รอยเตอร์/เอพี/เอเจนซีส์ – ประธานสภาคองเกรสสหรัฐฯ แนนซี เพโลซี ไม่สนแรงกดดันจากจีนเปิดฉากเริ่มทัวร์เยือนอินโดแปซิฟิกอย่างเป็นทางการวันอาทิตย์ (31 ก.ค.) เปิดฉากแวะอ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ รัฐฮาวาย ออกแถลงการณ์แผนการเยือน 4 ชาติเข้า “สิงคโปร์ มาเลเซีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น” แต่ไม่ยอมเอ่ยถึง “ไต้หวัน” เพนตากอนเตรียมแผนส่งเครื่องบินรบและเรือรบรวมสิ่งสอดแนมคุ้มกันถ้าเพโลซีบินเข้าไต้หวัน ชี้ยังไม่พบความเคลื่อนไหวทางการทหารอย่างผิดปกติจากจีน
รอยเตอร์รายงานวันนี้ (31 ก.ค.) ว่า สำนักงานประธานรัฐสภาสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ล่าสุดวันอาทิตย์ (31) ว่า “ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แนนซี เพโลซี จะนำตัวแทนสภาคองเกรสสหรัฐฯ เข้าสู่ภูมิภาคอินโดแปซิฟิก รวมถึงการเยือนสิงคโปร์ มาเลเซีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น”
และในแถลงการณ์ยังระบุว่า “การเยือนจะมีเป้าหมายไปที่ความมั่นคงร่วม ความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ และการจัดการประชาธิปไตยภายในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก”
CNN ชี้ว่า ในแถลงการณ์ทางการของเพโลซีไม่ได้เอ่ยถึง “ไต้หวัน” ถึงแม้มีการคาดการณ์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาชี้ว่า ประธานสภาคองเกรสสหรัฐฯ อาจเดินทางไปเยือน
รอยเตอร์รายงานว่า ในวันอาทิตย์ (31) โฆษกกองทัพอากาศ เสิน จิ่นเค่อ (Shen Jinke) ได้แสดงความเห็นในการรายงานของสื่อทางการจีน กล่าวว่า จีนจะทำการปกป้องอย่างเต็มที่ต่ออธิปไตยและพรมแดนของตัวเองโดยอ้างอิงไปถึงไต้หวัน
เขากล่าวอีกว่า กองทัพอากาศจีนมีตัวเลือกเครื่องบินขับไล่ของตัวเองหลายประเภทจำนวนมากที่มีศักยภาพในการบินล้อม “เกาะอันมีค่าของแผ่นดินแม่ของพวกเรา”
และยังกล่าวต่อว่า กองทัพอากาศมีความตั้งใจเด็ดเดี่ยว มีความมั่นใจอย่างเต็มที่และมีศักยภาพเพียงพอในการป้องกันอธิปไตยและดินแดน
ขณะเดียวกัน หน่วยของกองทัพปลดแอกประชาชนจีนได้ทวีตวันศุกร์ (29) ผ่านทางแพลตฟอร์มซินล่างเวย์ปั๋ว มีใจความว่า “เตรียมพร้อมสู่สงคราม!”
CNN รายงานว่า เพโลซีเปิดเผยว่า คณะตัวแทนของเธอได้รับรายงานสรุปจากผู้นำกองบัญชาการอินโดแปซิฟิกหลังจากได้แวะหยุดที่รัฐฮาวาย ซึ่งทั้งเพโลซี และคณะเดินทางไปยังอนุสรณ์รำลึกอ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ และเรือรบสหรัฐฯ USS แอริโซนา (USS Arizona) ที่ถูกญี่ปุ่นส่งกำลังเข้าโจมจีอย่างไม่ทันตั้งตัวในวันที่ 7 ธ.ค.ปี 1941 และทำให้วอชิงตันประกาศสงครามกับญี่ปุ่นและร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 ในเวลาต่อมา
เอพีรายงานวันเสาร์ (30) ว่า ประธานรัฐสภาคองเกรสสหรัฐฯ ดูเหมือนมีแนวโน้มความเป็นไปได้ที่จะเดินทางเข้าไต้หวัน โดยในรายงานเธอกล่าวว่า
“ดิฉันไม่เคยกล่าวถึงการเดินทางของตัวเองเป็นเพราะเหมือนเช่นบางส่วนของพวกคุณที่รู้ว่า มันเกี่ยวข้องกับความมั่นคง มันเป็นประเด็นความมั่นคงสำหรับสมาชิกรัฐสภาคองเกรสสหรัฐฯ ทุกคนในการเดินทางโดยเฉพาะในต่างแดน แต่สำหรับประธานแล้ว มันเป็นความมั่นคงเพิ่มขึ้นและสำหรับกลุ่มคนที่เดินทางร่วมไปกับดิฉันด้วย”
ในคำกล่าว เพโลซีย้ำว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ได้เดินทางไปเยือนเอเชียมาแล้วและเขายังได้เคยเชิญผู้นำอาเซียน 9 ชาติเข้าหารือที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เธอย้ำว่าเธอต้องการให้ทั้งสภาคองเกรสสหรัฐฯ ร่วมในความริเริ่มเอเชียแปซิฟิกของฝ่ายบริหารนี้ โดยเธอย้ำว่าถือเป็น “ความรับผิดชอบระดับโลก” สำหรับฝ่ายสภาคองเกรสและเธอรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากในการร่วมความริเริ่มและการเยือนเป็นเสมือนสัญลักษณ์
ซึ่งในการแถลงกับนักข่าววันศุกร์ (29) เธอกล่าวว่า “ดิฉันรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่พวกเราสมควรไปเยือนประเทศเหล่านี้ที่พวกคุณจะได้ทราบในระหว่างทาง”
VOA สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า โฆษกเพนตากอน จอห์น เคอร์บี (John Kirby) วันศุกร์ (29) ออกมาเปิดเผยว่า หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ไม่พบสัญญาณความเคลื่อนไหวความผิดปกติของกองกำลังจีนก่อนหน้าการเยือนของเพโลซี
“ทางเราไม่ได้เห็นการบ่งชี้ทางกายภาพที่จับต้องได้ต่อสิ่งใดๆ ในความไม่คาดฝันที่มีต่อไต้หวัน” เคอร์บีกล่าว และเสริมต่อว่า เป็นเรื่องของประธานรัฐสภาสหรัฐฯ ที่ต้องออกมาเปิดเผยเองในการเดินทาง
ทั้งนี้ เคอร์บียังยอมรับว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รับรู้ในคำกล่าวอย่างแข้งกร้าวจากจีนเกี่ยวกับการเดินทางเยือนของประธานรัฐสภาสหรัฐฯ และเขากล่าวเตือนว่า “มันไม่จำเป็นสำหรับสิ่งนั้น”
VOA ชี้ว่า สหรัฐฯ นั้นมีฐานกำลังทางทหารขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ภายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมไปถึงรอบทะเลจีนใต้ซึ่งเรือรบบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯ เพิ่งวิ่งผ่านเมื่อไม่นานมานี้
ทั้งนี้ สำหรับการเยือนไต้หวันนั้นพบว่า เพนตากอนได้วางแผนการเพื่อปกป้องเพโลซีหากเกิดขึ้นจริง โดยบิสซิเนสอินไซเดอร์ รายงานวันพุธ (30) ว่า
โดยในรายงานที่ออกมาจากเอพีซึ่งอ้างอิงแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งชี้ว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้เตรียมแผนการความมั่นคงเพื่ออารักขาประธานรัฐสภาคองเกรสสหรัฐฯ หากว่ามีการเยือนไต้หวันเกิดขึ้นจริงในเดือนสิงหาคมนี้
แหล่งข่าวกล่าวว่า แผนการเกี่ยวข้องกับการส่งเครื่องบินขับไล่ เรือรบและอุปกรณ์ด้านสอดแนมออกไปเพื่อปกป้องเธอและเที่ยวบินของเธอทั้งขาเข้าและขาออก รวมไปถึงที่ภาคพื้น
บิสซิเนสอินไซเดอร์รายงานว่า ไม่เป็นการผิดปกติที่เพิ่มมาตรการความปลอดภัยให้ผู้นำระดับสูงสหรัฐฯ ที่กำลังเดินทางไปต่างแดน แต่ทว่าเจ้าหน้าที่แหล่งข่าวเปิดเผยกับเอพีว่า ดูเหมือนเพโลซี ซึ่งมีความสำคัญเป็นอันดับ 3 ในการมีสิทธิขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หากผู้นำปัจจุบันเกิดมีปัญหานั้นจะได้รับการอารักขาแผนความปลอดภัยที่มากกว่าปกติ
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 1 ส.ค.65
Link : https://mgronline.com/around/detail/9650000072715