ตำรวจทั่วสหรัฐได้รับการแจ้งความจากเหยื่อหลายรายว่าถูกคนร้ายสะกดรอยตามจาก “AirTag” อุปกรณ์เสริมสำหรับติดตามสิ่งของ “Apple”
เม.ย. ปีที่แล้ว “Apple Inc.” บริษัทเทคโนโยลียักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ได้ออกผลิตภัณฑ์ “AirTag” อุปกรณ์ติดตามสิ่งของต่าง ๆ เช่น กุญแจ กระเป๋าสตางค์ โดยสามารถบอกตำแหน่งผ่านแอพพลิเคชั่น “ค้นหาของฉัน” (Find My) ด้วยระบบเครือข่ายค้นหาเฉพาะของ Apple ที่อยู่ตาม iPhone, iPad และ Mac หลายร้อยล้านเครื่องทั่วโลกที่จะช่วยติดตาม ไม่ว่า AirTag นั้นจะอยู่ตำแหน่งใดในโลกก็ตาม
AirTag พร้อมสายคล้องในแบบต่าง ๆ
-เครดิตรูป: เว็บไซต์ Apple-
Apple ได้ตระหนักถึงปัญหาที่อาจจะมีคนทำ AirTag ไปใช้ในการสะกดรอยตามบุคคลอื่น จึงได้ติดตั้งระบบมีการส่งข้อความแจ้งเตือนผ่านสมาร์ทโฟน (หากไม่ใช่ iPhone จะต้องดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นเพิ่มเติม) หรือส่งเสียงเตือนในระดับ 60 เดซิเบล เมื่อมี AirTag อื่น ที่ไม่ได้เป็นเจ้าของมาอยู่ใกล้กับผู้ใช้งานมากกว่า 8 ชั่วโมงขึ้นไป ซึ่งเป็นไปตามที่ Apple คาดการณ์ เพราะมีคนนำ AirTag มาใช้สะกดรอยตามบุคคลอื่นจริง ๆ
30 ธ.ค. 2564 หนังสือพิมพ์ นิวยอร์กไทม์ ได้ลงข่าวว่า มีผู้หญิง 7 คนถูกสะกดรอยตามจาก AirTag
14 ม.ค. 2565 ตำรวจในเขตมอนต์กอเมอรี รัฐแมริแลนด์ ได้การแจ้งจากเหยื่อรายหนึ่งที่ถูกสะกดรอยตามถึงบ้าน หลังจากที่ออกไปดูหนังที่โรงภาพยนตร์ และพบว่ามี AirTag วางอยู่บนรถของเขา ในช่วงเวลาเดียวกัน ผู้หญิงสองคนในแคลิฟอร์เนียโทรแจ้งตำรวจ หลังจากได้รับการแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ว่ากำลังถูกติดตามตำแหน่ง ขณะที่พวกเธอออกไปช้อปปิ้ง
21 ม.ค. สำนักข่าวเดอะ การ์เดียน และ บีบีซี ได้รายงานว่า ตำรวจในรัฐนิวยอร์ก , แมริแลนด์ , ไอดาโฮ , โคโลราโด , จอร์เจีย , มิชิแกน , เท็กซัส และในอีกหลายประเทศ ได้รับการแจ้งเหตุจากเหยื่อหลายรายถูกสะกดรอยตามด้วย AirTag
ขณะที่บนโลกออนไลน์ ได้หญิงสาวคนหนึ่งได้โพสต์คลิปลงบนแอพพลิเคชั่น TikTok โดยเล่าว่าเธอถูกใครบางคนสะกดรอยตามด้วย AirTag และเธอยังหา AirTag อันนั้นไม่เจอ มีผู้เข้าชมแล้วว่า 32 ล้านครั้ง ซึ่งหลายคนเข้ามาคอมเมนท์ว่า ก็เคยโดนตามในลักษณะนี้และมีข้อความแจ้งเตือนเช่นเดียวกัน
หลายฝ่ายให้คำแนะนำว่า อย่ากลับบ้านเมื่อสงสัยว่าตนเองถูกติดตามด้วย AirTag ควรจะไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เร็วที่สุด แต่คงใช้ไม่ได้กับกรณีของ “คิมเบอร์ลี สครูป” (Kimberly Scroop) เธอไปยังสถานีตำรวจในท้องที่ทันทีที่ได้รับการแจ้งเตือน แต่ตำรวจกลับไม่ได้ทำอะไร และบอกเธอว่าถ้ามีคนตามเธอแล้วค่อยมาแจ้งตำรวจ
ขณะที่ Apple ได้ออกแถลงการณ์ ว่าจะให้ความร่วมมือกับตำรวจ และมอบข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับ AirTag ปริศนาที่ใช้ในการติดตามบุคคลหรือทรัพย์สินที่ไม่ได้เป็นเจ้าของ และกล่าวว่า Apple ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของลูกค้าเป็นอย่างยิ่ง
หากมีข้อความขึ้นมาเตือนว่ากำลังมี AirTag ติดตามอยู่ สิ่งที่ควรทำเป็นอย่างแรกรีบหา AirTag นั้นให้เจอ ด้วยการกดในสมาร์ทโฟน ให้ AirTag นั้นส่งเสียงเตือน เมื่อหาเจอแล้วให้นำเอาแบตเตอรีของ AirTag ออก ด้วยการกดลงไปที่ AirTag แล้วหมุนทวนเข็มนาฬิกา เพียงเท่านี้เจ้าของ AirTag ไม่สามารถหาตำแหน่งได้เจอ (แต่ AirTag นั้นยังคงผูกติดกับบัญชีแอปเปิลของเจ้าของเดิมอยู่ ใส่แบตเตอรีกลับไปเมื่อไหร่ก็สามารถใช้งานได้เหมือนเดิม)
สิ่งที่ยังคงเป็นจุดอ่อนของ AirTag คือการเว้นระยะห่างนานถึง 8 ชั่วโมงถึงจะมีการแจ้งเตือน ซึ่งหากคนร้ายมีวัตถุประสงค์เพียงแค่ต้องการรู้ที่อยู่เฉย ๆ กว่าที่เหยื่อจะรู้ตัวอาจจะสายไปเสียแล้ว ฉะนั้นทุกครั้งก่อนจะกลับบ้าน ควรต้องสำรวจสิ่งของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าสะพาย กระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกง รถยนต์ ก่อนที่จะกลับบ้าน เพื่อเช็คก่อนว่ามี AirTag ของใครติดมาด้วยหรือไม่
ที่มา: BBC , The Guardian , Today
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ / วันที่เผยแพร่ 22 ม.ค.2565
Link : https://www.bangkokbiznews.com/tech/983981