สำนักงานบริหารของประธานธิบดีสหรัฐ โจ ไบเดน แจ้งว่า มีการเปิดให้สาธารณชนสามารถเข้าถึงข้อมูลบางส่วนในคดีลอบสังหารประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี ซึ่งเคยกำหนดไว้ให้เป็นเอกสารลับมาเป็นเวลากว่าครึ่งศตวรรษ
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา หอจดหมายเหตุแห่งชาติสหรัฐเปิดเผยเอกสารลับจำนวน 1,491 หน้า เกี่ยวกับคดีลอบสังหารประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี หลังจากที่เขาโดนยิงเสียชีวิตที่เมืองดัลลัส เมื่อเกือบ 60 ปีก่อน
ในเดือนตุลาคมปีนี้ สำนักงานสืบสวนของรัฐบาลกลางได้ร้องขอให้ประธานาธิบดีไบเดน เลื่อนการเปิดเผยเอกสารบางส่วนของคดีดังกล่าว ซึ่งยังคงถูกเก็บไว้เป็นความลับจากสาธารณชน โดยได้รับคำตอบตกลงและมีการออกคำสั่งให้เลื่อนกำหนดการเผยแพร่ออกไปจนถึงวันที่ 15 ธ.ค. อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีไบเดนก็แนะว่า หอจดหมายเหตุแห่งชาติควรจะเปิดเผยข้อมูลใด ๆ ก็ตามที่ปัจจุบันนี้ถูกเก็บซ่อนจากสาธารณชน แต่ทางสำนักงานสืบสวนไม่ได้ร้องขอให้มีการเลื่อนกำหนดการเปิดเผยออกไป
สำนักงานบริหารของไบเดน กล่าวว่า การที่ต้องมีการเลื่อนกำหนดการเปิดเผยเอกสารลับบางส่วนออกไปนั้น เนื่องจากมีข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ ปฏิบัติการสืบข่าวกรอง การบังคับใช้กฎหมายหรือปฏิบัติการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ในเอกสารจำนวน 1,491 หน้า ที่เปิดเผยออกมาเมื่อวันพุธที่ผ่านมานั้น มีเอกสารนับพันหน้าที่ประชาชนไม่เคยเห็นมาก่อนเกี่ยวกับบันทึกการสืบสวนและเอกสารต่าง ๆ ที่จัดเตรียมโดยสำนักงานข่าวกรอง , สำนักงานสืบสวนกลาง , กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมสหรัฐ
เอกสารดังกล่าวอยู่ในความคุ้มครองของกฎหมายว่าด้วยการเก็บรวบรวมบันทึกการลอบสังหารประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี ปี 2535 (John F. Kennedy Assassination Records Collection Act) หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า JFK Act โดยเอกสารทั้งหมดที่มีการรวบรวมไว้มีจำนวนประมาณ 5 ล้านหน้า
เคนเนดีอายุเพียง 46 ปี เมื่อเขาได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีและอยู่ระหว่างรับตำแหน่งในวาระแรก เมื่อโดนลอบยิงขณะนั่งอยู่ในขบวนรถเปิดประทุนที่เมืองดัลลัส เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2506 การสืบสวนคดีกินเวลา 10 เดือน และนำไปสู่การจับกุมมือปืนที่ชื่อว่า ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ ผู้อ้างว่าเป็นการลงมือลอบสังหารด้วยตัวเองเพียงลำพัง โดยลอบยิงจากชั้นบนของร้านขายหนังสือริมถนนในขณะที่ขบวนรถของเคนเนดีวิ่งผ่าน
หลังโดนจับได้สองวัน ออสวอลด์ก็โดนเจ้าของไนท์คลับที่ชื่อว่าแจ็ค รูบี ยิงจนเสียชีวิตที่สถานีตำรวจดัลลัส ซึ่งจากการสืบสวนก็สรุปเช่นเดียวกันว่าเป็นการลงมือของรูบีตามลำพัง แต่การตายของออสวอลด์และการเผยแพร่ข้อมูลว่าเขาเคยใช้ชีวิตอยู่ในสหภาพโซเวียต ทำให้เกิดข้อสงสัยต่อการสืบสวนคดีและเกิดทฤษฎีการลอบสังหารขึ้นมาหลายแนวคิด
ตามข้อมูลในเอกสารของซีไอเอที่เพิ่งเผยแพร่ออกมาใหม่ ซึ่งได้จากการดักฟังโทรศัพท์ พบว่าหนึ่งเดือนก่อนหน้าการลอบสังหาร ออสวอลด์เคยติดต่อกับวาเลรี วลาดมิโรวิช กงสุลของสหภาพโซเวียตในยุคนั้น ในสถานกงสุลรัสเซียที่เม็กซิโกซิตี รวมถึงได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่หน่วยจารกรรมของรัสเซียหรือเคจีบีในอีกหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น
ในปี 2535 รัฐสภาสหรัฐได้ผ่านกฎหมาย JFK Act ซึ่งกำหนดให้เก็บเอกสารเกี่ยวกับคดีลอบสังหารครั้งนั้นไว้เป็นความลับ และมีกำหนดเปิดเผยให้สาธารณชนได้รับรู้ในปี 2560 ซึ่งมีการเผยแพร่เอกสารบางส่วนในยุคของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แต่ก็มีหลายส่วนที่ชะลอกการเปิดเผยออกไปตามคำร้องของเอฟบีไอและซีไอเอ โดยอ้างว่ามีความสุ่มเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติ
https://www.businessinsider.com/jfk-assassination-documents-released-to-public-2021-12
เครดิตภาพ : Getty Images
ที่มา : เดลินิวส์ / วันที่เผยแพร่ 16 ธ.ค. 2564
Link : https://www.dailynews.co.th/news/578161/