เอาเรื่อง คลื่นความร้อนทำคลาวด์ล่ม หลังฮีตเวฟ พุ่งเกิน 40 องศา

Loading

  ปัญหาใหญ่ของเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ นอกจากกระแสไฟฟ้าสำรองที่ต้องมีเพียงพอยามฉุกเฉินแล้ว อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นยังเป็นปัจจัยที่ต้องรับมือ ล่าสุดผู้ให้บริการคลาวด์ยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Google Cloud และ Oracle Cloud ในอังกฤษ ต้องเผชิญกับปัญหาระบบล่มแบบไม่ทันตั้งตัว หลังจากเจอกับคลื่นความร้อนหรือ ฮีตเวฟ (Heat Wave) ทำให้อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้น แตะ 40.2 องศาเซลเซียส นับเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติ ไม่เป็นไปตามฤดูกาล ความร้อนที่ผิดปกติในยุโรป ส่งผลให้บริการคลาวด์ของ 2 ค่ายหยุดชะงัก กระทบต่อบริการไอทีอย่าง Data Center , Virtual Machine (VM) รวมถึงเว็บไซต์ภายใต้ WordPress ที่โฮสต์โดย WP Engine ฮีตเวฟ ทำให้ระบบทำความเย็นของ Google Cloud เสียหาย จนต้องปิดเซิร์ฟเวอร์บางส่วนลงเพื่อป้องกันผลกระทบกับฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์ในระยะยาว ขณะที่สตอเรจบางส่วนจำต้องเปลี่ยนโหมดการทำงาน ไม่ต่างจาก Oracle Cloud ที่ระบบทำความเย็นมีปัญหาเช่นกัน และต้องใช้เวลากู้ระบบราว 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้กลับมาทำงานได้อีกครั้ง ปัญหาคลื่นความร้อนที่เกิดขึ้นในอังกฤษครั้งนี้ ถือว่าส่งผลกระทบหนักต่อวงการไอที…

ขอนแก่นตื่น! ตั้งงบติดกล้อง CCTV เขตเมือง เหตุคลั่งจับชาวบ้านเป็นตัวประกัน

Loading

นายก อบจ. ขอนแก่น ลงพื้นที่พบ “ป้าแมว” หลังถูกชายเก็บของเก่าจับเป็นตัวประกัน ก่อนเกิดอาการเครียด ชักเกร็ง จนต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล เจียดงบ 5 ล้านติดกล้อง CCTV เขตเมือง หลังเหตุชายเก็บของเก่าจับชาวบ้านเป็นตัวประกัน เช้านี้ 20 กรกฎาคม 2565 ที่ร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ “ชายการช่าง” ตั้งอยู่บริเวณสามแยกถนนเทพารักษ์ตัดถนนหลังศูนย์ราชการ เขตเทศบาลนครขอนแก่น อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายพงษ์ศักดิ์ ตั้งวานิชกพงษ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น (อบจ.ขอนแก่น) พร้อมด้วย นายวุฒิพร ศรีมังกรแก้ว สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น และคณะ ได้ลงพื้นที่ไปให้กำลังใจและมอบกระเช้าให้กับนายประสบ ตาแสงสา เจ้าของร้านซ่อมรถจักรยานยนต์และสามีของนางสุวรรณ ตาแสงสา หรือ “ป้าแมว” อายุ 54 ปี หญิงที่ถูกชายเก็บของเก่าใช้ระเบิด M61 จับเป็นตัวประกัน เหตุเกิดในช่วงเช้าของวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยหลังจากเกิดเหตุเพียงไม่กี่วันนางสุวรรณฯ ได้เกิดอาการเครียด ชักเกร็ง จนทางครอบครัวต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลฯ เป็นการด่วน ซึ่ง…

ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ ‘2.5 วินาที’ การ์ดพลาดช่วยชีวิตอาเบะ

Loading

ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัยแปดคน ตรวจสอบคลิปลอบสังหารอดีตนายกฯ ญี่ปุ่นเผย บอดี้การ์ดอาจช่วยชีวิตชินโซ อาเบะได้ ถ้าการ์ดเข้าไปคุ้มกันอาเบะหรือเอาตัวเขาออกภายใน 2.5 วินาที แห่งชีวิตระหว่างกระสุนนัดแรกที่พลาดเป้ากับนัดปลิดชีพ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานความเห็นผู้เชี่ยวชาญทั้งชาวญี่ปุ่น และต่างชาติถึงความล้มเหลวในการปกป้องอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ จากกระสุนนัดที่ 2 ในการลอบสังหารเมื่อวันที่ 8 ก.ค. อาเบะถูกมือปืนใช้อาวุธทำเองสังหารที่เมืองนารา ทางภาคตะวันตกของประเทศ ข่าวนี้สร้างความตื่นตระหนกไปทั้งญี่ปุ่น ที่ความรุนแรงจากอาวุธปืนเกิดขึ้นน้อยมาก และการหาเสียงของนักการเมืองใกล้ชิดกับประชาชนมีการรักษาความปลอดภัยเพียงเล็กน้อย ทางการญี่ปุ่นรวมทั้งนายกรัฐมนตรีฟุมิโอ คิชิดะ ยอมรับถึงความล้มเหลวในการรักษาความปลอดภัย ฝ่ายตำรวจเผยว่ากำลังสอบสวนเรื่องนี้ ด้านรอยเตอร์พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัย และผู้เห็นเหตุการณ์อีกหกคน ทั้งยังตรวจสอบวิดีโอที่เผยแพร่ทางออนไลน์อีกหลายคลิปจากมุมต่างๆ เพื่อรวบรวมรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยก่อนอาเบะถูกยิง รอยเตอร์ ระบุว่า ในวันนั้นอาเบะยืนปราศรัยง่ายๆ ณ จุดที่จัดไว้บนถนนสาธารณะ มือปืนที่ตำรวจเผยว่าชื่อเท็ตสึยะ ยามางามิ วัย 41 ปี พร้อมอาวุธ สามารถเข้ามาใกล้อาเบะได้ในระยะไม่กี่เมตรโดยไม่มีการตรวจตรา “พวกเขาควรเห็นผู้โจมตีที่จงใจเดินตรงเข้ามาหานายกฯ จากด้านหลังแล้วเข้าสกัด” เคนเนธ บอมเบซ ผู้อำนวยการ Global Threat Solutions กล่าว บริษัทของเขาเคยดูแลความปลอดภัยให้โจ ไบเดน ตอนเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี พิสูจน์อักษร….สุรีย์…

ยูเครนเร่งสืบสวนหาตัวคนทรยศต่อ หลังปลด จนท.ระดับสูง

Loading

  เข้าสู่วันที่ 146 ของสงครามในยูเครน ตอนนี้สถานการณ์ในภาคตะวันออกของยูเครนพอมีสัญญาณที่ดีออกมาให้เห็น เมื่อมีรายงานว่ายูเครนสามารถป้องกันบางพื้นที่ในแคว้นโดเนตสก์ได้ หลังจากที่ยูเครนประจำการอาวุธที่ชาติตะวันตกส่งให้ในสนามรบ นอกจากศึกนอกแล้ว ยูเครนยังต้องรับมือกับศึกในประเทศด้วย หลังจากที่มีรายงานว่า ทางการยูเครนพบกบฏในหน่วยงานด้านความมั่นคงของรัฐ จนทำให้ประธานาธิบดีเซเลนสกีตัดสินใจปลดหัวหน้าหน่วยความมั่นคงและอัยการสูงสุดออกจากตำแหน่งเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีความคืบหน้าในเรื่องการสอบสวนคดีดังกล่าวออกมา โดยผู้นำของยูเครนเปิดเผยว่า ตอนนี้ทางการยูเครนกำลังสอบสวนเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานความมั่นคงของยูเครน และกำลังพิจารณาปลดเจ้าหน้าจำนวน 28 ราย ซึ่งมาจากหลากหลายตำแหน่ง แต่ทุกคนมีพฤติกรรมเดียวกันคือ ประพฤติงานในทางไม่ชอบ     การพบกบฏในหน่วยงานที่เป็นแกนหลักอย่างหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติและสำนักงานอัยการสูงสุดของยูเครน ถือเป็นประเด็นที่น่ากังวลเพราะหน่วยงานความมั่นคงต้องดูแลเรื่องสงคราม ในขณะที่สำนักงานอัยการสูงสุดดูแลเรื่องคดีอาชญากรรมสงครามในเมืองบูชา ซึ่งทั้งสองเรื่องสำคัญมากท่ามสงครามยูเครนที่กำลังดำเนินอยู่ นอกจากนี้ อาจส่งผลต่อขวัญกำลังใจและความเชื่อมั่นของทหาร ชาวยูเครน รวมถึงพันธมิตรที่ต้องแบ่งปันข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ให้แก่ยูเครนในสนามรบด้วย อย่างไรก็ดี สหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรและผู้สนับสนุนใหญ่ของยูเครนไม่ได้กังวลกับสิ่งเกิดขึ้น สหรัฐฯ ยืนยันว่าพร้อมที่จะทำงานกับหน่วยงานความมั่นคงของยูเครนต่อไป อีกทั้งยังให้ความเชื่อมั่นว่าเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ จะทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนใหม่ของยูเครนได้ นอกจากยูเครนต้องจัดการกับปัญหาภายในองค์กรที่เป็นแกนกลางของความมั่นคงระดับชาติแล้ว ยูเครนยังต้องจัดการกับรัสเซียในสนามรบด้วยเช่นกัน ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมารัสเซียโจมตีใส่ยูเครนอย่างหนักในหลายพื้นที่จนประชาชนได้รับผลกระทบอย่างหนัก เริ่มต้นที่แคว้นคาร์คีฟทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรายงานว่า รัสเซียได้ยิงปืนใหญ่โจมตีที่พักอาศัยของชาวยูเครนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ส่งผลให้กระจกของอาคารแตกและอาคารบางส่วนได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถัดลงมาที่แคว้นโดเนตสก์ซึ่งเป็นเป้าหมายของปฏิบัติการในเฟสสองนี้ เมื่อวาน หน่วยงานฉุกเฉินแห่งชาติของยูเครนรายงานว่า รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธถล่มเมืองเซียร์ชินสก์ ซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือของแคว้นโดเนตสก์ ผลจากโจมตีทำให้อาคารบางหลังเกิดเพลิงลุกไหม้และพังถล่มลงมา…

งานเข้าสายการบินเวียดนาม ผู้โดยสารพกมีดขึ้นไปปอกผลไม้กินสบายใจ!!??

Loading

ข่าวดังจากเวียดนาม เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันบนเที่ยวบินเวียดนามแอร์ไลน์ส เมื่อผู้โดยสารรายหนึ่งหยิบมีดขึ้นมาปอกผลไม้นั่งกินอย่างสบายอารมณ์ กลายเป็นเรื่องใหญ่งานเข้าสายการบินเต็มๆ เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 65 ที่ผ่านมา สื่อหลายสำนักในเวียดนามรายงานเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นบนเที่ยวบิน VN208 สายการบินเวียดนาม แอร์ไลน์ส จากโฮจิมินห์ซิตี้ไปยังฮานอย ช่วงเช้าวันจันทร์ โดยระหว่างพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินกำลังเสิร์ฟเครื่องดื่ม และของว่าง คู่สามีภรรยาสูงอายุคู่หนึ่งก็หยิบใช้มีดยาวประมาณ 20 ซม. ขึ้นมาปอกผลไม้แบ่งกันกินอย่างสบายใจ และมีผู้ถ่ายคลิปวิดีโอเอาไว้ได้ โชคดีว่า ไม่มีเหตุการณ์อะไรน่าตกใจไปกว่านั้น เพราะหลังจากพนักงานเตือนผู้โดยสารแล้ว ก็ได้ทำการยึดมีดไปตามระเบียบ แต่เรื่องไม่จบง่ายๆแค่นั้น เพราะสำนักงานการบินพลเรือนแห่งเวียดนาม ที่ทราบเรื่อง ได้ออกมากล่าวว่า ได้รับรายงานเหตุการณ์ที่ผู้โดยสารนำมีดขึ้นเครื่องบิน และแผนกความปลอดภัยด้านการบินกำลังสอบสวนคดีนี้   To Tu Hung หัวหน้าแผนกความปลอดภัยการบินของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งเวียดนาม กล่าวว่ามีดใด ๆ ที่มีความยาวมากกว่า 6 ซม. (หรือใบมีดและด้ามมีดยาวรวมกว่า 10 ซม.) ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องโดยสาร “จากวิดีโอบนโซเชียลมีเดียที่ปรากฏ เป็นไปได้ว่ามีดที่เป็นปัญหานั้นเป็นหนึ่งในสิ่งของต้องห้าม” สำหรับบทลงโทษฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะสามารถใช้ได้หลังจากการสอบสวน หากเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินที่บริเวณเครื่องสแกนความปลอดภัยมีความผิดและละเลยหน้าที่ อาจต้องมีการเพิกถอนใบอนุญาต ทั้งนี้ยังมีค่าปรับทางอยู่ที่ประมาณ 1-3 ล้านด่อง หรือหากการกระทำดังกล่าวเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงและความปลอดภัยในการบิน…

FBI – หากคุณโดนแรมซัมแวร์ รีบโทรหาเรา

Loading

  กระทรวงยุติธรรมกำลังเตือนผู้ที่ตกเป็นเหยื่อแรนซัมแวร์ให้รายงานการโจมตีต่อเจ้าหน้าที่โดยชี้ให้เห็นว่ามีโอกาสที่หน่วยงานจะสามารถกู้คืนเงินค่าไถ่กลับมาได้ โดยมีสถิติการกู้เงินค่าไถ่คืนแล้วกว่า 2,300,000 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับปีที่ผ่านมา เหตุการณ์ล่าสุด ผู้ให้บริการทางการแพทย์ในแคนซัส โทรหา FBI จนนำไปสู่ภารกิจการกู้เงินค่าไถ่คืนจำนวน 500,000 เหรียญสหรัฐฯ ผู้สืบสวนกลางของรัฐบาลกลางได้ออกมาแนะนำให้ผู้ที่ถูกภัยคุกคามจากแรนซัมแวร์และโดนเรียกค่าไถ่ โดยการทำงานร่วมกับ FBI เพียงแค่โทรหาและให้ข้อมูลเพื่อทำงานร่วมกัน เพื่อโอกาสที่จะสามารถกู้เงินค่าไถ่คืนกลับมา เล่าถึงเหตุการณ์ที่ศูนย์การแพทย์ (ไม่ขอเปิดเผยชื่อ) ในแคนซัส ซึ่งได้รับการโจมตีจากแรนซัมแวร์เมื่อปีที่ 2021 จากมัลแวร์เรียกค่าไถ่ของเกาหลีเหนือที่เรียกว่า Maui โดยเข้ารหัสข้อมูลทั้งหมดภายในและปิดการดำเนินงานด้านไอที และทิ้งข้อความเรียกร้องให้จ่ายค่าไถ่ และขู่ว่าจะเพิ่มเป็นสองเท่าภายใน 48 ชั่วโมง ซึ่งในขณะนั้น ผู้นำของโรงพยาบาลไม่มีทางเลือกอื่นที่จะต่อรองกลับไป จึงยอมจำนนต่อค่าไถ่หรือทำให้การดำเนินงานของแพทย์และพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยเดินหน้าต่อไปได้ หลังจากที่ศูนย์การแพทย์ตัดสินใจจ่ายค่าไถ่เป็นสกุลเงินดิจิทัล ได้แจ้งให้ FBI ทราบโดยทันที ส่งผลให้หน่วยงานรัฐบาลกลางสามารถติดตามการจ่ายค่าไถ่ให้กับแฮกเกอร์ชาวเกาหลีเหนือที่ต้องสงสัยผ่านบล็อคเชนของสกุลเงินดิจิทัล ในที่สุดก็สามารถแกะรอย crypto-breadcrumbs โดยทางทีม FBI ระบุว่าผู้ฟอกเงินในจีน ซึ่งให้การช่วยเหลือชาวเกาหลีเหนือในการ ‘จ่ายเงิน’ ค่าไถ่เป็นสกุลเงิน fiat เป็นประจำ และยังทำการวิเคราะห์บล็อคเชนนี้เพิ่มเติมจนทราบข้อมูลว่าบัญชีเดียวกันนี้มีการจ่ายเงินค่าไถ่อื่นๆ ด้วยเช่นกัน FBI ยังติดตามแกะรอยไปยังผู้ให้บริการทางการแพทย์รายอื่นในโคโลราโดและผู้ที่อาจตกเป็นเหยื่อในต่างประเทศเพิ่มเติมต่อไป FBI สามารถเรียกค่าไถ่คืนจากแฮกเกอร์ชาวเกาหลีเหนือได้ 500,000…