ทหารรัสเซียยืนอยู่หน้าโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ซาโปริเฟีย
สหประชาชาติและนานาประเทศหวั่นเกิดภัยพิบัตินิวเคลียร์ หลังการยิงถล่มโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป ที่ตั้งอยู่ในยูเครน แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โรงไฟฟ้าแห่งนี้ตกเป็นเป้าโจมตี หรือสมรภูมิรบ
นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติเตือนว่า การโจมตีโรงงานไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ซาโปริเฟีย ทางตอนใต้ของยูเครนเป็นการกระทำที่เหมือน “การฆ่าตัวตาย”
โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ที่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพรัสเซีย ตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค. ตกเป็นเป้าโจมตีอีกครั้ง โดยรัสเซียและยูเครนต่างกล่าวโทษอีกฝ่ายว่าอยู่เบื้องหลัง
“การโจมตีโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์เป็นการฆ่าตัวตาย ผมหวังว่าการโจมตีในลักษณะนี้จะจบลงเสียที และผมหวังว่า ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency–IAEA) จะเข้าถึงโรงไฟฟ้าได้” นายกูเตร์เรส กล่าว
คำกล่าวของเลขาฯ ยูเอ็น ยังเกิดขึ้นหลังเขาเดินทางเยือนเมืองฮิโรชิมาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมขึ้นปราศรัยในโอกาสครบ 77 ปีการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ถล่มเมืองแห่งนี้ ซึ่งถือเป็นเมืองแรกของโลกที่ถูกโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ โดยนายกูเตร์เรสเตือนว่า “มนุษยชาติกำลังเล่นกับปืนบรรจุกระสุน”
เกิดอะไรขึ้น
ซาโปริเซีย เป็นโรงงานไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป ปัจจุบัน กองทัพรัสเซียควบคุมโรงงาน นับแต่ต้นเดือน มี.ค. หรือเพียงไม่นานหลังส่งทหารบุกยูเครนเมื่อปลายเดือน ก.พ.
การสู้รบในบริเวณโรงไฟฟ้าแห่งนี้เคยก่อให้เกิดความวิตกกังวลว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโครงสร้างโรงไฟฟ้าอาจปะทุเป็นวิกฤตนิวเคลียร์ขึ้นมาได้ และจะเลวร้ายกว่าเมื่อครั้งที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล เกิดการหลอมละลายและระเบิดขึ้นเมื่อปี 1986
การสู้รบในบริเวณโรงงานซาโปริเซียปะทุขึ้นอีกในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา สร้างความเสียหายต่อโครงสร้างโรงงานหลายจุด จนเจ้าหน้าที่ต้องปิดเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ลงเพื่อความปลอดภัย
รัสเซียและยูเครนกล่าวโทษอีกฝ่ายที่ก่อเหตุโจมตีโรงงาน โดยสำนักข่าว AFP รายงานอ้างอิงสำนักข่าวทาสส์ของทางการรัสเซีย ว่า มีอาวุธหนักตกลงในรัศมี 400 เมตร จากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ และ “พื้นที่กักเก็บเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่ใช้แล้ว” ซึ่งไอเออีเอเตือนว่า “เสี่ยงมากที่จะเกิดภัยพิบัตินิวเคลียร์”
รัสเซียเริ่มรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2022
ด้านบริษัท เอเนอร์โกอะตอม ของยูเครนที่เป็นผู้บริหารจัดการโรงงาน ออกแถลงการณ์ว่า “กองทัพรัสเซียเดินหน้ากระทำการที่เข้าข่ายก่อการร้ายนิวเคลียร์” ด้วยการยิงจรวดในพื้นที่ตั้งโรงงานซาโปริเฟีย รวมถึงเมืองที่อยู่ใกล้เคียง
ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ประณามและกล่าวหารัสเซียต่อเหตุก่อการร้ายที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้
“ผู้ก่อการร้ายรัสเซียกลายเป็นกลุ่มแรกของโลกที่ใช้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์…เพื่อก่อการร้าย” ซึ่งทำให้ระบบตรวจจับระดับกัมมันตภาพรังสี 3 แห่งเสียหาย และพนักงานโรงงานบาดเจ็บ 1 คน
โรงงานแห่งนี้เคยตกเป็นเป้าโจมตีมาแล้วหลายครั้ง
เหตุใดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ตกเป็นเป้าบ่อย
นับแต่กองทัพรัสเซียส่งกำลังบุกเข้ามาในยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2022 โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ซาโปริเฟียตกเป็นเป้าโจมตี หรือได้รับความเสียหายจากการโจมตีมาแล้วหลายครั้ง โดยบีบีซีไทยรวบรวมไว้ ดังนี้
27 ก.พ. – กองทัพรัสเซียใช้อาวุธหนักยิงใส่พื้นที่โรงไฟฟ้า หลังการสู้รบในบริเวณใกล้เคียงกับทหารยูเครน
3 มี.ค. – เกิดเพลิงไหม้อาคารบางส่วนของโรงไฟฟ้า หลังการสู้รบของสองฝ่าย ทำให้เกิดความวิตกว่าเตาปฏิกรณ์จะหลอมละลาย แต่ภายหลัง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงควบคุมไฟได้สำเร็จ ซึ่งต่อมา รัสเซียเข้าควบคุมพื้นที่โรงไฟฟ้าเอาไว้ได้
12-13 พ.ค. – กองทัพรัสเซียยิงขีปนาวุธโจมตีเมืองซาโปริเฟีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้า
19 พ.ค. – รัสเซียขู่จะตัดการส่งไฟฟ้าจากโรงงานไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ของยูเครน หากรัฐบาลยูเครนไม่จ่ายค่าไฟฟ้าให้
19 ก.ค. – โดรนระเบิดของยูเครน 3 ลำ โจมตีอุปกรณ์และค่ายของทหารรัสเซียภายในพื้นที่โรงไฟฟ้า
โรงงานซาโปริเฟีย ผลิตไฟฟ้าคิดเป็น 20% ของกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดในยูเครน และผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์คิดเป็นเกือบครึ่งของทั้งหมด
ทาริก ราอุฟ ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์อธิบายว่า สาเหตุที่รัสเซียเข้ายึดโรงไฟฟ้าซาโปริเฟีย ก็เพื่อส่งไฟฟ้าไปยังพื้นที่ทางตะวันออกของยูเครน ซึ่งกองทัพรัสเซียควบคุมอยู่ แต่เขายังอธิบายแรงจูงใจการโจมตีรอบนี้ไม่ได้
“ทำไมกองทัพยูเครนต้องโจมตีโรงไฟฟ้า ถ้ามีพลเรือนยูเครนอยู่ในนั้น…เช่นเดียวกับรัสเซีย จะถล่มโรงไฟฟ้าไปทำไม ทั้งที่มีทหารและผู้เชี่ยวชาญของตนเองอยู่ข้างใน”
ที่มา : bbc / วันที่เผยแพร่ 8 ส.ค.65
Link : https://www.bbc.com/thai/articles/c4n95lygz4po