อินเทอร์เน็ตกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันเรา ดังนั้นการเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่ปลอดภัยก็เป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน สำหรับใครที่เริ่มมีอินเทอร์เน็ตบ้าน นี่คือสิ่งที่คุณต้องรูป ก่อนที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของคุณจะโดนแฮกทั้งบ้าน
อินเทอร์เน็ตทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้น เชื่อมต่อกันได้ง่ายมากขึ้น เช่นเดียวกับเหล่าแฮกเกอร์ที่อาศัยโอกาสเหล่านี้เข้ามาโจรกรรมข้อมูล ทรัพย์สิน และเงินเราได้มากขึ้นเช่นกัน
ทำไมการต่อเน็ตฯ ต้องปลอดภัย ?
ถ้าจะตอบคำถามว่า ทำไมเราต้องเชื่อมต่อ Wi-Fi หรืออินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัย ? ก็ต้องย้อนถามกลับตัวเองก่อนว่า เราโอนเงินผ่านแอปฯ มือถือ หรือไม่ ? แอปฯ ธนาคารต้องใช้อินเทอร์เน็ตหรือไม่ ? กล้องวงจรปิดเราเชื่อมอินเทอร์เน็ตหรือไม่ ? เครื่องพิมพ์เราพิมพ์ไร้สายได้หรือไม่ ? ถ้าใช่ นั่นแหละ คือเหตุผลว่าทำไมเราต้องทำให้อินเทอร์เน็ตที่เราใช้
การแฮกอินเทอร์เน็ตบ้านเกิดขึ้นประจำ โดยมีการรายงานว่าอาชญากรรมทางไซเบอร์ในปี 2564 สร้างความเสียหายให้ผู้คนกว่า 6,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 293,519 ล้านบาท ซึ่งเป็นการฟิชชิง (Phishing) หรือหลอกให้คนกรอกข้อมูลส่วนตัวในเว็บไซต์ปลอม เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลส่วนตัวเป็นหลัก
วิธีการป้องกันไม่ให้เราถูกแฮกส่วนหนึ่งก็คือการลดความเสียงการถูกแฮก ซึ่งก็เริ่มจากบ้านเราเป็นที่แรก ด้วยการทำให้ Wi-Fi ปลอดภัยสำหรับทุกคนในบ้าน
4 วิธีป้องกัน Wi-Fi บ้านง่าย ๆ ไม่ให้โดนแฮก
1. วางเร้าเตอร์ไว้ให้กลางบ้านมากที่สุด : เพราะสัญญาณเราเตอร์บ้านปกติจะส่งสัญญาณได้ไม่ไกลนัก ดันนั้นการวางไว้กลางบ้านนอกจากจะทำให้ Wi-Fi ทั่วถึงแล้ว ยังลดโอกาสที่แฮกเกอร์จะแอบใช้รหัส Wi-Fi โจรกรรมมา มาแฮกเราจากนอกบ้านได้ด้วย
2. เปลี่ยนรหัส Wi-Fi ให้แข็งแรง และเปลี่ยนบ่อย ๆ : หากรหัส Wi-Fi ของเราเดาง่าย เช่น เบอร์บ้าน เบอร์มือถือ ก็แปลว่าคนร้ายก็จะแอบเข้ามาฝังตัวใน Wi-Fi บ้านเราได้ง่าย ๆ เลย ดังนั้นการใส่เครื่องหมายต่าง ๆ ลงไป , การทำให้รหัส Wi-Fi ต่างจากปกติ จึงทำให้แฮกเกอร์เดารหัสเรายากขึ้นและเขามาแฝงตัวได้ยากขึ้น
3. เปลี่ยนรหัสเข้าเราเตอร์ : อย่าเพิ่งเข้าใจว่ารหัสเข้า Wi-Fi กับ รหัสเข้าเราเตอร์คืออันเดียวกัน เพราะมันคือคนละอันกัน เจ้าตัวรหัสเข้าเร้าเตอร์นี้จะทำให้เราเข้าไปแก้ไขสิ่งต่าง ๆ ในเราเตอร์ได้ เช่น รหัสเข้า Wi-Fi และเอาอะไรเข้าไปฟังในเร้าเตอร์ก็ได้ ปกติแล้วรหัสเข้าเร้าเตอร์ก็จะถูกตั้งเป็นพื้นฐานมา คือ Admin ดังนั้นสิ่งแรกที่แฮกเกอร์หากเข้าระบบเราได้ ก็คือลองรหัสพื้นฐานเข้าเราเตอร์มาฝังไวรัสโจรกรรมข้อมูลนี่แหละ
4. อัปเดทซอร์ฟแวร์ของเร้าเตอร์ให้เป็นรุ่นล่าสุดเสมอ : การไม่อัปเดทซอร์ฟแวร์เป็นบ่อเกิดแห่งความเสียหาย หากย้อนกลับไป 3-4 ปีที่แล้ว ไวรัสเรียกค่าไถ่กลายเป็นตัวการสำคัญที่สร้างความเสียหายให้องค์กรใหญ่ ๆ โดยหัวใจสำคัญของไวรัสเรียกค่าไถ่ คือ ช่องโหว่ในระบบปฎิบัติการรุ่นเก่าของ Windows ที่ปล่อยให้ไวรัสเข้ามาแบบง่าย ๆ ดังนั้นการอัปเดทซอร์ฟแวร์ให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอก็จะแก้ไขได้ เพราะผู้พัฒนาเจอช่องโหว่ในระบบของตัวเอง จึงออกเวอร์ชั่นใหม่มา
พอแฮกเกอร์เข้า Wi-Fi บ้านเราได้แล้วไงต่อ ? จะได้เล่นเน็ตฯ ฟรี ?
ก่อนจะถามว่าพวกแฮกเกอร์ทำอะไรได้ ก็ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เวลาเราเข้า Wi-Fi บ้าน มันไปเชื่อมต่อกับอะไร ? คำตอบคือ มันเชื่อมต่อกับเร้าเตอร์แล้วจึงเชื่อมไปยังระบบอินเทอร์เน็ต ดังนั้นพอเหล่าแฮกเกอร์สามารถเข้ามายัง Wi-Fi บ้านเราได้แล้ว พวกเขาก็จะเอาระบบเข้าไปฝังในเราเตอร์เราในการดักจับข้อมูลส่วนตัวเรา ทั้ง Username และ Password
เช่น แฮกเกอร์สามารถเขียนโปรแกรมให้ทุกเว็บไซต์ที่เราเข้าบ่อย ๆ อย่าง Facebook , Twitter , Youtube เป็นเว็บปลอมแล้วหลอกให้เราล็อกอินผ่านเว็บปลอมเพื่อหลอกเอาข้อมูลเรา หรือฝังไวรัสที่จะส่งข้อมูลว่าเราพิมพ์อะไรลงไปบ้างในคีย์บอร์ด เพื่อให้เหล่าแฮกเกอร์เอาตัวหนังสือที่เราพิมพ์ไปปะติดปะต่อเพื่อล้วงข้อมูล-เงินเราออกไป
นอกจากนี้หากกล้องวงจรปิดเราเป็นระบบออนไลน์แล้วต่อ Wi-Fi บ้าน คนร้ายยังสามารถดูได้ตั้งแต่ มีคนอยู่บ้านไหม เราพิมพ์อะไรในขณะที่เราเล่นคอมพ์ พฤติกรรมเราเป็นอย่างไร หรือแม้กระทั่งอัดคลิปกิจกรรมทางเพศไปเรียกค่าไถ่ คนร้ายก็สามารถทำได้
ดังนั้นเริ่มต้นง่าย ๆ ด้วย 4 ข้อนี้แล้วไม่กดลิงค์มั่ว เช็กให้ชัวร์ก่อนกรอกข้อมูล ก็ช่วยให้เราถูกแฮกได้น้อยลงแล้ว
ที่มา : springnews / วันที่เผยแพร่ 12 มิ.ย.65
Link : https://www.springnews.co.th/spring-life/825792