REUTERS
ผู้ประท้วงหลายพันคนได้บุกเข้าไปในทำเนียบประธานาธิบดีโคฐานภยะ ราชปักษะ ของศรีลังกา ในกรุงโคลอมโบ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม แม้ว่าทหารและตำรวจจะยิงปืนขึ้นฟ้าแต่ก็ไม่สามารถยุติฝูงชนที่ต่างโกรธแค้นต่อการบริหารงานของรัฐบาลที่เป็นต้นเหตุให้เศรษฐกิจศรีลังกาล่มสลาย
ภาพที่มีการเผยแพร่ผ่านไลฟ์สตรีมบนเฟซบุ๊ก แสดงให้เห็นว่า มีผู้ประท้วงจำนวนมากบุกเข้าไปในทำเนียบประธานาธิบดี บางคนชูธงชาติกลางห้องต่างๆ ในตัวอาคาร ขณะที่บางคนไปเล่นน้ำในสระว่ายน้ำ และคนอีกจำนวนหนึ่งก็พากันไปนั่งบนโซฟาและเตียง โดยไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวเลย
นายรานิล วิกรมสิงเห นายกรัฐมนตรีศรีลังกา ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนพฤษภาคม แสดงความพร้อมที่จะลาออกจากตำแหน่ง ในการพูดคุยกับหัวหน้าพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อเปิดทางให้มีการจัดตั้งรัฐบาลที่ทุกพรรคเข้ามามีส่วนร่วมขึ้นมาบริหารประเทศแทน
REUTERS
ยังไม่ทราบชัดเจนว่า ประธานาธิบดีราชปักษะอยู่ที่ไหนขณะที่ประชาชนบุกเข้าไปในทำเนียบ เบื้องต้นมีรายงานว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 39 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล
อย่างไรก็ดีล่าสุดมีรายงานว่า ประธานาธิบดีโคฐาภยะ ราชปักษะของศรีลังกา ได้หลบหนีออกจากทำเนียบที่พักในกรุงโคลอมโบ เพียงไม่นานก่อนหน้าที่กลุ่มผู้ประท้วงที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นจะลุกฮือบุกเข้าไปที่ทำเนียบที่พักและสำนักงานที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงของผู้นำศรีลังกา
แหล่งข่าวด้านกลาโหมเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีราชปักษะถูกนำตัวไปยังที่ปลอดภัยเขา เขายังคงเป็นประธานาธิบดีและได้รับการพิทักษ์คุ้มกันด้วยหน่วนยทหาร
ศรีลังกาเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ได้รับเอกราช อัตราเงินเฟ้อในเดือนมิถุนายน พุ่งสูงถึง 54.6% และคาดว่าจะพุ่งแตะ 70% ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ยิ่งซ้ำเติมประชาชนที่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากอยู่แล้วให้ต้องเผชิญกับทางเลือกที่แทบจะไม่เหลืออยู่
อย่างไรก็ดีความไม่แน่นอนทางการเมืองอาจบ่อนทำลายการเจรจากับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ซึ่งศรีลังกากำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับไอเอ็มเอฟเพื่อขอกู้เงิน 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำมาใช้ปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศบางส่วน และหาทางกอบกู้เศรษฐกิจที่แม้แต่นายกรัฐมนตรีวิกรมสิงเหก็ยอมรับว่าล่มสลายลงแล้วอย่างสิ้นเชิง
REUTERS
ที่มา : มติชนออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 9 ก.ค.65
Link : https://www.matichon.co.th/foreign/news_3445245