‘แผนสอดแนมจีน’ ของสหรัฐฯ อาจนำไปสู่การเลือกปฏิบัติต่อชาวอเมริกันเชื้อสายจีน-เอเชีย

Loading

FILE – In this March 30, 2021, file photo, people cross a busy street in the shopping district of Flushing, a largely Asian American neighborhood in the Queens borough of New York. (AP Photo/Kathy Willens, File) ในขณะที่หน่วยราชการลับของสหรัฐฯ กำลังเร่งทำการติดตามและรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับรัฐบาลจีนอย่างไม่ลดละอยู่นี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลกรุงวอชิงตันยอมรับว่า ความพยายามดังกล่าวอาจนำไปสู่การสอดแนมและเก็บข้อมูลทั้งหลายของชาวอเมริกันเชื้อสายจีน ซึ่งหมายถึง การล่วงละเมิดเสรีภาพพลเมืองของประเทศนั่นเอง รายงานฉบับล่าสุดจาก สำนักงานผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ (Office of the Director of National Intelligence – ODNI)…

คลิประบำเปลื้องผ้าโผล่กลางถ่ายทอดสดพิจารณาคดีผู้นำเปรู

Loading

  คลิปนักเต้นระบำเปลื้องผ้าหลุดระหว่างถ่ายทอดสดการพิจารณาคดีผู้นำเปรู สำนักข่าว Reuters รายงานว่า ระหว่างการถ่ายทอดสดการพิจารณาคดีคอร์รัปชันของ ประธานาธิบดี เปโดร กัสติลโญ ของเปรู จู่ๆ ก็มีคลิปนักเต้นระบำเปลื้องผ้า ริการ์โก มิลอส ชาวบราซิลปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ซามูเอล โรฮาส พนักงานอัยการเผยว่า “พวกเขาโชว์ภาพที่อนาจารมากๆ” คลิปวาบหวิวปรากฏขึ้นในขณะที่โรฮาสกำลังกล่าวสรุปเหตุผลที่ควรสอบสวนผู้นำเปรู การพิจารณาคดีถูกถ่ายทอดสู่สาธารณะโดยช่องทีวีของศาล โดยภายหลังคลิปของนักเต้นระบำเปลื้องผ้าถูกแชร์อย่างกว้างขวางในทวิตเตอร์ ผู้พิพากษาศาลฎีกากำลังพิจารณาคำร้องขอยกเลิกการสอบสวนว่า ประธานาธิบดีเปรูเป็นแกนนำในการคอร์รัปชันร่วมกับอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและการสื่อสาร ฮวน ซิลวา ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนี คลิปวาบหวิวของมิลอสปรากฏผ่านบัญชีผู้ใช้ของ เบนจี เอสปิโนซา หนึ่งในทีมทนายความของกัสติลโญ ส่งผลให้ต้องหยุดการพิจารณาชั่วคราว เอสปิโนซาปฏิเสธความรับผิดชอบต่อคลิปวิดีโอดังกล่าวและบอกว่าเขาคือเหยื่อของอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ เอสปิโนซาเผยกับ Reuters ทางโทรศัพท์ว่า “คลิปวิดีโอซึ่งมาจากบัญชีของผมปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน ซึ่งผมปฏิเสธ” โดยเขาได้ยื่นฟ้องต่อศาลในกรณีนี้แล้ว และอ้างว่าเหตุการณ์ผิดคิวครั้งนี้ “แสดงให้เห็นว่าระบบเสมือนจริงของศาลถูกโจมตีได้ง่าย” JUSTICIA TV/Handout via REUTERS TV     ที่มา : โพสต์ทูเดย์    /   วันที่เผยแพร่ 16…

สุดเฉียบ! DTI จับมือ MUT เปิดตัวหุ่นยนต์เก็บกู้วัตถุระเบิดขนาดเล็ก “D-EMPIR version 4”

Loading

DTI จับมือ MUT เปิดตัวหุ่นยนต์เก็บกู้วัตถุระเบิดขนาดเล็ก “D-EMPIR version 4” หลังวิจัยพัฒนาจนเป็นผลสำเร็จ เดินหน้าต่อยอดยกระดับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศสู่ระดับสากล สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (DTI) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร (MUT) เปิดตัวหุ่นยนต์เก็บกู้วัตถุระเบิดขนาดเล็ก “D-EMPIR version 4” ที่ได้ศึกษา วิจัย พัฒนาต่อยอดและสร้างขึ้นร่วมกันระหว่าง DTI และ MUT จนได้เป็นหุ่นยนต์เก็บกู้วัตถุระเบิดขนาดเล็กฝีมือคนไทย 100% ที่ผ่านการทดสอบและสาธิตการใช้งานให้กับหน่วยงานด้านความมั่นคงได้เห็นถึงสมรรถนะ ศักยภาพ และขีดความสามารถ จนเกิดการยอมรับ อีกทั้งยังผ่านการทดสอบมาตรฐานจากคณะกรรมการมาตรฐานยุทโธปกรณ์ กระทรวงกลาโหม (กมย.กห.) เพื่อยืนยันประสิทธิภาพการทำงานที่ดีเทียบเท่าได้กับหุ่นยนต์จากต่างประเทศ สามารถใช้งานได้จริง ทำงานได้รวดเร็วขึ้น และต้นทุนที่ใช้ในการผลิตถูกกว่าหุ่นยนต์ที่สั่งซื้อจากต่างประเทศมากกว่าครึ่ง โดย “D-EMPIR version 4” ได้ถูกส่งมอบให้กับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน. ภาค 4 สน.) นำไปใช้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภานวีย์ โภไคยอุดม อธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร…

ภาพใบหน้าชาวญี่ปุ่นสวมหน้ากากอนามัยเป็นที่ต้องการในการฝึกปัญญาประดิษฐ์

Loading

ชุดข้อมูลที่เป็นภาพใบหน้าชาวญี่ปุ่นใส่หน้ากากอนามัยกว่า 1,000 ภาพ กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมาก เพื่อใช้สำหรับฝึกหัดปัญญาประดิษฐ์ในโปรแกรมจดจำใบหน้า ด้วยเหตุนี้ เหล่าผู้ให้บริการเว็บไซต์คลังภาพ (stock photo) กำลังเสนอขายภาพที่จัดเป็นชุดข้อมูลเพื่อทำกำไรจากบรรดาธุรกิจที่ใช้โปรแกรมสแกนใบหน้าหรือสิ่งของที่ต้องการภาพเหล่านี้เพิ่มขึ้น เพื่อตรวจสอบว่าคนหรือของเหล่านี้อยู่ในฐานข้อมูลหรือไม่ ผู้พัฒนาโปรแกรมตรวจจับใบหน้าเริ่มนิยมใช้ภาพจากบริการคลังภาพมากขึ้น เนื่องจากประหยัดเวลาและทรัพยากรมากกว่าการที่ต้องทยอยถ่ายทีละภาพเพื่อนำมาใช้ในการฝึกปัญญาประดิษฐ์ Pixta หนึ่งในผู้ให้บริการคลังภาพรายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น เริ่มขายภาพสำหรับฝึกฝนปัญญาประดิษฐ์มาตั้งแต่ปี 2018 ภาพที่อยู่ในความต้องการของลูกค้ามากที่สุดคือภาพใบหน้า ลูกค้าเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ผลิตเครื่องไฟฟ้าและกล้อง รวมถึงมหาวิทยาลัย และสถาบันวิจัยอื่น ๆ ด้วย เหตุผลที่ภาพใบหน้าชาวญี่ปุ่นเป็นที่ต้องการมากขึ้น ก็เพราะว่าปัญญาประดิษฐ์ของโปรแกรมจดจำใบหน้าที่คุ้นชินกับชาวตะวันตกที่มีผิวขาว มักจะทำงานผิดพลาดเพื่อเจอใบหน้าของคนที่ผิวเข้มขึ้น ลูกค้าที่นำภาพใบหน้าชาวญี่ปุ่นของ Pixta ไปใช้ก็หวังว่าจะช่วยเพิ่มความแม่นยำของระบบจดจำใบหน้า ในเดือนมิถุนายน 2021 Pixta เริ่มขายชุดข้อมูลภาพใบหน้าชาวญี่ปุ่นสวมหน้ากากอนามัย ชุดละ 1,000 ภาพ ซึ่งในปีนั้นมีความต้องการซื้อเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เหตุผลสำคัญที่ความต้องการภาพคนใส่หน้ากากอนามัยเพิ่มขึ้นก็คือการเพราะการระบาดของโควิด-19 การใช้ภาพคนใส่หน้ากากอนามัยในการฝึกปัญญาประดิษฐ์จะช่วยให้ไม่ต้องดึงข้อมูลอื่นมาวิเคราะห์เพิ่มเติม “เมื่อเราเริ่มได้รับการติดต่อขอซื้อภาพของคนสวมหน้ากากอนามัยเข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เราจึงเริ่มขายภาพเหล่านี้ในรูปแบบชุดข้อมูล” ซายากะ ฟุกุโมโตะ (Sayaka Fukumoto) พนักงานจากแผนกบริการลูกค้าของ Pixta ระบุ ชุดข้อมูลภาพที่ได้รับการตัดต่อมาเพื่อใช้สำหรับการฝึกฝนปัญญาประดิษฐ์มีราคาราวชุดละ 165,000 เยน…

ชายหนุ่มอเมริกัน โดนจำคุก 2 ปี ฐานขาย DDoS กว่า 200,000 ครั้ง

Loading

credit : ShutterStock   ผู้ต้องหาถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานละเมิดกฎหมาย Computer Fraud and Abuse Act (CFAA) สำหรับการให้บริการ DDoS-for-hire จำนวนสองบริการผ่าน downthem.org และ ampnode.com ผู้ต้องหาได้อำนวยความสะดวกให้ผู้คนเปิดการโจมตีกว่า 200,000 ครั้งเพื่อแลกกับเงิน Matthew Gatrel ชาวเมืองเซนต์ชาร์ลส์ รัฐอิลลินอยส์ วัย 33 ปี ถูกตัดสินจำคุก 2 ปี หลังจากถูกตัดสินว่ามีความผิดเมื่อปี 2021 ฐานอำนวยความสะดวกให้กับบริการ DDoS และถูกจับได้หลังจากการปราบปรามโดย FBI และหน่วยงานอื่นๆ รายละเอียดคดี : ในขั้นต้น Matthew Gatrel ยอมรับสารภาพและมอบหลักฐานที่ชี้ชัดในข้อกล่าวหาแก่เจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตามเขาเลือกที่จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีในชั้นศาล ในตอนท้ายของการพิจารณาคดี คณะลูกขุนของรัฐบาลกลางพบว่า Matthew Gatrel มีความผิดตามข้อหา – กระทงแรก ฐานสมรู้ร่วมคิด เพื่อกระทำความบกพร่องของคอมพิวเตอร์ที่ได้รับการคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต – กระทงที่สอง…

กลยุทธ์ไซเบอร์ซิเคียวริตี้ จะล้าสมัยในไม่ช้า

Loading

  ปัจจุบันกลยุทธ์การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์นั้นเปราะบางเกินไป บริษัทโซลูชั่นความปลอดภัยทางไซเบอร์ในสหราชอาณาจักรได้เปิดเผยผลการสำรวจเกี่ยวกับความกังวลในการโจมตีทางไซเบอร์ ซึ่งผู้ตอบแบบสอบถามคือ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับสูง (Chief information security officer หรือ CISO) มากกว่า 200 ราย โดย 40% เห็นว่า กลยุทธ์การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ในปัจจุบัน น่าจะล้าสมัยภายในเวลาอีกเพียง 2 ปี และอีก 37% คิดว่า จะล่าสมัยภายใน 3 ปี จากจำนวนการโจมตีทางไซเบอร์ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบันประกอบกับนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้บริษัทต่างๆ จะต้องปรับกลยุทธ์การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง จากการสำรวจมากกว่า 3 ใน 5 หรือ 61.4% คิดว่า “ค่อนข้างมั่นใจ” ในความสามารถในการป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ และเพื่อเตรียมการรับมือกับความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์ บริษัทต่างๆ จึงจำเป็นต้องลงทุนเพิ่มเติมกับ Cybersecurity Solutions และมีเพียง 44% ของผู้ตอบแบบสอบถาม คิดว่าพวกเขามีวิธีการที่จำเป็นในการปกป้ององค์กรจากความเสี่ยงได้อย่างทันทีและมีแผนป้องกันในระยะกลาง ควบคู่ไปกับการติดตามเทรนทางด้านเทคโนโลยี เพราะมีความจำเป็นอย่างมากสำหรับบริษัทต่างๆ ในการพัฒนากลยุทธ์ความปลอดภัยทางไซเบอร์เพื่อลดการคุกคามในระยะยาว โดยผู้บริหารของบริษัทต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า CISO มีงบประมาณที่เพียงพอในการควบคุมปัญหาในระยะสั้น และเริ่มวางแผนกลยุทธ์ระยะยาว…