ชื่อเสียงของอิสราเอลในฐานะ “ประเทศแห่งสตาร์ตอัพ” กำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งใหญ่
ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา อิสราเอลผงาดขึ้นเป็นหนึ่งในศูนย์กลางเทคโนโลยีที่สำคัญของโลกจากการมีระบบการศึกษาที่ล้ำหน้า อีกทั้งมีการบรรจุหลักสูตร cybersecurity และ cyberwarfare ชั้นสูง เพื่อฝึกทหารเกณฑ์ให้เป็นผู้เชี่ยวชาญการใช้เทคโนโลยีแขนงนี้อย่างเข้มข้น
ทำให้อิสราเอลมีคนรุ่นใหม่ที่มีทักษะด้านเทคโนโลยีมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก และเป็นสาเหตุให้เทคโนโลยีส่วนใหญ่ของอิสราเอลมุ่งเน้นส่งเสริมประสิทธิภาพงานด้านทหารและภารกิจราชการลับเป็นหลัก
หนึ่งในซอฟต์แวร์ “เมดอินอิสราเอล” ที่โด่งดัง ได้แก่ “Pegasus” ที่เคยช่วยรัฐบาลเม็กซิโกจับ El Chapo เจ้าพ่อค้ายาที่ใหญ่ที่สุดในโลกมาแล้ว
Pegasus คือ ซอฟต์แวร์ที่ใช้ติดตั้งบนโทรศัพท์มือถือเพื่อสอดแนมบทสนทนา อีเมล์ ข้อความ และธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ อีกทั้งยังแปลงโทรศัพท์เครื่องนั้นให้กลายเป็น “เครื่องดักฟัง” ที่ถ่ายทอดเสียงและทุกความเคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์ได้ตลอดเวลา
ปฏิบัติการไล่ล่า El Chapo ประสบความสำเร็จได้เพราะมีการแอบติดตั้งซอฟต์แวร์ Pegasus บนมือถือของ El Chapo จนนำไปสู่การจับกุมในปี 2014
นับจากนั้น NSO เจ้าของ Pegasus ก็ขยับขึ้นเป็นผู้ให้บริการระดับโลกโดยมีลูกค้าเป็นหน่วยสืบราชการลับและบริษัทเอกชนชั้นนำมากมาย ส่งผลให้อิสราเอลพลอยได้หน้าในฐานะดินแดนแห่งสตาร์ตอัพที่เฟื่องฟูด้วยนวัตกรรมแห่งโลกสมัยใหม่ไปด้วย
แต่ชื่อเสียงของอิสราเอลและ NSO กำลังสั่นคลอนหลังจากการสืบสวนภายใต้ความร่วมมือขององค์กรสื่อกับเอ็นจีโอด้านสิทธิมนุษยชนอย่าง Amnesty International และ Forbidden Stories พบว่า Pegasus ถูกรัฐบาลหลายแห่งใช้สอดแนมการเคลื่อนไหวของนักกิจกรรมด้านสิทธิมนุษยชน นักข่าว และนักเคลื่อนไหวทางสังคมอื่น ๆ ทั่วโลก
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Pegasus ถูกกล่าวหาว่าเป็นอาวุธลับที่รัฐบาลหลายประเทศใช้ในการโจมตีฝั่งตรงข้าม
ก่อนหน้ามีข่าวหลุดมาว่า Pegasus ถูกติดตั้งบนมือถือของคนใกล้ชิดของจามาล คาชอกกี คอลัมนิสต์ชาวซาอุฯ แห่ง Washington Post ก่อนเขาจะถูกสังหารโหดในกงสุลซาอุดีอาระเบีย กลางเมืองอิสตันบูลในปี 2018
นอกจากนี้ นักวิจัยจาก Citizen Lab ของมหาวิทยาลัยโทรอนโต ยังพบว่ามีการใช้มัลแวร์ของ USO เพื่อแฮกไอโฟนของอาเหม็ด แมนซัวร์ นักสิทธิมนุษยชนขององค์กร Emirati จนทำให้เขาถูกจับและต้องโทษจำคุกใน UAE เป็นเวลาถึง 10 ปีในข้อหา “ทำลายชื่อเสียงของประเทศ”
แม้ NSO จะยืนกรานว่าเทคโนโลยีของบริษัทถูกพัฒนาเพื่อ “ช่วยชีวิต” และอยู่ภายใต้กฎระเบียบการส่งออกเทคโนโลยีด้านการทหาร แต่บริษัทก็ยอมรับว่าตัวเองไม่มีสิทธิก้าวก่ายการใช้งานของลูกค้าได้
อย่างไรก็ตาม ข่าวนี้ทำให้หลายองค์กรทั้งภายในและภายนอกอิสราเอลเริ่มเรียกร้องให้มีการกำหนดกฎระเบียบเพื่อควบคุมตลาดซอฟต์แวร์ด้านการสืบราชการลับไซเบอร์ หรือ “Cyber Espionage” มากขึ้น
แต่การ “จัดระเบียบ” ตลาดซอฟต์แวร์ที่ซื้อง่ายขายคล่องผ่านระบบออนไลน์ที่เชื่อมโยงกันทั่วโลกไม่ใช่เรื่องง่าย
ล่าสุด รมว.กลาโหมของอิสราเอลออกมาเปิดเผยว่า รัฐบาลกำลังอยู่ในขั้นตอนการ “ศึกษา” ข้อกล่าวหาที่โจมตี NSO ว่าจริงเท็จอย่างไร ขณะเดียวกัน ก็มีการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อทบทวนกระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบว่ามีการนำเทคโนโลยีของอิสราเอลไปใช้ “ผิดวัตถุประสงค์” หรือไม่
แต่ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายระหว่างประเทศอย่าง Yuval Shany จาก Hebrew University of Jerusalem มองว่า สิ่งที่อิสราเอลควรทำตอนนี้ คือ เข้าร่วมในข้อตกลง Wassenaar Arrangement กับอีก 42 ประเทศทั่วโลก เพื่อเพิ่มความโปร่งใสในการตรวจสอบการส่งออกเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการทางทหาร
ในขณะที่ Karine Nahon นักวิชาการจาก The Interdisciplinary Center Herzliya and President of the Israel Internet Association เสนอว่า ควรมีการกำหนดระเบียบการออกใบอนุญาตให้กับสตาร์ตอัพและเจ้าของเทคโนโลยีเพื่อควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ ควรบังคับให้บริษัทเจ้าของเทคโนโลยีกำหนดข้อบังคับการใช้งานซอฟต์แวร์ต่าง ๆ กับลูกค้ามากขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม Israel Bachar ที่ปรึกษาด้านการสื่อสารและกลยุทธ์ของรัฐบาลบอกว่า NSO เป็นแค่กลไกหนึ่งที่ใช้ในงานสืบราชการลับ และไม่ใช่อิสราเอลประเทศเดียวที่มีหน่วยสืบราชการลับ ประเทศไหน ๆ ก็มีทั้งนั้น แม้กระทั่งสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐยังเคยโดนโจมตีว่ามีการลอบสอดแนมการเคลื่อนไหวของพลเมืองตัวเองรวมทั้งของผู้นำโลกรายอื่นด้วย
แม้ตอนนี้อาจดูเหมือนว่า NSO และอิสราเอลจะแปดเปื้อนด้วยข้อครหามากมาย แต่ Bachar มองในแง่ดีว่าการ “สาดโคลน” ครั้งนี้จะยิ่งทำให้ชื่อเสียงของอิสราเอลในฐานะผู้นำเทคโนโลยีชั้นสูงด้านภารกิจลับขจรขจายมากขึ้นกว่าเดิม ถึงขั้นทำนายว่า นับจากนี้ไปอีก 3 เดือนสิ่งเดียวที่หลงเหลือในความทรงจำของผู้คนเกี่ยวกับข่าวนี้ก็คือ อิสราเอลคือเจ้าของเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในโลก
ก็คงต้องรอดูต่อไปว่าการคาดการณ์ของ Bachar จะเป็นจริงหรือไม่
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 28 พ.ย.64
Link : https://www.prachachat.net/ict/news-810045