สนามบิน “สุวรรณภูมิ” ยันจับชายคลั่งตามขั้นตอนสากล เหตุสงบใน 10 นาที ยกเป็นกรณีศึกษา ลุยปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยเพิ่ม เล็งใช้ “ปืนไฟฟ้า” เป็นอาวุธคู่กายเจ้าหน้าที่ วอนผู้โดยสารมั่นใจใช้บริการปลอดภัยแน่ ขณะที่ตำรวจดำเนินคดี 7 ข้อหา ส่งตัวไปศาล 5 พ.ค.นี้
เมื่อวันที่ 4 พ.ค. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการ ทสภ. บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) แถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีมีผู้บุกรุกเข้าพื้นที่เขตการบินว่า ยืนยันว่าเหตุการณ์บุคคลภายนอกขับขี่รถจักรยานยนต์ พกอาวุธ ฝ่าฝืนมาตรการรักษาความปลอดภัยบุกรุกเข้าไปในพื้นที่หวงห้ามภายในเขตการบิน มีเจ้าหน้าที่ติดตามตลอดเวลา และอยู่ในสายตาของศูนย์รักษาความปลอดภัย ทสภ. ตลอด โดยได้ประสานหน่วยต่างๆ เพื่อสกัดกั้น และได้ปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุ รวมทั้งคู่มือมาตรฐานการปฏิบัติงาน (SOP) ที่กำหนดทุกขั้นตอนตามหลักสากล ทำให้เหตุการณ์จบลงได้ภายใน 10 นาที ก่อนนำผู้บุกรุกส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป
นายกิตติพงศ์ กล่าวต่อว่า ขอให้ผู้โดยสารเชื่อมั่นว่าเมื่อมาใช้บริการ ทสภ. จะได้รับความปลอดภัย ยืนยันว่า ทสภ. ยังมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เป็นสากล ซึ่งนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้เน้นย้ำให้เรียกความเชื่อมั่นของผู้โดยสารกลับมาโดยเร็วที่สุด ต้องทำให้ผู้โดยสารรู้สึกได้ว่ามาแล้วปลอดภัย มีการดูแลที่ดีที่สุด พร้อมทั้งให้ดำเนินคดีผู้บุกรุก และลงโทษตามกฎหมายทั้งหมด เพื่อป้องปราบไม่ให้มีบุคคลกระทำการดังกล่าวซ้ำอีก อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียนที่ ทสภ. จะยกเป็นกรณีศึกษาในการปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมต่อไป
นายกิตติพงศ์ กล่าวอีกว่า เบื้องต้นอาจต้องพิจารณานำเรื่องการใช้ปืนไฟฟ้ามาเป็นอุปกรณ์คู่กายให้เจ้าหน้าที่ไว้ใช้ในการปฏิบัติงาน ซึ่งในสนามบินทั่วโลกหลายแห่งก็มีการนำปืนไฟฟ้ามาใช้ ขณะเดียวกันอาจต้องปรับปรุงกายภาพ และอุปกรณ์ต่างๆ ในการตรวจสอบ และป้องกันในการเข้าพื้นที่เขตการบิน อาทิ แท่งเหล็กกั้น ซึ่งเดิมกั้นได้เฉพาะรถยนต์เท่านั้น อย่างไรก็ตามสำหรับการรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคตนั้น แต่ละเหตุการณ์มีวิธีการรับมือที่แตกต่างกัน ส่วนการที่มีหลายคนตั้งคำถามว่าทำไมไม่ใช้ปืน ขอชี้แจงว่า การใช้อาวุธปืนต้องเป็นขั้นตอนสุดท้าย เพราะเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อน และเป็นพื้นที่ที่มีคนเดินทางเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงต้องจับด้วยมือก่อน
ด้าน พ.ต.อ.จิรวัฒน์ เปี่ยมปิ่นเศรษฐ ผู้กำกับ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า เบื้องต้นต้องดำเนินคดีกับผู้บุกรุก รวม 7 ข้อหา ได้แก่ 1.ใช้อาวุธทำลายทรัพย์สินท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 2.บุกรุก และใช้กำลังประทุษร้าย 3.ทำให้เสียทรัพย์ 4.พกพาอาวุธไปในเมืองโดยไม่มีเหตุอันควร 5.มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ยาบ้าไว้ในครอบครอง 6.เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 และ 7.ทำให้ผู้อื่นเกิดความหวาดกลัว โดยจะมีการส่งตัวไปศาลในวันที่ 5 พ.ค.นี้ อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหารายนี้เคยมีประวัติถูกจับเรื่องยาเสพติดเมื่อปี 57 ที่บางเสาธง 2 คดีด้วย
ที่มา : เดลินิวส์ / วันที่เผยแพร่ 4 พ.ค.65
Link : https://www.dailynews.co.th/news/1015111/