวคริสต์ถูกลงทัณฑ์ด้วยการแขวนคอและเผาทิ้งในจังหวัดปัญจาบหลังถูกกล่าวหาว่าทำการลบหลู่คัมภีร์ศักดิสิทธิ์ของศาสนาอิสลาม
และขนาดผู้ว่าราชการจังหวัดปัญจาบยังโดนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตัวเองใช้ปืนยิงเสียชีวิตมาแล้วเมื่อปี 2011 จากสาเหตุที่ผู้ว่าฯรายนี้ออกมาเรียกร้องให้มีการปฎิรูปกฎหมายป้องกันการหลบหลู่ศาสนา
คดีที่โด่งดังไปทั่วโลกคือ อาเซีย บิบี(Asia Bibi)หญิงชาวคริสต์ปากีสถานต้องลี้ภัยพร้อมกับครอบครัวไปแคนาดาเมื่อปี 2018 หลังจากเธอถูกลงโทษด้วยกฎหมายกฎหมายป้องกันการหลบหลู่ศาสนาในปี 2010 และต่อมาในปี 2018 ได้รับการตัดสินให้พ้นผิดส่งผลทำให้ปากีสถานตกอยู่ในสถานการณ์รุนแรงที่มีการประท้วงอย่างหนักจากกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย
—————————————————————————————————————————————————————
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 29 พ.ย. 2564
Link : https://mgronline.com/around/detail/9640000118448