สหรัฐฯ UK ออสเตรเลีย ประกาศสนธิสัญญาความมั่นคง ‘Aukus’ คานอำนาจจีน

Loading

  รบ.สหรัฐฯ UK และออสเตรเลีย ประกาศสนธิสัญญาความมั่นคงครั้งประวัติศาสตร์ Aukus หวังคานอำนาจจีน โดยสหรัฐฯ และ UK จะช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีการสร้างเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ให้กับออสเตรเลียเป็นลำแรก เมื่อ 16 ก.ย. 64 บีบีซีรายงาน รัฐบาลสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร (UK) จับมือออสเตรเลีย ผนึกกำลังสร้างความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ประกาศสนธิสัญญาความมั่นคงครั้งประวัติศาสตร์ ภายใต้ชื่อ ‘Aukus’ เพื่อคานอำนาจจีน ภายใต้สนธิสัญญานี้ สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรจะครอบคลุมทั้งในเรื่องปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีต่างๆ ด้านการทหาร การป้องกันทางไซเบอร์ และการคำนวณควอนตัม โดยเฉพาะสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร จะช่วยเหลือออสเตรเลียในเรื่องเทคโนโลยีในการสร้างเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์เป็นลำแรกของประเทศออสเตรเลีย เพื่อสร้างกองเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ ที่จะประกอบด้วยเรือดำน้ำอย่างน้อย 8 ลำ สำหรับการประกาศจับมือในสนธิสัญญาประวัติศาสตร์ ‘Aukus’ ของ 3 ประเทศผ่านการประชุมทางไกล เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน แห่งสหราชอาณาจักร และนายสกอตต์ มอร์ริสัน…

โดรนสังหารผู้นำไอเอสในแอฟริกาสำเร็จ ฝรั่งเศสฉลองชัยชนะ

Loading

  โดรนสังหารผู้นำไอเอสในแอฟริกาสำเร็จ – วันที่ 16 ก.ย. เอพีรายงานว่า นายอัดนาน อาบู วาลิด อัล-ซาห์ราวี ผู้นำกองกำลังรัฐอิสลาม หรือไอเอส ภาคพื้นทะเลทรายซาฮารา ในทวีปแอฟริกา เสียชีวิตแล้วจากพิษบาดแผลในภารกิจโจมตีทางอากาศโดยโดรนฝรั่งเศสและชาติพันธมิตร ทางการฝรั่งเศส ระบุว่า ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป หรืออียู กองทัพมาลี และไนจีเรีย เกิดขึ้นเมื่อเดือนส.ค. ที่ผ่านมา     นายซาห์ราวีถือเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของ 7 ชาติซาเซล ได้แก่ บูร์กินาฟาโซ ชาด มาลี ซูดาน เอริเทรีย และไนเจอร์ และไนจีเรีย โดยเป็นบุคคลที่ก่อเหตุโจมตีในพื้นที่มาหลายครั้ง ในจำนวนนี้ เป็นทหารอเมริกัน เจ้าหน้าที่มนุษยธรรมฝรั่งเศส และพลเรือนแอฟริกันรวมเกือบ 3 พันราย ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงแสดงความยินดีต่อความสำเร็จที่เกิดขึ้น แต่เตือนว่า กลุ่มไอเอสแห่งซาฮารา หรือไอเอสจีเอส อาจหาผู้นำคนใหม่ได้ พร้อมระบุว่า แม้ที่ผ่านมาจะสามารถสังหารผู้นำระดับสูงของกลุ่มไอเอสได้ แต่กลุ่มยังคงเดินหน้าขยายพื้นที่การโจมตีอย่างไม่หยุดยั้ง นางฟลออองซ์ ปาร์ลี…

อัยการเฮติห้ามนายกฯออกนอกประเทศ มั่นใจพัวพันคดีลอบสังหารประธานาธิบดี

Loading

  อัยการห้ามนายกฯเดินทางออกนอกประเทศ จนกว่าจะตอบข้อซักถามของคณะอัยการแล้วเสร็จ เชื่อพัวพันคดีลอบสังหารประธานาธิบดีเฮติ หัวหน้าคณะอัยการของเฮติเปิดเผยว่า มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่า นายอาเรียล อองรี รักษาการนายกรัฐมนตรีเฮติมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารนายโฌเวแนล โมอิส ประธานาธิบดีเฮติ พร้อมกับมีคำสั่งห้ามไม่ให้นายอองรีเดินทางออกนอกประเทศจนกว่าเขาจะสามารถตอบข้อซักถามของคณะอัยการแล้วเสร็จ คณะอัยการได้ขอหมายเรียกจากตำรวจเพื่อเชิญนายอองรีเข้าให้ปากคำกรณีที่เขาได้ติดต่อกับผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งที่มีส่วนพัวพันกับการลอบสังหารประธานาธิบดี โดยบันทึกการโทรศัพท์แสดงให้เห็นว่า นายอองรีได้พูดคุยกับผู้ต้องสงสัยชื่อนายโจเซฟ บาดิโอ อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของเฮติในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ปธน.โมอิสถูกลอบสังหารที่บ้านพักในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา รายงานระบุว่า ขณะนี้นายอองรีได้กลายเป็นผู้ถูกสงสัยมากที่สุดว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารปธน.โมอิส ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีการจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยมากกว่า 40 คน แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานมากพอที่จะโยงไปถึงตัวผู้ที่ออกคำสั่งและจ่ายค่าตอบแทนให้แก่ผู้ที่ลงมือสังหาร รวมทั้งแรงจูงใจในการสั่งการให้สังหาร ด้านสำนักนายกรัฐมนตรีเฮติได้ปฏิเสธคำสั่งที่อัยการห้ามไม่ให้นายกรัฐมนตรีอองรีเดินทางออกนอกประเทศ โดยกล่าวว่า เป็นคำสั่งที่มิชอบด้วยกฎหมายและเป็นการคุกคามทางการเมือง ขณะที่สื่อมวลชนได้พยายามโทรศัพท์ถึงนายอองรีเพื่อขอสัมภาษณ์ความคิดเห็น แต่จนถึงขณะนี้นายฮองรียังไม่ได้ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด ทั้งนี้ กฎหมายของเฮติกำหนดว่า ห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ด้านกฎหมายดำเนินคดีกับข้าราชการระดับอาวุโสโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้นำประเทศ ซึ่งผู้นำของเฮติในขณะนี้ก็คือนายอองรี เมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายพร้อมด้วยอาวุธได้บุกเข้าไปลอบสังหารปธน.โมอิสในบ้านพัก ซึ่งส่งผลให้ทั้งปธน.โมอิส และนางมาร์ติน โมอิสผู้เป็นภรรยา เสียชีวิต โดยเหตุลอบสังหารปธน.เฮติเกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง และภาวะไร้เสถียรภาพในเฮติ รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของการก่อเหตุรุนแรงของขบวนการอาชญากรรม   ———————————————————————————————————————————————– ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ        / วันที่เผยแพร่   15…

MEA ลงพื้นที่ตรวจสอบความมั่นคงระบบไฟฟ้าอุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองบางซื่อ เตรียมพร้อมสถานการณ์อุทกภัย 2564

Loading

  MEA ลงพื้นที่ตรวจสอบความมั่นคงระบบไฟฟ้าอุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองบางซื่อ เตรียมพร้อมสถานการณ์อุทกภัย 2564 วันนี้ (15 กันยายน 2564) นายวิลาศ เฉลยสัตย์ รองผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง หรือ MEA พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักการระบายน้ำกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบความพร้อมระบบไฟฟ้าอุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองบางซื่อ ทั้งนี้ MEA ได้บำรุงรักษาและติดตั้งอุปกรณ์เสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้าสถานีสูบน้ำ อีกทั้งมีการเตรียมความพร้อมและซักซ้อมแผนเพื่อบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถบริหารจัดการระบายน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมให้การสนับสนุนร่วมกันแก้ไขปัญหาในทุกภาคส่วน ตามที่ประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) สอดรับกับนโยบายมหาดไทย ณ สถานีสูบน้ำเกียกกาย อุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองบางซื่อ และสถานีสูบน้ำสามเสน กรุงเทพมหานคร รองผู้ว่าการ กล่าวว่า MEA ในฐานะหน่วยงานด้านระบบจำหน่ายไฟฟ้า รัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงมหาดไทยตระหนักถึงความสำคัญกับคุณภาพการจ่ายกระแสไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพรวมถึงการรองรับเหตุฉุกเฉินและขัดข้องต่างๆ ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ สำหรับระบบจ่ายไฟฟ้าของสถานีสูบน้ำนั้น MEA มีการเชื่อมโยงระบบด้านการบริหารจัดการระบบไฟฟ้าของ MEA ได้ใช้เทคโนโลยีควบคุมระบบไฟฟ้า SCADA และระบบ DMS เพื่อสั่งการจ่ายไฟ อัตโนมัติ จะช่วยในการบริหารจัดการ ตรวจสอบ วิเคราะห์ข้อมูลและการทำงานของระบบควบคุมแรงดัน เพื่อให้การจ่ายกระแสไฟฟ้ามีประสิทธิภาพและปลอดภัย อีกทั้ง มีการเตรียมความพร้อมโดยจัดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบดูแลระบบไฟฟ้าประจำ…

เมื่อคนไทยใช้โซเชียลมีเดียเป็นแหล่งข่าวมากที่สุดในโลก

Loading

    เปิดดูข้อมูลสถิติผลสำรวจการใช้ “โซเชียลมีเดีย” ของผู้คนในโลกจาก We are Social และ Hootsuite ซึ่งเป็นข้อมูล ณ เดือนกรกฎาคม 2564 พบว่าทั่วโลกมีคนใช้โซเชียลมีเดีย 4.48 พันล้านคน คิดเป็น 56.8% ของประชากรโลก เพิ่มขึ้นถึง 13.1% จากปีก่อน ซึ่งน่าจะเป็นผลพวงจากสถานการณ์โควิดด้วย เมื่อออกนอกบ้านกันไม่สะดวก โลกออนไลน์จึงคือคำตอบ โดย 99% เป็นการเข้าใช้ผ่านโทรศัพท์มือถือ และค่าเฉลี่ยของการเข้าใช้งานโซเชียลมีเดีย อยู่ที่ 2 ชั่วโมง 24 นาที ต่อวัน   ในบรรดาแพลตฟอร์มต่างๆ ทั่วโลก Facebook ยังคงมีผู้ใช้งานเป็นอันดับ 1 โดยมีจำนวนผู้ใช้งานถึง 2.853 พันล้านคน ตามมาด้วย YouTube ซึ่งมีผู้ใช้งานอยู่ที่ 2.291 พันล้านคน ข้อมูลที่น่าสนใจและออกจะน่าเป็นห่วงคือจากผลการสำรวจของกลุ่มตัวอย่างพบว่า ประเทศไทยและไนจีเรียมีการใช้โซเชียลมีเดียเป็นแหล่งข้อมูลข่าวสารมากเป็นอันดับ 1 ของโลก อยู่ที่…

เมื่อต้องแปลงสื่อ : จากกระดาษสู่เอกสารอิเล็กทรอนิกส์

Loading

    การปรับเปลี่ยนรูปแบบจากการทำงานเป็น WFH ส่งผลให้มีคำถามที่หลากหลายเกี่ยวกับวงจรเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ฉบับนี้จะหยิบยกบางประเด็นเกี่ยวกับการแปลงสื่อ “จากกระดาษสู่เอกสารอิเล็กทรอนิกส์” มาอธิบายให้ฟัง   การแปลงสื่อ : กระดาษ VS อิเล็กทรอนิกส์ การแปลงสื่อ หรือ เปลี่ยนรูปแบบของเอกสาร หมายความว่า เอกสารหรือข้อมูลที่จัดทำในรูปแบบกระดาษ ได้ถูกแปลงให้อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือในทางกลับกัน เอกสารหรือข้อมูลนั้นแรกเริ่มเดิมทีอาจอยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์และต่อมาได้ถูกจัดทำให้อยู่ในรูปแบบกระดาษ เช่น เอกสารรายงานฉบับหนึ่ง ขององค์กร A ถูกสร้างแบบกระดาษและได้ลงลายมือชื่อแบบปากกา ต่อมา เอกสารฉบับดังกล่าวถูกส่งไปยังองค์กร B ทางอีเมล ต่อมาเมื่อองค์กร B ได้รับจึงปริ้นต์ออกมาเพื่อเซ็นด้วยปากกา หรืออาจเซ็นแบบอิเล็กทรอนิกส์และส่งกลับไป ดังนั้น จะเห็นได้ว่า เอกสาร/ข้อความ อาจถูกแปลงรูปแบบระหว่างกระดาษและอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างทางตลอดการใช้งาน เหตุการณ์เช่นว่านี้ มักเกิดขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่าน (transition period) ที่วงจรเอกสารอาจยังไม่ได้อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดตั้งแต่แรกสร้าง ดังนั้น ประเด็นจึงมีอยู่ว่า กฎหมายกำหนดหลักการในเรื่องเหล่านี้ไว้อย่างไร?   กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการแปลงสื่อ กฎหมายธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ได้มีบทบัญญัติที่รองรับปัญหาที่อาจเกิดจากการแปลงสื่อตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น ซึ่งปรากฎอยู่ใน ม.10 (เอกสารต้นฉบับ และการรับรองสิ่งพิมพ์ออก)…