การซ้อมรบของจีนในช่วงที่ผ่านมาแม้จะเกิดในบริเวณรอบเกาะไต้หวัน แต่กลับสร้างความกังวลใจอย่างมากแก่ญี่ปุ่น ที่มองว่าการกระทำของกองทัพจีนเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของญี่ปุ่นโดยตรง
ล่าสุด หนังสือพิมพ์โยมิอูริ รายงานวานนี้ (21 ส.ค.) ว่า ญี่ปุ่นกำลังพิจารณาประจำการขีปนาวุธร่อนพิสัยไกล 1,000 กิโลเมตร เพื่อเพิ่มแสนยานุภาพในการโจมตีตอบโต้จีน โดยขีปนาวุธดังกล่าวเป็นการดัดแปลงอาวุธที่มีอยู่ในปัจจุบัน ขยายพิสัยทำการจากระดับ 100 กิโลเมตร สู่ 1,000 กิโลเมตร
อาวุธดังกล่าว ซึ่งมีทั้งยิงจากเรือและเครื่องบิน จะถูกนำประจำการเป็นส่วนใหญ่แถวๆ หมู่เกาะนันเซ และมีศักยภาพโจมตีได้ไกลถึงพื้นที่ชายฝั่งของเกาหลีเหนือและจีน
ตัวแทนของกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่น ยังไม่แสดงความคิดเห็น หลังสื่อมวลชนติดต่อสอบถามขอความคิดเห็นต่อรายงานข่าวดังกล่าว
จากการตีความตามรัฐธรรมนูญยุคหลังสงคราม ญี่ปุ่น ถูกกำหนดให้ปฏิเสธการทำสงคราม และสามารถใช้กองกำลังเฉพาะป้องกันตนเองเท่านั้น แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พวกเขายกระดับการใช้จ่ายด้านการทหารและใช้ยุทธศาสตร์ที่แน่วแน่กว่าเดิม แต่ยังละเว้นไว้ซึ่งการประจำการขีปนาวุธพิสัยไกล เช่นเดียวกับครอบครองอย่างจำกัดต่ออาวุธที่สามารถโจมตีเป้าหมายต่างๆ ในแผ่นดินของต่างประเทศได้
ความตึงเครียดในภูมิภาคโหมกระพือขึ้นในเดือนนี้ หลังแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เดินทางเยือนไต้หวัน เกาะปกครองตนเองที่จีนอ้างเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน ปักกิ่งตอบโต้การเดินทางเยือนดังกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว รวมถึงการยิงขีปนาวุธเฉียดใกล้ไต้หวัน และยิงเข้าไปในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่น
ที่ผ่านมา สำนักข่าวเอ็นเอชเคของญี่ปุ่น ได้จัดทำโพลเกี่ยวกับความเห็นถึงผลกระทบที่ญี่ปุ่นจะเจอ หลังมีเกิดการซ้อมรบของจีน และพบว่า มีขีปนาวุธตกลงในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่น โดยทางเอ็นเอชเคได้ทำการสำรวจทางโทรศัพท์ ด้วยการสุ่มเลือกพลเมืองที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปจำนวน 2,577 คน แต่มีผู้ร่วมตอบทั้งหมด 1,233 คน
ผลสำรวจบ่งชี้ว่า ผู้ตอบแบบสำรวจมากกว่า 80% คิดว่า กิจกรรมทางทหารที่เพิ่มขึ้นของจีนภายหลังการเยือนไต้หวันของเพโลซี จะส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงและปลอดภัยของญี่ปุ่น
ในสัดส่วนกว่า 80% นั้นแบ่งออกเป็น 40% ที่เห็นว่าจะกระทบประเทศในวงกว้าง ส่วน 42% เห็นว่าจะกระทบเป็นบางอย่างและมีเพียง 9% เท่านั้น ที่มองว่า ญี่ปุ่นไม่น่าจะเจอผลกระทบมากนัก และอาจถึงขั้นไม่กระทบอะไรเลย
ด้าน“ฮิโรคาสุ มัตสึโนะ” โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่น กล่าวว่า ญี่ปุ่นมีความหวั่นวิตกต่อแผนการซ้อมรบบริเวณใกล้กับใต้หวันของจีนเมื่อวันที่ 4 ส.ค. เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวทับซ้อนกับเขตเศรษฐกิจพิเศษของญี่ปุ่น
ทั้งนี้ จีนมองว่าไต้หวันเป็นจังหวัดหนึ่งที่ทรยศต่อจีนและรอการรวมชาติด้วยการใช้กำลังหากจำเป็น
ด้านคณะรัฐมนตรีไต้หวัน กล่าวว่า ไต้หวันได้เพิ่มระดับการเฝ้าระวัง พร้อมทั้งวางแผนด้านการรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยรอบพื้นที่ของเกาะไต้หวัน หลังจากที่จีนประกาศซ้อมรบต่อเนื่องเพื่อตอบโต้การเดินทางไปเยือนไต้หวันของเพโลซี
คณะรัฐมนตรีไต้หวัน กล่าวด้วยว่า ชาวไต้หวันควรมีความเชื่อมั่น และกองทุนรักษาเสถียรภาพแห่งชาติของไต้หวันจะจับตาสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิดและจะตอบสนองในเวลาที่เหมาะสม
กองทุนรักษาเสถียรภาพแห่งชาติของไต้หวันซึ่งมีวงเงิน 5 แสนล้านดอลลาร์ไต้หวัน ได้รับอนุญาตให้แทรกแซงตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.เพื่อป้องกันไม่ให้ปัจจัยภายนอกที่ไม่คาดคิดสร้างความผันผวนต่อตลาด
ขณะที่กระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่น แถลงเมื่อวันที่ 4 ส.ค.ว่า กองทัพจีนยิงขีปนาวุธ 9 ลูก ในการซ้อมรบใหญ่วันแรก ในจำนวนนี้มี 5 ลูกที่ตกลงในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่น (อีอีซี) ถือเป็นครั้งแรกที่จีนได้ยิงขีปนาวุธตกลงในบริเวณดังกล่าว ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะฮาเตรูมะ แต่ฝ่ายจีนระบุว่า ไม่เคยยอมรับการอ้างสิทธิครอบครองของญี่ปุ่น
“โนบูโอะ คิชิ” รัฐมนตรีกลาโหมของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศสุดท้ายในเอเชียที่เพโลซีเดินทางเยือนต่อจากเกาหลีใต้ในกำหนดการเยือนเอเชียอย่างเป็นทางการช่วงที่ผ่านมา บอกว่า “นี่เป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงแห่งชาติของเรา และความปลอดภัยของประชาชน”
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ / วันที่เผยแพร่ 22 ส.ค.65
Link : https://www.bangkokbiznews.com/world/1022177