‘เบลนเดต้า’ เปิด 5 เมกะเทรนด์ปี 65 ‘บิ๊กดาต้า’ แรง แนะองค์กรเร่งปรับใช้

Loading

  ทุกวันนี้องค์กรทั่วโลกต่างยกให้ “บิ๊กดาต้า” เป็นเหมือนด่านสำคัญของการบริหารจัดการ การตัดสินใจ วางกลยุทธ์ พร้อมเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในยุคดิจิทัล ณัฐนภัส รชตะวิวรรธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เบลนเดต้า จำกัด ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มบริหารจัดการบิ๊กดาต้า กล่าวว่า ธุรกิจต้องการความเร็วในการนำข้อมูลไปปรับใช้เพื่อครองใจลูกค้า โดยข้อมูลมหาศาลหรือบิ๊กดาต้าได้กลายเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจเพิ่มศักยภาพระบบบริหารจัดการภายในองค์กร เข้าใจพฤติกรรมเชิงลึกของผู้บริโภค พัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ เพิ่มประสบการณ์ที่ดีจากการให้บริการที่ตรงความต้องการ ทั้งยังสามารถคาดการณ์ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นและแก้ไขได้ทันท่วงที  ขณะเดียวกัน โควิด-19 เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเร่งให้ทุกคนคุ้นชินกับการใช้เทคโนโลยีและเชื่อมโลกออนไลน์เข้ากับออฟไลน์แบบไร้รอยต่อ ส่งผลทำให้มีข้อมูลจำนวนมหาศาลเกิดขึ้นในทุกวินาที ธุรกิจมีความจำเป็นต้องเร่งปรับใช้ข้อมูลที่รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อการเป็นผู้นำในการแข่งขัน ซึ่งหากช้ากว่าผู้เล่นรายอื่น ก็อาจเสียโอกาสทางธุรกิจและอาจถูกดิสรัปชันไปในที่สุด ฟอร์เรสเตอร์ รีเสิร์ช พบว่า ธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลมีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายด้านรายได้มากกว่าบริษัทที่ไม่เน้นการใช้ข้อมูลถึง 58% ดึงพลัง ‘ข้อมูลเรียลไทม์’ สำหรับ 5 เทรนด์บิ๊กดาต้าที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการยกระดับกลยุทธ์ต่างๆ ขององค์กรในปี 2565 ประกอบด้วย 1. Real-Time Data การวิเคราะห์ข้อมูลและใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ จะมีความสำคัญมากขึ้น จากการแข่งขันทางธุรกิจที่สูงขึ้น ทุกวินาทีจึงมีความสำคัญ ความล่าช้านำมาซึ่งการเสียโอกาสทางธุรกิจไปทันที จากเทคโนโลยีเดิมที่อาจใช้เวลาจัดเก็บและรอประมวลผลวันต่อวัน องค์กรจึงต้องมองหาเทคโนโลยีที่สามารถประมวลผลแบบเรียลไทม์ เพื่อเพิ่มความเร็วในการนำข้อมูลไปปรับใช้สำหรับกลยุทธ์ทางธุรกิจต่างๆ และสอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคดิจิทัล นอกจากนี้ การทำ Real-Time Analytics วิเคราะห์และประมวลผลบิ๊กดาต้าแบบเรียลไทม์จะช่วยให้สามารถตัดสินใจ แก้ไขปัญหา วางแผน ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ คาดการณ์แนวโน้มต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที 2. การนำบิ๊กดาต้ามาเสริมเฟรมเวิร์กในระบบ Cybersecurity…

ผู้ประท้วงขึ้นราคาแอลพีจี‘คาซัคสถาน’ถล่มสำนักงานนายกเทศมนตรี

Loading

  การประท้วงก๊าซแอลพีจีราคาแพงในคาซัคสถานบานปลายเอาไม่อยู่ ผู้ชุมนุมบุกสำนักงานนายกเทศมนตรีอัลมาตี เมืองใหญ่สุดของประเทศ ตามที่ตั้งแต่ปีใหม่คาซัคสถานขึ้นราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) ที่ประชาชนทางภาคตะวันตกนิยมใช้เติมรถยนต์ ประชาชนหลายพันคนจึงออกมาเดินขบวนประท้วงในเมืองอัลมาตี เมืองใหญ่สุดของคาซัคสถาน และใน จ.แมงกิสเตาทางตะวันตก อ้างว่าการขึ้นราคาไม่เป็นธรรมเพราะประเทศส่งออกน้ำมันและก๊าซอย่างคาซัคสถานมีแหล่งพลังงานสำรองมากมาย ล่าสุดผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ตำรวจใช้ระเบิดควันและแก๊ซน้ำตากับผู้ประท้วงหลายพันคน บางคนมีกระบองและโล่ที่ยึดไปจากตำรวจ แต่ก็ไม่สามารถป้องกันผู้ประท้วงบุกเข้าไปในอาคารสำนักงานนายกเทศมนตรีเมืองอัลมาตีได้ ตำรวจจับกุมประชาชนกว่า 200 คนที่ร่วมประท้วง ช่วงบ่ายที่ผ่านมาผู้สื่อข่าวในอัลมาตีเห็นผู้ชายในเครื่องแบบตำรวจหลายคนทิ้งโล่และหมวกกองรวมกันแล้วเข้าไปโอบกอดผู้ชุมนุม ซึ่งชายในเครื่องแบบเหล่านั้นไม่ยอมให้ผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์ “พวกเขามาเข้าข้างเราแล้ว” หญิงคนหนึ่งร้องตะโกนขณะสวมกอดกับเพื่อนผู้ประท้วง การประท้วงครั้งนี้ถือเป็นภัยคุกคามใหญ่สุดเท่าที่รัฐบาลสถาปนาโดยประธานาธิบดีนูร์ซุลตัน นาซาร์บาเยฟเคยมีนับถึงขณะนี้ นาซาร์บาเยฟ ประธานาธิบดีผู้ก่อตั้งคาซัคสถานลงจากตำแหน่งเมื่อปี 2562 แล้วสนับสนุนให้นายคาซึม-โยมาร์ต โตคาเยฟ ผู้จงรักภักดีเป็นประธานาธิบดีสืบต่อไป โดยนาซาร์บาเยฟ วัย 81 ปี และปกครองคาซัคสถานมาตั้งแต่ปี 2534 ยังควบคุมประเทศในตำแหน่งประธานสภาความมั่นคงและ “ผู้นำแห่งชาติ” บทบาทตามรัฐธรรมนูญที่ให้สิทธิพิเศษในการกำหนดนโยบายเฉพาะและมีเอกสิทธิไม่ต้องถูกดำเนินคดี     ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ     /  วันที่เผยแพร่ 5 ม.ค.2565 Link : https://www.bangkokbiznews.com/world/980996

เหตุจลาจลรัฐสภาสหรัฐฯ 6 ม.ค. นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงภายในหน่วยงานตำรวจรัฐสภา

Loading

FILE – In this Wednesday, Jan. 6, 2021 file photo, Trump supporters try to break through a police barrier at the Capitol in Washington. The House committee investigating the violent Jan. 6 Capitol insurrection, with its latest round of subpoenas in September 2021, may uncover the   ขณะที่วันครบรอบ 1 ปี ของเหตุการณ์ก่อการจลาจลบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ โดยกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อประท้วงการลงมติรับรองผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี…

ฝรั่งเศส ลุยสืบสวน ไขปริศนาคดีวางระเบิดทีมรถแข่ง ‘แรลลี่ดาการ์’ คาดก่อการร้าย

Loading

  เกิดเหตุวางระเบิดรถของทีมฝรั่งเศสในการแข่งขันแรลลี่ดาการ์ ทำให้นักแข่งฝรั่งเศสบาดเจ็บสาหัส ทางการฝรั่งเศสเชื่อว่าอาจมีแรงจูงใจเกี่ยวพันกับการก่อการร้ายที่มุ่งเป้าไปยังพลเมืองชาติตะวันตก อัยการรัฐบาลฝรั่งเศสกล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า ทางการฝรั่งเศสกำลังเปิดคดีสืบสวนเกี่ยวกับการก่อการร้ายในเหตุการณ์ระเบิดที่ติดตั้งอยู่ใต้ท้องรถประจำทีมของฝรั่งเศสในการแข่งขันแรลลี่ดาการ์ที่ซาอุดีอาระเบีย เป้าหมายของระเบิดคือรถสนับสนุนของทีม Sodicars ของฝรั่งเศส ตามคำบอกเล่าของทีมงานและผู้จัดการแข่งขัน การระเบิดเกิดขึ้นหลังจากที่รถออกจากโรงแรมในเจดดาห์ได้ไม่นาน เพื่อมุ่งหน้าไปยังเส้นทางการแข่งขัน แรงระเบิดทำให้ผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ สมาชิกของทีมแข่ง 5 คน อยู่ในรถคันดังกล่าวตอนที่เกิดเหตุระเบิด ซึ่งหนึ่งในห้าคนนั้นคือ​ ฟิลลิป บรูทร็อง นักขับรถแข่ง เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสที่บริเวณขา หนังสือพิมพ์ ‘เลกิปป์’ ของฝรั่งเศสรายงานโดยอ้างคำพูดของเพื่อนร่วมทีมว่า แรงดันระเบิดผ่านขึ้นมาจากพื้นใต้ท้องรถและทำให้เกิดไฟลุกไหม้ เดวิด คาสเทรา ผู้จัดการแข่งขันแรลลี่ดาการ์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า การแข่งขันซึ่งใช้เวลาสองสัปดาห์จะยังคงดำเนินต่อไป และเขาได้ขอร้องให้เจ้าหน้าที่ทางการของซาอุดีอาระเบียเพิ่มกำลังตำรวจเพื่ออารักขาการแข่งขันแล้ว ทีมแข่งของฝรั่งเศสกล่าวในแถลงการณ์ว่า บูทร็อง ถูกส่งตัวไปรับการรักษาที่ฝรั่งเศสแล้ว และอยู่ในหอผู้ป่วยวิกฤติที่โรงพยาบาลทหารแปร์ซี ใกล้กรุงปารีสพร้อมด้วยครอบครัวของเขาคอยเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด ทีมอัยการจากหน่วยงานต่อต้านการก่อการร้ายของฝรั่งเศสกล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า พวกเขาได้เปิดคดีสืบสวนโดยพุ่งเป้าไปที่แรงจูงใจในการลอบสังหารจากผู้ก่อการร้าย โดยมีหน่วยงานต่อต้านการก่อการร้ายภายในประเทศฝรั่งเศสเป็นผู้รับผิดชอบ การแข่งขันแรลลี่ดาการ์ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 44 โดยเริ่มต้นแข่งขันครั้งแรกในปี  2521 มีเส้นทางการแข่งขันจากปารีสถึงประเทศเซเนกัล ต่อมาก็ย้ายสถานที่จากแอฟริกาไปเป็นอเมริกาใต้ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยในปี 2552 และนับตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา เส้นทางการแข่งขันทั้งหมดก็จัดขึ้นในประเทศซาอุดีอาระเบีย ซาอุดีอาระเบียเคยเป็นประเทศที่เกิดการโจมตีทางทหารโดยพุ่งเป้าหมายไปที่ชาติตะวันตกอย่างต่อเนื่องในช่วง 20 ปีที่แล้ว แต่สถานการณ์ก็เริ่มบรรเทาลง จนกระทั่งช่วงปลายปี…

อัพเดต ข้อความ-เบอร์โทร อันตราย โดนหลอก “ขโมยเงิน” เอาข้อมูลส่วนตัวไปขาย

Loading

จากรณีมีเบอร์โทรศัพท์แปลกๆ ไม่คุ้นตา โทรเข้ามา หรือส่งข้อความเข้ามาหา หลายหน่วยงานแจ้งบอกว่า มักจะเป็นเบอร์มิจฉาชีพ “คมชัดลึกออนไลน์” รวบรวมเบอร์อันตราย หลีกเลี่ยงหากต้องรับสาย ในกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นบ่อยมากและพบผู้เสียหายจำนวนมากที่เข้ารับการแจ้งความ หรือ ลงบันทึกประจำวันกับสถานีตำรวจ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก โปรโมชั่นส์ เตือนภัยเช็คเบอร์โทร “มิจฉาชีพ”โทรมาอย่ารับ หลอกให้โอนเงิน  สำหรับเพื่อน ๆ ที่สงสัยว่าเราจะรู้ได้อย่างไร ว่าเบอร์โทรไหนเป็น เบอร์ “มิจฉาชีพ” หรือเบอร์อันตรายที่ไม่ควรรับสายเด็ดขาด หรือไม่ต้องกังวลไป เพราะเรามีวิธีการเช็คเบอร์มือถือง่าย ๆ มาแนะนำ ให้เพื่อน ๆ ป้องกันตัวเองจากมิจฉาชีพ ดังนี้     วิธีเชคเบอร์โทรเข้าป้องกัน”มิจฉาชีพ”หลอก  1. นำเบอร์โทร พิมพ์หมายเลขค้นหาใน Google คุณอาจเจอประวัติของเบอร์โทรว่ามาจากไหน และเป็นเบอร์ปลอดภัยหรือไม่ 2. นำเบอร์โทรมาใช้ค้นหาใน Facebook เพื่อตรวจสอบประวัติเบอร์ผู้ใช้หมายเลขโทรศัพท์ เนื่องจากเบอร์โทรนี้ อาจผูกไว้กับบัญชี Facebook คุณอาจรู้ว่าเป็นใคร 3. ค้นหาในไลน์ Line กดช่อง “เพิ่มเพื่อน” เลือก “หมายเลขโทรศัพท์” กรอกเบอร์ลงไป…

โด่งดังสมใจโดยไม่ติดคุก โจรมะกันปล้นแบงก์-หนีชิลชิล 50 ปี ก่อนตายทิ้งเบาะแสให้ไขคดี จนได้เป็นข่าวไปทั่วโลก

Loading

ธีโอดอร์ คอนราด หนุ่มหน้าใส นัยน์ตาซื่อ ซึ่งน่าจะเป็นคนท้ายๆ ในโลกที่จะลงมือทำอาชญากรรมอุกฉกรรจ์แห่งการปล้นธนาคาร เขาแปลงตัวเป็นคนใหม่ในชื่อว่า โทมัส แรนเดล ไว้หนวดเคราอำพรางใบหน้าเดิม และไปกบดานหลบหนีคดีในย่านชานเมืองของนครบอสตัน อันเป็นถิ่นที่ถูกใช้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องดังแห่งปี 1968 คือ The Thomas Crown’s Affair หนังโลดโผนด้วยจินตนาการ ซึ่งธีโอดอร์ หรือเท็ด ปลาบปลื้มหลงใหลอย่างหัวปักหัวปำ   ธีโอดอร์ คอนราด “คนมีของ” แห่งคลีฟแลนด์ สหรัฐอเมริกา มีพลังอัจฉริยะระดับไอคิว 135 พลังนี้ได้ขับเคลื่อนให้อยากปล่อยของเพื่อทำให้ผู้คนทึ่งและยอมรับในตัวเขา เขาทำอย่างนั้นด้วยการปล้นแบงก์ครั้งประวัติการณ์ตอนอายุ 20 ปีบริบูรณ์ โดยคดีนี้เป็นคดีปริศนาที่ค้างเติ่งตลอด 52 ปีที่เขากบดานหลบหนีการจับกุม เมื่อเขาจากโลกนี้ไป เขาอาจจะตั้งใจทำให้โลกทึ่งในตัวเขาอีกครั้งหนึ่งด้วยการให้เบาะแสแหล่งกบดาน เพื่อที่มือปราบคู่แค้นจะเข้ามาไขปริศนาคดีได้สำเร็จ พร้อมกับนำพาให้เรื่องราวและภาพถ่ายของเขาได้เป็นข่าวใหญ่ ปิดท้ายชีวิต 71 ปี อย่างเอิกเกริกนั่นเอง เมื่ออาการมะเร็งปอดของโทมัส แรนเดล ทรุดหนักเข้าขั้นว่าใกล้จะอยู่จะไปแล้ว แคธี ศรีภรรยาผู้แต่งงานอยู่กินกับเขานานเกือบ 4 ทศวรรษ ได้เชิญเพื่อนฝูงของคุณตาโทมัส วัย 71…