เอเจนซีส์ – ล่าสุดมีการเปิดเผย FBI ยึดเอกสารลับ 11 ชุด ได้จากคฤหาสน์มาราลาโกของทรัมป์ และในจำนวนนั้นมีบางส่วนระบุรหัส TS/SCI หากเกิดรั่วไหลอาจเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงต่อความมั่นคง หมายค้นที่ถูกเปิดเผยวันศุกร์ (12 ส.ค.) ชี้ โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังถูกสหรัฐฯ สอบสวนละเมิดกฎหมายจารกรรมลับสหรัฐฯ ขณะที่หลานสาวกบฏของทรัมป์ เปิดชื่อ “จาเรด คุชเนอร์” อาจเป็นสายข่าวให้เจ้าหน้าที่เข้าบุกค้น
บีบีซี สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้ (16 ส.ค.) ว่า มีสื่อสหรัฐฯ หลายสำนักได้ออกมายื่นขอเพื่อให้การเป็นลายลักษณ์อักษร (afidavid) ในคดี FBI บุกค้นคฤหาสน์มาราลาโก (Mar-a-Lago) ที่เมืองปาล์มบีช รัฐฟลอริดาเมื่อวันจันทร์ที่ 8 ส.ค.นั้นถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ
แต่ทว่าเมื่อวานนี้ (15) อัยการสหรัฐฯ ออกมาโต้ว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจสร้างความเสียหายอย่างมากต่อการสอบสวนที่กำลังเดินหน้า
“หากว่ามันถูกเปิดเผย คำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรจะถูกใช้เป็นเสมือนโรดแมปนำไปสู่การสอบสวนที่กำลังดำเนินอยู่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ให้ข้อมูลที่ชี้ชัดเกี่ยวกับทิศทางของมันและที่มีแนวโน้มว่าจะทำให้ขั้นตอนของการสอบสวนในอนาคตต้องถูกประนีประนอม” รายงานจากการยื่นต่อศาลของอัยการสหรัฐฯ
นอกจากนี้ ทีมอัยการสหรัฐฯ กล่าวต่อว่า คำให้การลายลักษณ์อักษรจำเป็นต้องถูกปิดเป็นความลับต่อไปเนื่องมาจากเกี่ยวข้องกับเอกสารความลับขั้นสูงสหรัฐฯ
โพลิติโกสื่อการเมืองสหรัฐฯ รายงานวันศุกร์ (12) ว่า การเปิดเผยหมายค้นคฤหาสน์มาราลาโกของ FBI นั้นระบุว่าอดีตผู้นำสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ถูกสอบเพราะต้องสงสัยว่าเขาอาจละเมิด “กฎหมายจารกรรมลับสหรัฐฯ” (Espionage Act) จากการที่นำเอกสารชั้นความลับกลับออกไปหลังพ้นตำแหน่ง
ซึ่งในเอกสารลับจำนวน 11 ชุดที่ FBI ยึดมาได้แสดงให้เห็นมีเอกสารที่ถูกเขียนด้วยลายมือ TS/SCI ที่บ่งชี้ว่า เป็นเอกสารลับสุดยอดของสหรัฐฯ ส่วนเอกสารอีกชุดระบุว่า “ข้อมูล : ประธานาธิบดีฝรั่งเศส”
โพลิติโกชี้ว่า หนึ่งในเอกสารที่ถูกนำมาเก็บที่มาราลาโกนั้นเกี่ยวข้องกับอดีตคนใกล้ชิดของทรัมป์ โรเจอร์ สโตน (Roger Stone) ในการได้รับอภัยโทษเมื่อปลายปี 2020
ซึ่งในหมายค้นระบุว่า เป็นการสอบสวนถึงการเคลื่อนย้ายหรือการทำลายบันทึก การขัดขวางกระบวนการทางยุติธรรมและและการละเมิดกฎหมายจารกรรมลับสหรัฐฯ
กฎหมายจารกรรมลับสหรัฐฯ หรือ “18 USC 793” อ้างอิงชื่อจากเอสไควร์ (esquire) โพลิติโกรายงานว่า มีเนื้อหาครอบคลุมไปไกลกว่าการสอดแนมความลับแต่ยังรวมไปถึงการปฏิเสธที่จะส่งคืนเอกสารความลับของชาติซึ่งหากละเมิดจะส่งผลทำให้ถูกสั่งปรับหรือถูกจำคุกในเรือนจำสำหรับโทษความผิด
บีบีซีชี้ว่า เป็นครั้งแรกที่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูกสอบสวนในคดีอาญา ซึ่งในบ่ายวันศุกร์ (12) ผู้พิพากษาอนุญาตให้สามารถเปิดเผยเอกสารจำนวน 7 หน้า รวมหมายค้นได้
ในการยึดยังรวมไปถึงพาสปอร์ตของทรัมป์จำนวน 3 เล่ม
ซึ่งตามเอกสารพบว่า FBI ยึดเอกสารออกมาจากคฤหาสน์มาราลาโกในวันจันทร์ที่ 8 ส.ค.ได้ทั้งหมด 20 กล่อง สื่ออังกฤษชี้ว่า ตามหมายค้นระบุว่าจุดที่ FBI เข้าค้นเรียกว่า “ออฟฟิศ 45” (45 office) และส่วนพื้นที่ห้องเก็บเอกสาร
บีบีซีชี้ว่า คืนวันศุกร์ (12) สำนักงานของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ได้ออกแถลงการณ์อ้างว่า ทรัมป์ได้ใช้อำนาจประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของตัวเองสั่งคลายชั้นความลับเอกสารที่นำกลับมาด้วย
“เขามีคำสั่งว่าเอกสารที่ถูกนำออกมาจากห้องทำงานรูปไข่ทำเนียบขาวและนำกลับมาที่พำนักนั้นจะได้รับการคลายชั้นความลับ”
และกล่าวต่อว่า “อำนาจของการสั่งให้เป็นความลับและคลายชั้นความลับขึ้นอยู่กับประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่เพียงผู้เดียว”
แถลงการณ์สำนักงานทรัมป์ยังได้กล่าวประณามไปถึงการรายงานข่าวในเรื่องนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาแสดงความเห็นว่า ยังเป็นที่สงสัยเพราะ ถึงแม้ว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะมีอำนาจในการคลายชั้นความลับเอกสารลับแต่ต้องดำเนินการตามกระบวนการและไม่เป็นที่แน่ชัดว่าอดีตผู้นำสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกันได้ดำเนินตามกระบวนการแล้วหรือไม่
บิสซิเนสอินไซเดอร์รายงานวันอาทิตย์ (14) ว่า ขณะเดียวกันหลานสาวทรัมป์ซึ่งเป็นนักจิตวิทยาชื่อดัง แมรี ทรัมป์ (Mary Trump) ออกมาเปิดเผยว่า เธอเชื่อว่า จาเรด คุชเนอร์ (Jared Kushner) บุตรเขยของทรัมป์จะเป็นสายข่าวให้เจ้าหน้าที่บุกเข้ายึดเอกสารสำคัญกลับไป
เป็นการออกมาแสดงความเห็นระหว่างการให้สัมภาษณ์วันศุกร์ (12) กับรายการสถานีวิทยุสหรัฐฯ ชื่อดัง “ดีน โอไบดัลลาห์ โชว์” (Dean Obeidallah Show)
ก่อนหน้าแหล่งข่าวได้เปิดเผยกับนิวสวีกและวอลสตรีทเจอร์นัลว่า มีใครได้บอกกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯ เกี่ยวกับเอกสารลับและแหล่งที่จะค้นเจอ
ซึ่งแมรี ทรัมป์ ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวไปถึงการที่คุชเนอร์ได้เงินถึง 2 พันล้านดอลลาร์ โดยอ้างไปถึงบริษัทการลงทุนของจาเรด คุชเนอร์ พีอี เฟิร์ม (PE firm) ที่ได้เงินลงทุนก้อนโตร่วม 2 พันล้านดอลลาร์จากกองทุนมั่งคั่งซาอุดีอาระเบีย ของมกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน โดยเธอเชื่อมั่นว่า อดีตหัวหน้าคณะทำงานทรัมป์ มาร์ต มีโดวส์ (Mark Meadows) ไม่สามารถเข้าถึงความลับสำคัญนี้ได้
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 16 ส.ค.65
Link : https://mgronline.com/around/detail/9650000078260