นายกฯ ญี่ปุ่นเยือนไทย สองชาติลงนามความร่วมมือเปิดทางญี่ปุ่นขายอาวุธ ถ่ายทอดเทคโนโลยีทหาร รับมือการขยายอิทธิพลของจีน และรัฐบาลญี่ปุ่นจะให้เงินกู้ 50,000 ล้านเยนกับประเทศไทยเพื่อรับมือโรคโควิด
นายคิชิดะ ฟูมิโอะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้พบกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย ที่กรุงเทพฯ ในวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม ผู้นำทั้ง 2 ชาติได้ยืนยันความร่วมมือทวิภาคีในการรับมือกับความท้าทายหลายเรื่องในระดับภูมิภาคและระดับโลก ทั้งสถานการณ์ในยูเครน เกาหลีเหนือ และเมียนมา
ผู้นำญี่ปุ่นกล่าวในการแถลงข่าวที่ทำเนียบรัฐบาลไทยว่า “การรุกรานอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนด้วยการใช้กำลังทหารหรือข่มขู่ รวมถึงการใช้กำลังแต่เพียงฝ่ายเดียวเพื่อเปลี่ยนแปลงสถานการณ์นั้น เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ไม่ว่าจะเป็นภูมิภาคใดก็ตาม”
คำกล่าวของนายกฯ ญี่ปุ่นสะท้อนทั้งสถานการณ์ที่รัสเซียรุกรานยูเครน และการขยายอิทธิพลของจีน ซึ่งมีข้อพิพาทด้านดินแดนกับญี่ปุ่น และหลายประเทศอาเซียน
สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาได้กล่าวกับนายกฯ ญี่ปุ่นว่า “ประเทศไทยยึดมั่นในบูรณภาพด้านดินแดน กฎหมายระหว่างประเทศ และกฎบัตรสหประชาชาติ ไทยสนับสนุนการยุติความรุนแรง การยับยั้งชั่งใจ และพร้อมให้ความร่วมมือกับประชาคมโลกเพื่อให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมกับชาวยูเครน และมุ่งสู่การยุติความขัดแย้งระหว่างกัน”
ผู้นำญี่ปุ่น-ไทยยังได้ลงนามในข้อตกลงหลายฉบับ ที่น่าจับตาที่สุดคือ “ความตกลงด้านยุทโธปกรณ์ และเทคโนโลยีการป้องกันประเทศ” ซึ่งจะเปิดทางให้ญี่ปุ่นสามารถขายอาวุธ และถ่ายทอดเทคโนโลยีทางทหารให้กับประเทศไทยได้
จากแผนที่เส้นประ 9 เส้น ที่จีนใช้อ้างสิทธิ์พื้นที่พิพาทในทะเลจีนใต้ ญี่ปุ่นได้ทำ “ความตกลงด้านยุทโธปกรณ์ และเทคโนโลยีการป้องกันประเทศ” กับฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว เหลือเพียงประเทศไทย ที่เป็น “จิ๊กซอว์ตัวสำคัญ” ในการรับมือกับการขยายอิทธิพลของจีน
ย้อนอ่าน: นายกฯ ญี่ปุ่นเยือนไทย จับตาความร่วมมือกลาโหม “ล้อมกรอบจีน”
นอกจากนี้ ผู้นำ 2 ประเทศยังลงนาม “ข้อตกลงความร่วมมือทางอาญา” ซึ่งจะเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ของทั้ง 2 ชาติ สามารถรวมรวมข่าวกรองและข้อมูลหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการทำผิดหมายอาญาระหว่างประเทศได้ โดยไม่ต้องผ่านช่องทางทางการทูต
ในด้านการรับมือการระบาดของโรคโควิด-19 รัฐบาลญี่ปุ่นจะสนับสนุนเงินกู้ยืม 50,000 ล้านเยนให้ประเทศไทย เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งในการตรวจคัดกรองโรคและพัฒนาอุปกรณ์ด้านสาธารณสุข
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลญี่ปุ่นได้บริจาควัคซีน “แอสตราเซนเนก้า” ให้ประเทศไทยแล้ว 4 ครั้ง รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 2.05 ล้านโดส และยังให้ความช่วยเหลืออื่น ๆ เช่น บริจาคเครื่องผลิตออกซิเจนจำนวน 868 เครื่อง , การเตรียมระบบห่วงโซ่ความเย็นที่จำเป็นต่อการจัดเก็บและการขนส่งวัคซีน , สนับสนุนด้านการปรับปรุงห้องปฏิบัติการและวิจัยโรคติดต่อของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุขแห่งชาติ , สนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ในการพัฒนายารักษาโรคและเพิ่มศักยภาพในการวินิจฉัยโรคโควิด-19
หลังจากนี้ นายคิชิดะจะเดินทางเยือนอิตาลีและอังกฤษ เขาระบุว่า จะนำผลการหารือกับบรรดาชาติเซียนไปแจ้งกับสมาชิกกลุ่มประเทศอุตสาหรรมชั้นนำ หรือG7 เพื่อเชื่อมโยงความพยายามในการสร้างสันติภาพและเสถียรภาพของโลก.
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 3 พ.ค.65
Link : https://mgronline.com/japan/detail/9650000041790