Digital Cash ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาเป็นหัวใจในการพัฒนา (ภาพจาก Huoxing Caijing)
ร่มฉัตร จันทรานุกูล มหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และธุรกิจระหว่างประเทศ(UIBE) วิทยาลัยนานาชาติ(SIE) กรุงปักกิ่ง
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานี้หลายคนอาจจะคุ้นหูหรือคุ้นเคยกับบล็อกเชน (Blockchain) บล็อกเชนคือเทคโนโลยีใหม่ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของโลกปัจจุบันและอนาคตที่ทำให้ชีวิตของทุกคนในสังคมเปลี่ยนไป ผู้เขียนขออธิบายเทคโนโลยีบล็อกเชนคร่าวๆให้เข้าใจกันอย่างง่ายๆก่อนว่าคืออะไร? บล็อกเชนเป็นคำที่ใช้เรียกเฉพาะในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นฐานข้อมูลที่ใช้ร่วมกัน (Data sharing) ซึ่งข้อมูลหรือข้อมูลที่ถูกเก็บเอาไว้นั้นจะปลอมแปลงไม่ได้ ติดตามข้อมูลที่เป็นจริงได้และสามารถเรียกดูข้อมูลได้ทั้งหมดทุกกระบวนการ เพราะเหตุนี้ข้อมูลที่อยู่บนฐานข้อมูลจะมีความโปร่งใส เชื่อถือได้ อีกทั้งข้อมูลจะถูกดึงมาใช้และรักษาร่วมกันได้เช่นกัน เพราะคุณสมบัติเหล่านี้เองทำให้เทคโนโลยีบล็อกเชนมีความโปร่งใสและสร้างกลไกความร่วมมือที่เชื่อถือได้ตลอดจนมีมุมมองที่กว้างของการประยุกต์ใช้
ในปี 2019 สำนักงานข้อมูลอินเทอร์เน็ตแห่งชาติจีนได้ออก “กฏการบริการข้อมูลบล็อกเชนและการบริหารจัดการ” ในปีเดียวกันประธานาธิบดีสีจิ้นผิงได้กล่าวถึงเทคโนโลยีบล็อกเชนว่า “ให้ใช้บล็อกเชนเป็นใจกลางนวัตกรรมอิสระที่เป็นเทคโนโลยีหลัก เพื่อเร่งการพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมอุตสาหกรรมภายในประเทศให้แข็งแกร่งขึ้น”
แน่นอนว่าหลังจากที่ท่านประธานาธิบดีได้กล่าวถึงบล็อกเชน ก็ทำให้เทคโนโลยีบล็อกเชนเริ่มเป็นที่สนใจของบุคคลทั่วไป อย่างที่ผู้เขียนกล่าวไปข้างต้นถึงความโดดเด่นของเทคโนโลยีบล็อกเชนที่ปลอมแปลงไม่ได้ ข้อมูลมีความเป็นจริง ทำให้บล็อกเชนถูกนำมาใช้ในเรื่องการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลอย่างกว้างขวาง บล็อกเชนนั้นหลักๆมีสามประเภทคือ บล็อกเชนสาธารณะคือทุกคนเข้าถึงได้ บล็อกเชนพันธมิตรคือพันธมิตรด้วยกันเท่านั้นจะเข้าถึงข้อมูลได้ และบล็อกเชนส่วนบุคคลหรือข้อมูลส่วนที่เป็นส่วนตัวหรือมีเจ้าของ
ณ ปัจจุบันเทคโนโลยีบล็อกเชนในจีนก็ถูกใช้ในหลายอุตสาหกรรมและกิจกรรมทางเศรษฐกิจด้วยกันได้แก่ การเงินและการธนาคาร ระบบเครือข่าย ระบบประกัน การยืนยันตัวตนและความปลอดภัย ระบบที่เกี่ยวข้องกับสาธารณสุขต่างๆ เป็นต้น ท่านผู้อ่านที่พอมีพื้นความรู้อยู่บ้างจะทราบว่าจริงๆแล้วเทคโนโลยีบล็อกเชนเกิดขึ้นจากบิทคอยน์ ที่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 2008 โดย ‘ซาโตชินากามูระ’ ได้ตีพิมพ์บทความที่ชื่อว่า Bitcoin: A Peer-to-Peer Electronic Cash System เนื้อหาในบทความอธิบายถึงแนวคิดของระบบเงินสดอิเลกทรอนิกส์ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีเครือข่าย P2P เทคโนโลยีการเข้ารหัส เทคนิคไทม์แสตมป์ และเทคโนโลยีโซ่ข้อมูลซึ่งเป็นที่มาของเหรียญบิทคอยน์ เพราะการขึ้นๆลงๆของมูลค่าเหรียญบิทคอยน์ที่รุนแรงและเป็นสกุลเงินที่ไม่ได้รับการประกันจากรัฐบาลหลายประเทศ ทำให้บิทคอยน์ไม่ถือว่ามีการซื้อขายในวงกว้างนัก กระนั้นเทคโนโลยีพื้นฐานของบิทคอยร์อย่างบล็อกเชนกลับได้รับความสนใจเป็นอย่างมากเรื่อยๆ
จีนได้ปราบปรามเงินคริปโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2019 เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2019 สำนักงานป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน กล่าวว่า “เทคโนโลยีบล็อคเชนมีการใช้งานที่หลากหลายและไม่ใช่แต่กับสกุลเงินคริปโตต่างๆ การโฆษณาต่างๆที่ดึงเอาบล็อคเชนเข้ามาเกี่ยวข้องกับเงินคริปโตนั้นผิดกฎหมายทั้งสิ้น ทัศนคติของหน่วยงานกำกับดูแลในการปราบปรามการเก็งกำไรแลกเปลี่ยนเงินคริปโตในจีนเป็นเรื่องที่เข้มงวดเด็ดขาด โดยหน่วยงานกำกับดูแลของจีนได้กำหนดให้ทุกส่วนของประเทศต้องตรวจสอบสถานการณ์ล่าสุดของกิจกรรมการแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าจีนไม่ได้สนับสนุนการแลกเปลี่ยนเงินคริปโตในประเทศเพราะมองว่าคือความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบตลาดเงินขนาดใหญ่ในประเทศ อีกทั้งเงินคริปโตทั้งหลายยังไม่ใช่สกุลเงินที่มีรัฐบาลใดๆค้ำประกันเพราะฉะนั้นยังมีความเสี่ยงอยู่มากโขถ้าจะปล่อยให้เติบโตในประเทศอย่างไม่มีการควบคุม
ภาพกราฟฟิกแสดงการนำบล็อกเชน ไปใช้ในกิจกรรมทางเศรษฐกิจด้านต่างๆของจีน (ภาพจาก Sohu.com)
ดังนั้นเทคโนโลยีบล็อกเชนสำหรับจีนแล้วคือการต่อยอดเทคโนโลยีกิจกรรมทางเศรษฐกิจในด้านอื่นๆ ผู้เขียนจะขออธิบายให้เห็นภาพเกี่ยวกับเทคโนโลยีบล็อกเชนที่ถูกพัฒนามาใช้กับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในปัจจุบันของจีนหลักๆมีสามด้านดังนั้น
– บล็อคเชน + สกุลเงินดิจิทัล เพื่อให้สอดคล้องกับกระแสการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลทั่วโลก สกุลเงินได้พัฒนาไปในทิศทางของสกุลเงินดิจิทัลซึ่งเป็นกลไกที่สำคัญของเทคโนโลยีบล็อกเชน ตามที่ผู้ออกเงินสามารถแบ่งออกเป็นสกุลเงินดิจิทัลมีรหัสลับและติดตามได้ โดยรัฐบาลจีนออกก็จะมีผลทางกฎหมาย โดยมีธนาคารกลางแห่งชาติจีนเป็นประกัน (สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง) กฎหมาย และเป็นที่ยอมรับในระดับสากลเพราะค่าของเงินเหมือนเงินกระดาษที่ใช้แลกเปลี่ยนในปัจจุบันทุกประการ
– บล็อคเชน + การดูแลสุขภาพ ความปลอดภัยเป็นรากฐานของอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพ ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับส่วนบุคคลเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางสังคมและความมั่นคงของชาติด้วย ด้วยการใช้ข้อมูลดิจิทัลในอุตสาหกรรมการแพทย์ที่เข้มข้นขึ้น ปัญหาด้านความปลอดภัยทางข้อมูลของอุตสาหกรรมการแพทย์ที่ซับซ้อนและเป็นเรื่องเร่งด่วนอย่างยิ่งที่จะใช้เทคโนโลยีและวิธีการใหม่ๆอย่างบล็อกเชน ที่จะทำให้ข้อมูลทางการแพทย์ปลอดภัยและแม่นยำมากขึ้น เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่รวมการจัดเก็บและการส่งผ่านข้อมูล กลไกความน่าเชื่อถือ และอัลกอริธึมพื้นฐาน บล็อคเชนมีความเข้ากันได้กับอุตสาหกรรมการแพทย์ในระดับสูง สามารถจัดหาหนทางแก้ไขและการรักษาความปลอดภัยแบบมัลติลิงค์ได้ ทำให้ข้อมูลของอุตสาหกรรมทางการแพทย์มีความเป็นอัจฉริยะมากขึ้น
– บล็อคเชน + การตรวจสอบย้อนหลังสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ ด้วยความก้าวหน้าของเศรษฐกิจ ผลิตภัณฑ์ที่ออกมาให้ผู้บริโภคมีมากขึ้นเรื่อยๆ และระบบโลจิสติกส์และการขนส่งที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความครบของข้อมูลสินค้าต่างๆยังเป็นปัญหาและเทคโนโลยีบล็อกเชนสามารถเข้ามาตอบโจทย์และแก้ปัญหาการเก็บข้อมูลสินค้าได้ ตั้งแต่ต้นน้ำคือการผลิตไปจนถึงมือผู้บริโภค ที่ผ่านมาการขาดข้อมูลที่ยังมีช่องโหว่ ทำให้มีปัญหาต่างๆตามมา เช่น ความปลอดภัยของอาหาร สินค้าปลอมและคุณภาพต่ำ สินค้าสูญหายและเสียหาย เป็นต้น ทั้งหมดส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิของผู้บริโภค เทคโนโลยีบล็อกเชนสามารถตรวจสอบย้อนกลับสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีอยู่ในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ การจัดเก็บและรวบรวมหลักฐานแบบเรียลไทม์ เพิ่มความโปร่งใส ป้องกันการปลอมแปลงของสินค้า ผู้ผลิตและผู้บริโภคในสังคมจะได้รับประโยชน์กันถ้วนหน้า
การขอจดสิทธิบัตรเทคโนโลยีบล็อกเชนของจีนคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของโลก นายเหมยเจี้ยนผิง ผู้อำนวยด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกล่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า “บล็อคเชนในจีนมีการใช้งานในภาคอุตสาหกรรมที่ลึกยิ่งขึ้น ในปี 2020 แม้จะได้รับผลกระทบจากปัจจัยที่ไม่เอื้ออำนวยหลายประการ แต่อัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมบล็อคเชนในจีนก็สูงถึง 33.7% และยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องสูงกว่าอัตราการเติบโตของทั่วโลก จีนเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ควรจับตาเรื่องการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาใช้ในด้านสังคมและการพัฒนาเศรษฐกิจ ณ ปัจจุบันก็ดูเหมือนว่าจีนจะเน้นการใช้บล็อกเชนเพื่อสังคมเศรษฐกิจมากกว่าที่จะเน้นไปในแนวทางแค่เพื่อการลงทุนเก็งกำไรในตลาดการเงินเท่านั้น
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 13 ก.พ.65
Link : https://mgronline.com/china/detail/9650000014169