“รัฐบาลสหราชอาณาจักรเปิดตัว Think Before You Link แอปพลิเคชันช่วยตรวจสอบตัวตนบัญชีผู้ใช้บนโซเชียลมีเดียอย่าง LinkedIn และ Facebook”
เคน แม็คคอลลัม (Ken McCallum) ผู้อำนวยการทั่วไปของแผนกต่อต้านการจารกรรมแห่งสหราชอาณาจักร หรือ เอ็มไอไฟว์ (MI5) ได้เปิดเผยในช่วงเดือนเมษายนปีที่แล้วว่ามีผู้ใช้งานบนโซเชียลมีเดียโดยเฉพาะบนลิงก์อิน (LinkedIn) และเฟซบุ๊ก (Facebook) กว่า 10,000 คน ตกเป็นเป้าหมายการจารกรรมข้อมูลความมั่นคงแห่งชาติผ่านบัญชีที่สร้างตัวตนปลอมขึ้นมา และในปีนี้ ทางการได้เปิดตัวแอปพลิเคชันใหม่ที่มีชื่อว่า Think Before You Link เพื่อยกระดับการจัดการกับปัญหานี้
คิดก่อนลิงก์ (Think Before You Link) เป็นโครงการรณรงค์การตระหนักรู้ทางไซเบอร์ (Cyber Awareness) ที่เริ่มรณรงค์ตั้งแต่ปีก่อนเพื่อป้องกันการถูกล่อลวงจากบัญชีแปลกหน้าที่มีประวัติดีเกินไปบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก โดยเฉพาะ ลิงก์อิน (LinkedIn) ที่เป็นแพลตฟอร์ม (Platform) ยอดนิยมสำหรับคนทำงาน
เป้าหมายของสายลับที่แฝงตัวบนลิงก์อิน (LinkedIn) ส่วนใหญ่จะพุ่งเป้าไปที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลที่มีสิทธิ์เข้าถึงระดับชั้นความลับขั้นสูง ปลอมตัวเป็นตัวแทนจากบริษัทที่อ้างว่าเป็นเครือข่ายคนทำงานหรือเครือข่ายอาชีพเฉพาะทางระดับโลก หลังจากทำความคุ้นเคยกับเป้าหมายแล้ว สายลับจะพาไปงานเสวนาปลอมที่จัดขึ้นในต่างประเทศเพื่อหลอกถามข้อมูลลับต่อไป
แอปพลิเคชันในชื่อเดียวกับโครงการถูกสร้างขึ้นเพื่อช่วยต่อกรกับบัญชีที่มีตัวตนปลอมเหล่านี้ ระบบจะเริ่มจากการค้นหารูปภาพประจำตัว (Profile Picture) ของบัญชีนั้นว่าถูกนำมาใช้ซ้ำ หรือมีการตัดต่อบนฐานข้อมูลอินเทอร์เน็ต รวมถึงการตรวจสอบการปลอมแปลงข้อมูลพื้นฐานบนโปรไฟล์ (Profile) และประเมินออกมาเป็นระดับความเสี่ยงตั้งแต่เสี่ยงต่ำจนถึงระดับมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นบัญชีตัวตนปลอม รวมถึงยังสามารถให้ผู้ใช้งานยืนยันตัวตนและนำไปแสดงการรับรองว่าเป็นผู้ใช้งานที่มีประวัติจริงได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม แอปพลิเคชันนี้ไม่สามารถเข้าถึงฐานข้อมูลสายลับที่อยู่ในบัญชีเฝ้าระวังของเอ็มไอไฟว์ (MI5) ได้ อีกทั้งตัวแอปพลิเคชันยังต้องเผชิญหน้ากับระบบดีปเฟค (Deepfake) ที่ปลอมแปลงใบหน้าได้แนบเนียนมากขึ้น ทำให้ในอนาคตตัวระบบจะต้องหาวิธีรับมือที่ดีกว่าตอนนี้
การเปิดตัวแอปพลิเคชัน Think Before You Link เป็นส่วนหนึ่งของการตอบโต้ภัยความมั่นคงทางไซเบอร์ (Cyber Security Threat) ของสหราชอาณาจักร ซึ่งอาจมีส่วนเชื่อมโยงไปยังรัฐบาลปักกิ่ง เหมือนกับกรณีที่อดีตคณะทำงานด้านนโยบายต่างประเทศของบารัค โอบามา (Barack Obama) ในสหรัฐฯกล่าวอ้างว่ามีคนจากปักกิ่งติดต่อผ่านลิงก์อิน (LinkedIn) เพื่อให้ทำงานกับหน่วยข่าวกรองของจีนในปี 2019 ที่เคยเป็นข่าวมาก่อนหน้านี้
ที่มาข้อมูล BBC
ที่มา : tnnthailand / วันที่เผยแพร่ 17 พ.ค.65
Link : https://www.tnnthailand.com/news/tech/114052/