ผู้เชี่ยวชาญพบโถเซรามิกโบราณอาจถูกใช้เป็นระเบิดมือในสงครามครูเสด

Loading

  จากการวิเคราะห์ซากภาชนะเซรามิกที่ค้นพบในเขตเมืองเก่าของกรุงเยรูซาเล็มพบว่า มีความเป็นไปได้ที่อัศวินในยุคสงครามครูเสดจะนำภาชนะเหล่านี้มาใช้เป็นระเบิดมือเพื่อต่อสู้กับข้าศึกชาวมุสลิม   ทีมนักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยกริฟฟิธ ในภูมิภาคควีนส์แลนด์ตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศออสเตรเลีย ได้ทำการตรวจสอบสารตกค้างภายในภาชนะเซรามิกที่มีรูปทรงกลมป้านด้านบน แต่มีลักษณะทรงกรวยแหลมด้านล่าง พบว่ามีการใช้งานภาชนะเหล่านี้เพื่อหลายจุดประสงค์ โดยตรวจพบว่ามี 3 ชิ้นใช้บรรจุน้ำมัน ส่วนผสมที่ให้กลิ่นหอมและยา   โถเซรามิกโบราณจากอิหร่าน ผลิตขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 9-10 ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับโถเซรามิกที่พบในเยรูซาเล็ม     อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจสอบโถเซรามิกที่มีชื่อรหัสว่า ‘Shred 737’ ทีมนักโบราณคดีก็พบหลักฐานที่บ่งชี้ว่าโถเซรามิกเหล่านี้อาจถูกนำไปใช้เป็นอาวุธประเภทระเบิดมือ   จากการตรวจสอบพบว่า โถ Shred 737 เป็นโถที่มีความหนา ไม่มีการตกแต่งลวดลาย มีร่องรอยการซีลปิดด้วยเรซิน และมีเศษของสารเคมีที่ติดไฟ ซึ่งเป็นส่วนผสมสำคัญในการทำระเบิดมือในยุคกลาง   ก่อนหน้านี้ ทีมนักวิจัยสันนิษฐานว่า ระเบิดมือยุคกลางจะต้องมีดินปืนเป็นส่วนประกอบ แต่ดินปืนซึ่งเป็นสิ่งที่จีนพัฒนาขึ้นมาเป็นชาติแรก ไม่เคยปรากฏในดินแดนตะวันออกกลางก่อนศตวรรษที่ 13   สงครามครูเสดซึ่งเป็นสงครามศาสนาครั้งใหญ่ นำโดยกองทัพชาวคริสเตียนในยุโรปทำศึกเพื่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์คืนจากผู้ปกครองชาวมุสลิม เกิดขึ้นระหว่าง ค.ศ. 1095-1291 จึงมีการสันนิษฐานว่าโถเซรามิกเหล่านี้จะเป็นสิ่งของที่ผลิตขึ้นในศตวรรษที่ 11-12   โถ Shred 737…

สหรัฐฯ เสนอเงินรางวัล 10 ล้านเหรียญให้แก่ผู้ที่สามารถให้เบาะแสเกี่ยวกับแฮ็กเกอร์รัสเซีย

Loading

  กระทรวงการต่างประเทศ (Department of State) ของสหรัฐอเมริกา เสนอเงินรางวัล 10 ล้านเหรียญ (342 ล้านบาทโดยประมาณ) ให้ใครก็ตามที่ช่วยระบุตัวตนหรือสถานที่ตั้งของแฮ็กเกอร์สังกัดหน่วยข่าวกรองทางทหาร (GRU) ของรัสเซียได้   REWARD! Up to $10M for information on 6 Russian GRU hackers. They targeted U.S. critical infrastructure with malicious cyber ops. Send us info on their activities via our Dark Web-based tips line at: https://t.co/WvkI416g4Whttps://t.co/oZCKNHU3fY pic.twitter.com/u1NMAZ9HQl — Rewards for Justice (@RFJ_USA)…

ปลื้มไทยติดอันดับ 8โลก ที่ 1อาเซียน คนอเมริกันยกให้ปลอดภัยด้านท่องเที่ยวมากสุด

Loading

  กทม. 30 เม.ย. – นายกฯ ปลื้มไทยติดอันดับ 8 ของโลก ที่ 1 อาเซียน คนอเมริกัน ยกให้ปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวมากที่สุด เชื่อช่วยหนุนภาคการท่องเที่ยวไทยฟื้น หลังเปิดประเทศเต็มรูปแบบ   น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แสดงความยินดี หลังเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ทราเวล โพรเทกชั่น (Berkshire Hathaway Travel Protection) เปิดเผยผลสำรวจรายงานสถานะการประกันภัยการเดินทาง (State of Travel Insurance Report) พบว่า ประเทศไทย ติดอันดับที่ 8 ของโลก   เป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน ให้คะแนนด้านความปลอดภัยในการเดินทางมากที่สุด โดยถือเป็นอันดับ 3 ของเอเชีย รองจากประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ส่วนในภูมิภาคอาเซียน ถือว่าประเทศไทยเป็นอันดับ 1…

มือถือนายกรัฐมนตรีสเปน ตกเป็นเป้าหมายของสปายแวร์ Pegasus

Loading

  รัฐบาลของประเทศสเปน เปิดเผยว่า โทรศัพท์มือถือของเปโดร ซานเชซ นายกรัฐมนตรีของประเทศ เป็นเป้าหมายของสปายแวร์เพกาซัส (Pegasus spyware) ของบริษัท เอ็นเอสโอ กรุ๊ป (NSO Group) ที่เคยอ้างว่า ซอฟต์แวร์นี้ใช้เฉพาะหน่วยงานรัฐในการติดตามการก่อการร้ายเท่านั้น   ในการแถลงข่าวในช่วงเช้าวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นของประเทศสเปน มีการเปิดเผยว่า เปโดร ซานเชซ นายกรัฐมนตรีของสเปน ตกเป็นเป้าของสปายแวร์ โดยถูกดูดข้อมูลในช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคม จนถึงเดือนมิถุนายน ปี 2021 ในรายงานยังบอกอีกด้วยว่า มาการิตา โรเบิลส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ได้รับผลกระทบจากการสอดแนมของสปายแวร์เพกาซัส เช่นกัน   ในเวลานี้ ทางการของสเปน กำลังทำการตรวจสอบเพิ่มเติมว่า คณะรัฐมนตรีของรัฐบาลสเปน ตกเป็นเป้าหมายของสปายแวร์ด้วยหรือไม่   ประเด็นดังกล่าวถูกเปิดเผยขึ้น ท่ามกลางการตั้งคำถามไปที่รัฐบาลสเปนว่า ได้มีการใช้สปายแวร์เพกาซัส เพื่อทำการติดตามโทรศัพท์มือถือของนักเคลื่อนไหวเพื่อเอกราชของแคว้นกาตาลันจำนวนหลายสิบคนหรือไม่   ในช่วงที่ผ่านมา เอ็นเอสโอ กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้พัฒนาสปายแวร์เพกาซัสที่ว่านี้ ยืนยันมาตลอดว่า ซอฟต์แวร์ชุดนี้ถูกพัฒนามาเพื่อจุดประสงค์ด้านการตรวจสอบเหตุการณ์ก่อการร้าย และด้านการป้องกันอาชญากรรม   สำหรับในประเด็นล่าสุดของสปายแวร์เพกาซัส ทางเอ็นเอสโอ…

“หมู่เกาะโซโลมอน” อนุญาตให้ “ตำรวจจีน” รักษาความปลอดภัยในประเทศตามข้อตกลงความมั่นคง 2 ชาติ

Loading

  รอยเตอร์/เอเจนซีส์ – สารวัตรทหารจีนเริ่มปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบให้ประชากร 700,000 คนในประเทศหมู่เกาะโซโลมอนตามข้อตกลงความมั่นคงของทั้ง 2 ประเทศที่สร้างความวิตกให้ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และสหรัฐฯ เกิดขึ้นหลังตำรวจหมู่เกาะล้มเหลวในการรับมือวิกฤตจลาจลเขตไชน่าทาวน์ในกรุงโฮนีอาราปีที่แล้ว   รอยเตอร์รายงานวันนี้ (2 พ.ค.) ว่า เจ้าหน้าที่การทูตระดับสูงหมู่เกาะโซโลมอนประจำออสเตรเลียกล่าวให้สัมภาษณ์ทางสถานีวิทยุวันจันทร์ (2) ยืนยันการปรากฏตัวของสารวัตรทหารจีนในหมู่เกาะโซโลมอน   เจ้าหน้าที่การทูตโซโลมอนเปิดเผยว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงความมั่นคงระดับทวิภาคีของ 2 ชาติเนื่องมาจากเหตุผลตำรวจโซโลมอนไม่สามารถจัดการกับกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลได้   ข้าหลวงใหญ่ประเทศหมู่เกาะโซโลมอนประจำออสเตรเลีย โรเบิร์ต ซิซิโล (Robert Sisilo) เปิดเผยกับสถานีวิทยุเอบีซีเรดิโอว่า หมู่เกาะโซโลมอนกำลังยกระดับการรักษาความสงบภายในประเทศหลังตำรวจโซโลมอนไม่สามารถควบคุมจลาจลที่เกิดเมื่อพฤศจิกายนปีที่แล้วในเขตไชน่าทาวน์ภายในกรุงโฮนีอารา (Honiara)   ภายใต้ข้อตกลงระบุว่า “สารวัตรทหารจีน” สามารถถูกเรียกมาช่วยปฏิบัติภารกิจแต่ต้องอยู่ภายใต้การบัญชาการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติโซโลมอนเท่านั้น เหมือนเช่นเดียวกับตำรวจออสเตรเลียที่ถูกส่งมาปฏิบัติหน้าที่ที่นี่ ซิซิโล กล่าว   “พวกเราจะพยายามและทำอย่างดีที่สุดในการจัดการพวกเขาเพื่อทำให้มั่นใจว่าสิ่งที่ได้เกิดขึ้นในประเทศอื่น เป็นต้นว่า ฮ่องกง จะไม่เกิดขึ้นในประเทศของเรา”   ข้อตกลงความมั่นคงระหว่างหมู่เกาะโซโลมอน และจีนนั้นทำให้พันธมิตรโลกตะวันตกต่างออกมาวิตกเกี่ยวกับการที่หมู่เกาะแปซิฟิกซึ่งเป็นเสมือนหลังบ้านของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เปิดทางให้ตำรวจจีนเข้าไปทำงานที่นั่นกับพลเมืองโซโลมอนอาจจะสร้างปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนเหมือนเช่นที่ตำรวจจีนเคยกระทำในฮ่องกง และในจีนแผ่นดินใหญ่   นายกรัฐมนตรีหญิงนิวซีแลนด์ จาซินดา อาร์เดิร์น ในเดือนที่แล้วเคยออกมาตั้งคำถามกับบีบีซีของอังกฤษถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของข้อตกลงความมั่นคงระหว่างกันนี้  …

แฮ็กเกอร์รัสเซียโจมตีทางไซเบอร์ต่อโรมาเนีย พันธมิตรสำคัญของยูเครน

Loading

  เว็บไซต์ของรัฐบาลและองค์กรอื่น ๆ ในโรมาเนียตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีทางไซเบอร์ โดยหน่วยข่าวกรองของประเทศเชื่อว่าการโจมตีดังกล่าวเป็นฝีมือของกลุ่มแฮ็กเกอร์ที่สนับสนุนรัฐบาลรัสเซีย   กลุ่มแฮ็กเกอร์มีชื่อว่า Killnet ซึ่งได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบในการโจมตีทางไซเบอร์ด้วยวิธีการแบบ DDoS (Distributed Denial-of-Service) หรือการป้อนข้อมูลจำนวนมหาศาลไปยังเซิร์ฟเวอร์หรือโดเมนเป้าหมายให้ล่มจนใช้การไม่ได้   เว็บไซต์ที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ เว็บไซต์ของกระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจชายแดน บริษัทระบบราง CFR Calatori และสถาบันทางการเงินแห่งหนึ่งที่ไม่ได้รับการเปิดเผยชื่อ ส่งผลให้เว็บไซต์เหล่านี้ไม่สามารถใช้งานได้เป็นเวลาหลายชั่วโมง   ก่อนหน้านี้ Killnet ได้เคยโจมตีองค์กรของประเทศที่เป็นปรปักษ์กับรัสเซีย อาทิ สหรัฐอเมริกา เอสโตเนีย โปแลนด์ เช็กเกีย และนาโต้ ซึ่งล้วนแล้วแต่ให้ความช่วยเหลือด้านต่าง ๆ แก่ยูเครนที่กำลังถูกรัสเซียรุกรานอยู่ในขณะนี้   สำหรับโรมาเนีย รัฐบาลและรัฐสภาระบุว่ากำลังพิจารณาแนวทางให้ความช่วยเหลือด้านการทหารแก่ยูเครนเพิ่มเติม ซึ่ง นิโกลาเอ ชิวกา (Nicolae Ciucă) นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย มาเซล โชลากู (Marcel Ciolacu) ประธานรัฐสภา เพิ่งได้เดินทางไปยูเครนด้วยตัวเอง โดยทั้งคู่ให้คำมั่นว่าจะช่วยยูเครนในการต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย    …