เมื่อสัปดาห์ที่แล้วช่วงที่มีข่าวว่าประธานาธิบดีรัสเซียคุณวลาดิเมียร์ ปูติน สั่งหน่วยงานทุกหน่วยของท่านให้เตรียมพร้อมขั้นสูงสุดในการรับมือกับชาติตะวันตก รวมถึงหน่วย “ป้องปรามนิวเคลียร์” ด้วยนั้น…เล่นเอาผู้คนสะดุ้งโหยงไปทั้งโลก
เพราะเป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า กองกำลังป้องปรามนิวเคลียร์ หรือที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Nuclear Deterrent Force นั้นก็คือหน่วยที่ติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งหัวจรวดหรือขีปนาวุธที่พร้อมจะยิงใส่คู่ต่อสู้เพื่อป้องกันตัวเองนั่นเอง
การเตรียมพร้อมสูงสุดจึงอาจแปลความได้ว่า รัสเซียพร้อมที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ซึ่งมีพลังในการทำลายสูงสุดทันที…หากอีกฝ่ายหนึ่งลงมือ
สหรัฐฯ และประเทศยักษ์ใหญ่ในยุโรปต่างออกมาตำหนิปูตินเป็นเสียงเดียวกันว่า การออกคำสั่งเช่นนี้จะทำให้สถานการณ์บานปลายยิ่งขึ้น
อีกทั้งจะเป็นข้ออ้างในการรุกรานต่อไปอีก ดังเช่นที่ปูตินใช้อยู่เสมอคือจะอ้างว่า โดนคุกคามก่อนเพื่อสร้างความชอบธรรมในการรุกราน
สำหรับนักวิเคราะห์สถานการณ์ระดับโลกก็มีการอภิปรายอย่างกว้างขวาง แต่ในที่สุดก็สรุปในทำนองว่า คุณปูตินคงจะส่งสัญญาณ “เตือน” ฝ่ายตะวันตกไว้เท่านั้น ว่าเราทุกฝ่ายมี “นิวเคลียร์” อยู่นะ คงมิใช่เป็นการ “ขู่” แต่อย่างใด
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังเชื่อว่าคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็มีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในมือในจำนวนที่ใกล้เคียงกัน ตาม “ทฤษฎี” แล้วจึงต่างฝ่ายต่างก็จะคุมเชิงกันต่อไป เพราะตระหนักดีว่าการใช้อาวุธนิวเคลียร์จะนำไปสู่ความสูญเสียใหญ่หลวงด้วยกันทั้งคู่
ในการวิเคราะห์นั้นเองได้มีการหยิบยกตัวเลขประมาณการอาวุธนิวเคลียร์ของแต่ละประเทศทั่วโลกมาเปรียบเทียบกันด้วย ดังนี้
รัสเซียน่าจะมีหัวจรวดติดอาวุธนิวเคลียร์รวมทั้งสิ้น 5,977 หัว
นาโตน่าจะมี 5,943 หัว แยกออกเป็นของสหรัฐฯ 5,428 หัว ฝรั่งเศส 290 หัว และสหราชอาณาจักร 225 หัว
สาธารณรัฐประชาชนจีน 350 หัว
ปากีสถาน 165 หัว
อินเดีย 160 หัว
อิสราเอล 90 หัว
เกาหลีเหนือ 20 หัว
ในส่วนของรัสเซียนั้นนักวิเคราะห์ยังเจาะลึกไปด้วยว่า จากจำนวนทั้งหมด 5,977 หัว น่าจะมีอยู่ประมาณ 1,500 หัว ที่เตรียมจะปลดประจำการและนำไปทำลายทิ้ง เหลือที่จะใช้การได้ประมาณ 4,500 หัว และจะเป็นจรวดหรือขีปนาวุธที่ยิงได้ระยะไกลเกือบทั้งหมด
แต่ก็มีนักวิเคราะห์บางรายที่เจาะลึกลงไปอีก โดยแยกออกเป็นส่วนที่พร้อมจะนำมาใช้งานได้จริงๆในทันทีทันใด เชื่อว่าของรัสเซียจะมี 1,588 หัว และของสหรัฐฯ จะมี 1,644 หัว มากกว่ากันเล็กน้อย
มีรายงานข่าวอยู่ข่าวหนึ่งระบุว่า จำนวนหัวจรวดติดนิวเคลียร์ของทุกประเทศทั่วโลก รวมแล้วจะตกประมาณ 12,700 หัว ซึ่งในจำนวนนี้ 9,400 หัว จะเป็นจรวดและขีปนาวุธที่พร้อมใช้งานทางทหาร
อย่างไรก็ตาม ทุกๆ รายงานจะระบุไว้เหมือนกันหมดว่า เป็นเพียงการ “คาดหมาย” เท่านั้น เพราะเป็นความลับอย่างสูงสุดของทุกประเทศ
ส่วนข่าวดีจากรายงานบางชิ้นที่อ่านพบก็คือ ตัวเลขหัวจรวดนิวเคลียร์ประมาณ 12,700 หัวข้างต้นนี้ เป็นตัวเลขที่ลดลงมาอย่างมหาศาล เมื่อมองย้อนกลับไปสู่ยุคสงครามเย็นในอดีต
เนื่องเพราะเมื่อ ค.ศ.1986 หรือ พ.ศ.2529 ทั่วโลกมีจรวดนิวเคลียร์รวมกันถึง 70,300 หัว…ลดลงไปถึง 57,600 หัว เลยทีเดียว
แต่ก็มีข่าวร้ายเช่นกันว่า การลดอาวุธนิวเคลียร์ช่วงหลังชักทำได้ยากขึ้น และมีแนวโน้มว่าที่ยังลดอยู่ก็คือ หัวนิวเคลียร์ที่ใกล้เสื่อมสภาพเป็นส่วนใหญ่ จึงมีการจำหน่ายออกไป ในขณะนี้หัวรบที่มีประสิทธิภาพและใช้การได้กลับมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาอีกด้วยซํ้า
ผมอ่านบทวิเคราะห์เหล่านี้แล้วก็เชื่อว่าทุกๆฝ่ายคงไม่มีใครกล้ากดปุ่มแน่ เพราะกดเมื่อไรอีกฝ่ายกดบ้างก็จะราพณาสูรไปด้วยกัน
แต่เพื่อความมั่นใจ ผมเองก็อดที่จะก้มลงกราบพระและวิงวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลกไม่ได้อยู่ดี…
ขอให้ทุกฝ่ายจงใช้สติ ใช้ปัญญาหาทางสงบศึกครั้งนี้โดยเร็วด้วยเถิด และ…เพี้ยง! ขออย่าได้มีใคร “สติแตก” เผลอไปกดปุ่มที่ไม่ควรกดดังที่กล่าวมาข้างต้นเข้าให้ก็แล้วกันนะครับ
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 7 มี.ค.65
Link : https://www.thairath.co.th/news/foreign/2333912