กระทรวงกลาโหมของยูเครนเริ่มใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าของ Clearview AI บริษัทเทคโนโลยีสัญชาติอเมริกัน หลังจากที่ทางบริษัทเสนอช่วยแบบฟรี ๆ
ข้อตกลงระหว่างบริษัทกับรัฐบาลยูเครนเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่ ฮวน ทนทัต (Hoan Ton-That) กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งของ Clearview AI ส่งจดหมายเสนอความช่วยเหลือให้กับรัฐบาลยูเครน โดยมีการระบุว่าไม่ได้เสนอเทคโนโลยีเดียวกันนี้ให้กับทางฝั่งรัสเซีย
ทนทัตระบุว่าบริษัทเก็บภาพจำนวนกว่า 2,000 ล้านภาพจากแพลตฟอร์ม VKontakte ของรัสเซีย จากทั้งหมด 10,000 ล้านภาพในฐานข้อมูลที่มีอยู่ โดยกล่าวว่าเทคโนโลยีของ Clearview AI จะช่วยระบุตัวผู้เสียชีวิตได้แม้ใบหน้าจะได้รับความเสียหายและยังง่ายกว่าการใช้ลายนิ้วมือ
ทนทัตยังระบุด้วยว่าเทคโนโลยี Clearview AI จะช่วยค้นหาครอบครัวผู้อพยพที่พลัดพรากกัน รวมถึงระบุตัวเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของฝ่ายรัสเซียและช่วยให้รัฐบาลเปิดโปงข้อมูลเท็จเกี่ยวกับสงครามบนโซเชียลมีเดียได้ด้วย
ลี โวโลสกี (Lee Wolosky) ที่ปรึกษาของ Clearview AI และอดีตนักการทูต ระบุว่าเซิร์ชเอนจินของบริษัทจะช่วยให้หน่วยงานของยูเครนสามารถตรวจค้นหาบุคคลต้องสงสัยตามจุดตรวจต่าง ๆ ได้อย่างดี
อย่างไรก็ดี กระทรวงพลังงานของสหรัฐอเมริกาเคยค้นพบว่าการเน่าเปื่อยของศพจะลดประสิทธิภาพการทำงานของเทคโนโลยีข้างต้น แต่งานวิจัยในการประชุมแห่งหนึ่งในปีที่แล้วระบุถึงผลลัพธ์ที่ค่อนข้างดีของ Clearview AI
ยิ่งไปกว่านั้น อัลเบิร์ต ฟอกซ์ เคห์น (Albert Fox Cahn) ผู้อำนวยการบริหารของ Surveillance Technology Oversight Project ในนิวยอร์กแย้งว่าเทคโนโลยีจดจำใบหน้าอาจจะระบุตัวตนผิดพลาดทั้งในจุดตรวจและสนามรบ นำไปสู่ความสูญเสียหรือความเดือดร้อนของผู้บริสุทธิ์
ซึ่งทางทนทัตก็ยืนยันว่าไม่เคยสนับสนุนให้พึ่งพาเทคโนโลยี Clearview AI เป็นเครื่องมือเดียวในการระบุตัวตน และไม่อยากให้ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวในทางที่จะละเมิดอนุสัญญาเจนีวา ที่กำหนดมาตรฐานทางกฎหมายในด้านมนุษยธรรมกรณีเกิดสงคราม โดยในกรณียูเครนก็มีการฝึกเจ้าหน้าที่ให้ใช้งานอย่างเหมาะสมด้วย
ในช่วงเดียวกันนี้ Clearview AI ก็กำลังอยู่ระหว่างการต่อสู้คดีในสหรัฐฯ ในประเด็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลโดยการเก็บภาพจากเว็บไซต์ นอกจากนี้ ทาง Meta เคยขอให้ Clearview AI หยุดเก็บข้อมูลจาก Facebook ด้วย
ที่มา Telegraph India
—————————————————————————————————————————-
ที่มา : Beartai / วันที่เผยแพร่ 14 มี.ค. 65
Link : https://www.beartai.com/news/itnews/982542