ชาวอเมริกันยังใช้อาวุธปืนสังหารกันอย่างต่อเนื่องสมกับเป็นที่ตั้งของเมือง “คาวบอย” ในภาพยนตร์ยอดนิยมในสมัยก่อน
เหตุการณ์สังหารที่ได้รับการวิพากษ์มากที่สุดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ เกิดขึ้นที่เมืองบัฟฟาโลซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของรัฐนิวยอร์ก กล่าวคือ หนุ่มผิวขาววัย 18 ปีใช้ปืนยิงเร็วจำพวกที่ใช้อยู่ในกองทัพอเมริกันยิงผู้คนทั้งข้างนอกและข้างในตลาดสดขนาดใหญ่
ยังผลให้มีผู้เสียชีวิต 10 คนและบาดเจ็บ 3 คน ในจำนวนนี้ 11 คนมีผิวดำและ 2 คนมีผิวขาวเนื่องจากตลาดดังกล่าวตั้งอยู่ในย่านที่มีประชาชนเป็นคนผิวดำส่วนใหญ่
ปัจจัยที่ก่อให้เกิดการวิพากษ์มากที่สุด ได้แก่ มันเป็นการสังหารหมู่ที่ผู้กระทำตั้งใจและตระเตรียมไว้เป็นอย่างดีโดยไปตรวจดูสถานที่ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านตัวเองเกิน 300 กม. ล่วงหน้า
เขาจงใจจะให้ตายกันมาก ๆ โดยไม่รู้จักว่าผู้ตายเป็นใครจึงไม่เว้นแม้แต่หญิงชราอายุ 86 ปีซึ่งมีผิวดำ เขาทำอย่างเลือดเย็น และแรงจูงใจได้แก่ความเกลียดและความกลัวเกี่ยวกับคนที่มีสีผิว ชาติพันธุ์และศาสนาต่างกับของชนผิวขาวซึ่งเป็นชาวอเมริกันส่วนใหญ่
เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า สหรัฐมีประวัติอันยาวนานในด้านการรังเกียจผิวมาตั้งแต่ครั้งก่อตั้งประเทศ ซึ่งนับเฉพาะคนผิวขาวเท่านั้นเป็นประชาชน ส่วนคนผิวอื่นไม่มีสถานะเท่าเทียมพวกเขาโดยเฉพาะคนผิวดำ ซึ่งเป็นทาสและมีสถานะเท่ากับทรัพย์สินโดยทั่วไปที่ซื้อขายกันในหมู่คนผิวขาว
แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 200 ปีและมีกฎหมายหลายฉบับที่ปรับแก้ให้คนทุกผิวสีมีสถานะเท่าเทียมกับคนผิวขาว แต่การรังเกียจ หรือเกลียดผู้ที่มีผิวอื่นยังมีฝังอยู่ในจิตใจของคนผิวขาว
ร้ายยิ่งกว่านั้น การกระทำของชายหนุ่มดังกล่าวดูจะเป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มใหม่ที่เกิดขึ้นในช่วง 20 ปีมานี้หลังเกิดเหตุการณ์วันที่ 9 กันยายน 2544 เมื่อกลุ่มชายมุสลิมจี้เครื่องบินโดยสาร 4 ลำเพื่อนำไปใช้เป็นอาวุธทำลายสถานที่ต่าง ๆ รวมทั้งตึกสูงใหญ่ในนครนิวยอร์ก
ผมมองว่ามันเป็นแนวโน้มใหม่เพราะผมเคยอาศัยอยู่ในย่านใกล้บ้านของชายหนุ่มคนนั้นนานมาแล้วโดยไม่เคยประสบปัญหา
เหตุการณ์วันที่ 9 กันยายน 2544 มองได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการกระพือทฤษฎีเกี่ยวกับความจงใจของชาวอเมริกันบางส่วนที่พยายามจะทำให้ประชาชนในประเทศของตนเป็นคนผิวอื่นแทนที่คนผิวขาว ในปัจจุบัน
การกระพือทฤษฎีนี้มีทั้งสื่อใหญ่และกลุ่มนักการเมืองผิวขาวในค่ายของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เป็นกำลังใจให้บ้างและให้การสนับสนุนโดยตรงบ้าง
การสังหารหมู่ในแนวที่อ้างถึงจึงเกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ เช่น เมื่อปี 2562 ชายผิวขาวใช้อาวุธสงครามกราดยิงชาวอเมริกันเชื้อสายละตินในร้านสรรพสินค้าในรัฐเท็กซัสตาย 23 คนและบาดเจ็บกว่า 2 โหล
เมื่อปี 2561 ชายผิวขาวเข้าไปกราดยิงยิวภายในโบสถ์ในรัฐเพนซิลเวเนียตาย 11 คนและบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง และเมื่อปี 2558 หนุ่มผิวขาวยิงชาวอเมริกันผิวดำซึ่งกำลังทำพิธีทางศาสนาอยู่ในโบสถ์เก่าแก่ในรัฐแคโรไลนาใต้ตาย 9 คน (ต่อมาอีก 1 ปีผมมีโอกาสไปเยือนโบสถ์แห่งนั้น)
ทฤษฎีการแทนที่คนผิวขาวด้วยคนผิวสี เป็นส่วนหนึ่งของทฤษฎีสมคบคิดที่กำลังแพร่ขยายอยู่ในอเมริกา
การแพร่ขยายทำได้อย่างรวดเร็วเพราะเทคโนโลยีในสมัยนี้มีศักยภาพสูงจนเอื้อให้ผู้ส่งและรับข่าวสารทำได้ภายในพริบตาไม่ว่าจะอยู่ในส่วนไหนของโลก ในขณะเดียวกันเทคโนโลยีใหม่ก็เอื้อให้อาวุธมีความร้ายแรงมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้ ผู้ใช้เทคโนโลยีจำเป็นจะต้องมีศีลธรรมประจำใจแข็งแกร่งยิ่งขึ้น มิฉะนั้นคำสาปของเทคโนโลยีจะมีผลเสียหายร้ายแรงสูงขึ้นตามศักยภาพของมันซึ่งถึงขั้นทำลายมนุษยชาติได้แล้ว ชาวอเมริกันเป็นเพียงไม่กี่ชาติที่มีความสามารถด้านเทคโนโลยีจำพวกที่มีศักยภาพทำลายล้างมนุษยชาติได้ในปัจจุบัน
เนื่องจากไม่เป็นที่ประจักษ์ว่าชาวอเมริกันและผู้มีความสามารถเหล่านั้นมีศีลธรรมประจำใจแข็งแกร่งยิ่งขึ้นหรือไม่ อะไรจะป้องกันมิให้ความขัดแย้งขนาดใหญ่เช่นในยูเครนแพร่ขยายต่อไปถึงขั้นทำลายมนุษยชาติจึงเป็นปริศนาที่กำลังแสวงหาคำตอบอย่างเร่งด่วน.
บทความโดย ดร.ไสว บุญมา
————————————————————————————————————————————
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ / วันที่เผยแพร่ 20 พ.ค.65
Link : https://www.bangkokbiznews.com/columnist/1005341