ไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ยูเครนเพิ่งจะมีหน่วยรบพิเศษในปี 2016 หรือเพียง 2 ปีหลังจากเกิดการรุกรานครั้งแรกของรัสเซียเมื่อปี 2014
1. ย้อนกลับไปในปี 2014 ในตอนต้นของวิกฤตไครเมียและสงครามในดอนบัส หลังการแทรกแซงของรัสเซียครังแรก รัฐสภาของยูเครนต้องพบกับความจริงที่น่าตกใจว่ากองกำลังของพวกเขามีทหารราบที่พร้อมรบเพียง 6,000 นาย เมื่อเทียบกับกองทหารประมาณ 20,000 นายที่ประจำการอยู่ที่ฐานทัพรัสเซียในแหลมไครเมียเพียงแห่งเดียว
2. ในช่วงเวลานั้น ยูเครนยังมีหน่วยปฏิบัติการจำนวนมากทั่วโลก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจนานาชาติ เช่น Operation Atalanta (ปฏิบัติการทางทหารต่อต้านการโจรสลัดในทะเลนอกจะงอยแอฟริกาและในมหาสมุทรอินเดียตะวันตก), ISAF (เป็นภารกิจทางทหารข้ามชาติในอัฟกานิสถานระหว่างปี 2001 ถึง 2014), Kosovo Force (กองกำลังรักษาสันติภาพระหว่างประเทศที่นำโดยนาโตในโคโซโว) และกองกำลังกว่า 200 นายประจำภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในคองโก
3. ทั้งหมดนี้เป็นการส่งทหารระดับหัวกะทิไปช่วย “ชาติพันธมิตร” โดยเฉพาะชาติตะวันตก/นาโต ในปฏิบัติการต่างๆ เพื่อระงับความขัดแย้งในประเทศที่สาม นี่หมายความว่ากองทหารที่มีประสบการณ์และฝึกฝนมาอย่างดีที่สุดของยูเครนถูกส่งไปนอกประเทศและไม่พร้อมใช้งานและมีกำลังคนไม่เพียงพอที่จะมีหน่วยรบพิเศษเพื่อป้องกันอธิปไตยของชาติตนเองในช่วงเวลาคับขัน
4. รัฐบาลยูเครนจึงต้องเริ่มกระบวนการระดมพลและการสร้างกองกำลังสำรองในทันที เช่น National Guard of Ukraine (กองกำลังรักษาชาติแห่งยูเครน) อย่างไรก็ตาม มันต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าหน่วยเหล่านี้จะได้รับการฝึก ดังนั้น ยูเครนจึงต้องใช้กองกำลัง Spetsnaz ซึ่งเป็นหน่วยรบพิเศษเดิม ที่มีกำลังคนน้อยอยู่แล้วเพื่อยันเอาไว้ก่อน โดยไม่ได้รับการหนุนจากกองกำลังทั่วไปที่ใหญ่กว่าหรือกองกำลังตำรวจท้องที่
5. ปัญหาคือ Spetsnaz เป็นหน่วยรบพิเศษที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียตและใช้ชื่อเดียวกับหน่วยรบพิเศษของรัสเซียที่เรียกว่า Spetsnaz เหมือนกัน ก่อนหน้าวิกฤตไครเมียและดอนบัส รัฐบาลยูเครนที่นิยมรัสเซียใช้หน่วย Spetsnaz ควบคุมฝูงชนที่ต่อต้านรัฐบาล และเมื่อรัสเซียบุกเข้ามาในยูเครนก็ยังใช้ Spetsnaz ของตัวเองเข้ามานำร่อง จนทำให้ในยูเครนและแหล่งข่าวในต่างประเทศแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร
6. และเมื่อเกิดการปฏิวัติโค่นล้มรัฐบาลนิยมรัสเซียในยูเครนและตามด้วยการรุกรานของรัสเซียครั้งแรก หน่วย Spetsnaz ของยูเครนก็เกิดความสับสน มีทั้งฝ่ายที่แยกตัวไปเข้ากับรัสเซียและฝ่ายที่หันมาร่วมมือกับประชาชนต่อต้านรัสเซีย นอกจากนี้ยังมีปัญหาคอร์รัปชั่นจนต้องปลดผู้บัญชาการหน่วยไปจำนวนหนึ่ง และรัสเซียใช้โอกาสนี้เรียกใช้หน่วย Spetsnaz ของยูเครนที่ถูกปลดมาทำงานให้ฝ่ายตนด้วย
7. รัฐบาลยูเครนหลังการปฏิวัติที่กันมาต้านรัสเซียตอนแรกไม่กล้าใช้ Spetsnaz ที่ยังเหลืออยู่เพราะถูกรัฐบาลนิยมรัสเซียใช้กดขี่ประชาชนมาก่อน จึงเป็นสัญลักษณ์แห่งความเกลียดชังในสายตาประชาชน แต่เมื่อไม่มีหนทางจึงต้องเรียกใช้ Spetsnaz ที่กระพร่องกระแพร่งไปพลางๆ เพื่อต่อต้านการยึดครองไครเมียและดอนบัสจากรัสเซีย
8. แต่นี่คือการถือกำเนิดใหม่ของ Spetsnaz ในฐานะหัวหอกของกองกำลังปฏิบัติการพิเศษ (SSO) ของยูเครน โดยได้รับการแต่งตั้งขึ้นในปี 2016 แต่ก่อนหน้านั้น (ระหว่างปี 2014 – 2015) หน่วยนี้ก็ปฏิบัติการต่อต้านและโจมตีกองกำลังรัสเซียและกองกำลังในไครเมียและดอนบัสอยู่ตลอด
9. การถือกำเนิดใหม่ของหน่วยรบพิเศษของยูเครนครั้งนี้ คือการเกิดใหม่จริงๆ โดยหันไปใช้กระบวนการฝึกตามหลักสูตรของนาโต ในช่วงเวลาที่ยูเครนต้องการจะเป็นส่วนหนึ่งของนาโตมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อใช้เป็นเกราะคุ้มกันภัยจากรัสเซีย (แต่ก็แน่นอนว่าความปรารนานี้จะทำให้ยูเครนต้องตกที่นั่งลำบากยิ่งกว่าเดิมในเวลาต่อมา)
10. การฝึก SSO ทำกันทั้งในยุโรปและสหรัฐ โดยในปี 2018 หน่วยนี้ไปรับการฝึกที่มหาวิทยาลัยปฏิบัติการพิเศษร่วม ( Joint Special Operations University) ที่รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐ สถาบันการศึกษาภายใต้หน่วยปฏิบัติการพิเศษของสหรัฐอเมริกา (USSOCOM) และได้รับการฝึกซ้อมผ่านการซ้อมรบ Sea Breeze ที่จัดขึ้นเป็นประจำที่ยูเครนกับสหรัฐ และประเทศอื่นๆ สับเปลี่ยนกันเข้ามาร่วมซ้อมรบ (ซึ่งรัสเซียเคยแสดงความกังวลเกี่ยวกับ Sea Breeze เพราะถือว่าการฝึกซ้อมและการมีส่วนร่วมของรัฐนอกภูมิภาค “มีนัยต่อต้านรัสเซีย”)
11. เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2019 หน่วย SSO ของยูเครน สร้างประวัติศาสตร์เป็นครั้งแรก ในฐานะหน่วยที่ไม่ใช่สมาชิกของนาโตได้รับการรับรองว่าเป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (SOF) ของนาโต และมีสิทธิ์เข้าร่วม NATO Rapid Reaction Force (หน่วยปฏิกริยาตอบสนองรวดเร็วของนาโต และเจ้าหน้าที่ SSO ของยูเครนยังมีส่วนร่วมในการประเมินหน่วยกองกำลังพิเศษโครเอเชียตามข้อกำหนดของกองกำลังตอบสนองของนาโต (NRF)
12. การเกิดขึ้นใหม่ของหน่วยรบพิเศษยูเครนตอกย้ำว่ากองทัพยูเครนเกี่ยวพันกับกองทัพนาโตแบบที่ยากจะแยกกันได้ เหมือนกันหน่วยรบพิเศษยุคแรกของยูเครนที่เกี่ยวข้องกับโซเวียตและรัสเซียอย่างเหนียวแน่น จนกระทั่งเมื่อเกิดความวุ่นวายในประเทศ บางส่วนก็ยังแปรพักตร์ไปเข้ากับฝ่ายรัสเซีย
13. เพื่อลบล้างความเกี่ยวพันกับโซเวียตและรัสเซีย เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2019 พลโทอิกอร์ ลูเนฟ ผู้บัญชาการหน่วยในขณะนั้น เผยว่าปืนไรเฟิลซุ่มยิงของหน่วย SSO ที่ผลิตในสหภาพโซเวียตทั้งหมด 100% ถูกแทนที่ด้วยปืนไรเฟิลในประเทศ UAR-10 ที่ผลิตในยูเครน และปืนไรเฟิลของบริษัท Savage Arms และบริษัท Barrett สัญชาติอเมริกัน
14. SSO ถือกำเนิดในช่วงเวลาฉุกละหุก ต้องปฏิวัติตัวเองไปพร้อมๆ กับการปฏิบัติหน้าที่แบบวันต่อวัน ในช่วงที่สงครามในดอนบัสไม่เคยยุติลงนับตั้งแต่ปี 2014 จนกระทั่งถึงการรุกรานครั้งล่าสุดของรัสเซีย ความสูญเสียของฝ่ายยูเครนที่น้อยจนน่าแปลกใจ น่าจะเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า กองทัพยูเครนและ SSO มีประสิทธิภาพมาเพียงไร อย่างน้อยก็ในด้านการตั้งรับการรุกราน
Photo – REUTERS/Gleb Garanich
————————————————————————————————————————————
ที่มา : Posttoday / วันที่เผยแพร่ 6 เม.ย.65
Link : https://www.posttoday.com/world/680085