ย้อนเหตุการณ์โซเวียตโค่นรัฐบาล-สังหารประธานาธิบดีอัฟกานิสถาน
วันที่ 24 ธ.ค.1979 ถือเป็นวันที่โหดร้ายที่สุดวันหนึ่งสำหรับชาวอัฟกัน เมื่อเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหภาพโซเวียต เลโอนิด เบรจเนฟ (Leonid Brezhnev) ส่งกองทัพเข้าไปกำจัดฮาฟิซูลเลาะห์ อามิน (Hafizullah Amin) ประธานาธิบดีอัฟกานิสถาน เพราะโซเวียตกลัวว่าอามินจะเปลี่ยนข้างและเข้าใกล้สหรัฐฯ มากขึ้น
ในพระราชวังทัจเบก (Tajbeg) บนยอดเขาสูงที่ปกคลุมด้วยหิมะและป้อมปราการแน่นหนาในกรุงคาบูล เมืองหลวงของอัฟกานิสถาน ในวันนั้นทำเนียบประธานาธิบดีจัดงานเลี้ยงพร้อมเชิญแขกคนสำคัญมาที่นี่
นาจิบะ ไลมา กัสรี (Najiba Laima Kasraee) ผู้สื่อข่าว BBC ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์วันนั้นมาได้ เผยว่าในตอนนั้นเธออายุ 11 ปีและได้เข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ด้วย เพราะพ่อและแม่ของเธอได้รับเชิญให้ไปงาน กัสรีเล่าวว่าในวันนั้นทำเนียบประธานาธิบดีตกแต่งด้วยสไตล์ยุโรปหรูหรา โคมไฟระย้าสวยงาม
สายลับ KGB ของโซเวียตซึ่งแฝงตัวเข้าไปเป็นพนักงานในพระราชวังในฐานะพ่อครัว แอบผสมยาพิษลงในเครื่องดื่มของประธานาธิบดีอามิน และรัฐมนตรีระหว่างกำลังรับประทานอาหารกลางวันที่ทำเนียบ เคราะห์ดีที่เครื่องดื่มแก้วโปรดของผู้นำอัฟกันคือน้ำอัดลม ทำให้สารพิษถูกกัดกร่อน และไม่ได้รับอันตรายมากแต่ต้องล้างท้อง ส่วนรัฐมนตรีถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
หลังผ่านไป 4 ชั่วโมง ประธานาธิบดีค่อยๆ ฟื้นคืนสติและนอนพักอยู่ที่ห้องพักในพระราชวัง
นี่คือความพยายามครั้งที่ 2 แล้วในการปลิดชีวิตผู้นำอัฟกานิสถาน โดยเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า (13 ธ.ค.1979) พ่อครัวได้วางยาในลักษณะเดียวกันนี้ แต่ความพยายามล้มเหลว อามินปลอดภัย ส่วนหลานชายของเขาป่วยหนักจนต้องส่งตัวไปรักษาที่มอสโก
เมื่อโซเวียตรู้ว่าความพยายามลอบสังหารอามินล้มเหลวเป็นครั้งที่ 2 ทีมภาคพื้นดินจึงได้รับคำสั่งให้เริ่มจู่โจมเพื่อสังหารอามิน
ภาพถ่ายโดยเจ้าหน้าที่โซเวียตหลังปฏิบัติการที่พระราชวังทัจเบก (Andrey Abramov/Wikipedia)
ปฏิบัติการสตอร์ม-333 (Storm-333) ได้เริ่มต้นขึ้นนำโดยทหารโซเวียตประมาณ 660 คน ซึ่งแต่งกายด้วยเครื่องแบบอัฟกัน โดยมีเจ้าหน้าที่จากกลุ่มอัลฟา (Alpha) , สเปซนาซ (Spetsnaz) , KGB , กองพันมุสลิม และกองทหารอากาศอิสระ
รัสตัม ตูร์ซุนคูลอฟ (Rustam Tursunkulov) ผู้บัญชาการกองกำลังพิเศษกองทัพโซเวียตเผยว่า เขาเป็นหนึ่งในทหารที่ร่วมปฏิบัติการสตอร์ม-333 โดยได้รับคำสั่งให้แฝงตัวเข้าไปในวังและจู่โจมเพื่อสังหารประธานาธิบดีอัฟกานิสถาน
“มีเสียงดังสนั่น ระเบิดครั้งใหญ่สั่นสะเทือนไปทั่ว เราต้องวิ่งหนี รองเท้าคู่สวยและเสื้อคลุมของฉันถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ฉันอยากกลับไปเอามากๆ แต่แม่บอกว่าไม่มีเวลาแล้ว เราต้องหนี” กัสรีเล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้น
“สิ่งที่ฉันเห็น…พระเจ้า ผู้คนบนพื้น ฉันเห็นคน… มันเหมือนกับฉากในหนังเลย มันเต็มไปด้วยศพ” กัสรีเล่าต่อว่าเธอเห็นประธานาธิบดีอามินร้องตะโกนบอกครอบครัว เห็นภรรยาของเขากำลังวิ่ง ขณะที่ทหารของกองกำลังพิเศษรัสเซียบุกเข้าไปในอาคารพร้อมสั่งฆ่าทุกคน โดยมีการ์ดของพระราชวังเข้ามาคุ้มกัน
ตูร์ซุนคูลอฟเล่าต่อว่า “โปรดเข้าใจว่าเมื่อมีการต่อสู้เกิดขึ้น มันยากที่จะรู้ว่ามีเด็กอยู่ที่นั่น พระราชวังเต็มไปด้วยเปลวเพลิง อามินและลูกชายวัย 9 และ 11 ปี ถูกยิงเสียชีวิต ศพทั้งหมดถูกห่อหุ้มด้วยพรมและฝังไว้ใกล้พระราชวัง ไม่มีการจัดพิธีใดๆ “ ส่วนภรรยา ลูกสาว และหลานๆ ของอามินถูกจับกุมและคุมขัง
“จริงๆ แล้วผมยังไม่ได้ออกคำสั่งเลย เพียงแต่บอกกับทหารเหล่านั้นว่าผมจะเข้าไปก่อนแล้วคุณตามไป” ตูร์ซุนคูลอฟเผย โดยเล่าว่าขณะนั้นทหารหลายนายก็ไม่มีชุดเกราะและหมวกกันกระสุน “เราต้องวิ่งฝ่ากระสุนปืน และฆ่าชาวอัฟกันที่ต่อต้านเรา”
เหตุการณ์นี้คร่าชีวิตชาวอัฟกันราว 350 คน บาดเจ็บสาหัส 1,700 คน และถูกจับกุม 150 คน ส่วนทหารโซเวียตเสียชีวิตหลายสิบนาย ภายในเวลาเพียง 43 นาทีเท่านั้น
รายงานของ BBC เสริมว่าเป็น 43 นาทีที่กลายเป็นสงครามยาวนาน 9 ปี นำสงครามเย็นไปสู่อีกระดับ และทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1 ล้านคน
ที่มา : posttoday / วันที่เผยแพร่ 1 มี.ค.65
Link : https://www.posttoday.com/world/676988