ศาลฮ่องกงมีคำตัดสินให้นักอรรถบำบัด 5 คน รับโทษจำคุก 19 เดือน ฐานละเมิดกฎหมายต่อต้านการปลุกระดม ด้วยการผลิตสื่อสำหรับเด็กที่สอดแทรกเนื้อหาให้เกลียดชังรัฐบาล
นักอรรถบำบัด 5 คนในฮ่องกงถูกจำคุกเป็นเวลา 19 เดือน หลังจากถูกตัดสินว่ามีความผิดในการพิมพ์หนังสือเด็กที่มีเนื้อหา “ปลุกระดม“ โดยเจ้าหน้าที่ตีความหนังสือดังกล่าว ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับแกะที่พยายามป้องกันหมาป่าบุกรุกหมู่บ้านของพวกเขา ว่าเป็นการกล่าวถึงฮ่องกงและรัฐบาลจีน ด้านผู้เขียนแย้งว่าหนังสือแสดงเนื้อหาถึง “ประวัติศาสตร์จากมุมมองของผู้คน” แต่ผู้พิพากษาที่แต่งตั้งโดยรัฐบาลสรุปว่าเป็นความพยายามในการล้างสมอง
ศาลฮ่องกงมีคำพิพากษาให้อดีตสมาชิก 5 คนของสหภาพนักอรรถบำบัด เป็นหญิง 3 คน และชาย 2 คน อายุระหว่าง 25-28 ปี รับโทษจำคุกเป็นเวลา 19 เดือน ฐานกระทำผิดกฎหมายต่อต้านการปลุกระดม ซึ่งเป็นกฎหมายที่บัญญัติตั้งแต่สมัยฮ่องกงอยู่ภายใต้การปกครองของสหราชอาณาจักร จากการสมคบคิดกันผลิต และเผยแพร่เนื้อหาปลุกระดม อันมีวัตถุประสงค์เพื่อยุยงให้เด็กและเยาวชนเกิดความเกลียดชังต่อคณะผู้บริหาร ผู้พิพากษากล่าวหาทั้งหมดว่าพยายาม “หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความไม่มั่นคง” ทั้งในฮ่องกงและทั่วประเทศจีน
ทั้ง 5 คน ผลิตหนังสือการ์ตูนอี-บุ๊ก ซึ่งมีผู้ตีความว่าเป็นการอธิบายถึงการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยของฮ่องกงให้แก่เด็กๆ โดยหนึ่งในสามเล่มเล่าเรื่องหมู่บ้านแกะที่ต่อสู้กับกลุ่มหมาป่าที่พยายามจะยึดครองนิคมของพวกเขา โดยนักอรรถบำบัดทั้งหมดได้ถูกจำคุกมามากกว่าหนึ่งปีเพื่อรอคำตัดสิน ด้านทนายความของพวกเขากล่าวว่า พวกเขาสามารถได้รับการปล่อยตัวได้ภายในหนึ่งเดือนนี้เพราะถึงเวลาแล้ว
การพิจารณาคดีเกิดขึ้นท่ามกลางการปราบปรามเสรีภาพพลเมืองตั้งแต่ปี 2020 เมื่อจีนกำหนดกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ รัฐบาลจีนกล่าวว่า กฎหมายจำเป็นต้องนำเสถียรภาพมาสู่เมือง แต่นักวิจารณ์กล่าวว่ากฎหมายนี้ถูกบัญญัติมาเพื่อขจัดผู้ไม่เห็นด้วย และทำให้บั่นทอนความมีอิสรภาพของฮ่องกง
จำเลยทั้ง 5 คนถูกจับกุมเมื่อเดือน ก.ค. ปีที่แล้ว พร้อมของกลางเป็นหนังสือนิทานสำหรับเด็ก แต่พนักงานสอบสวนเชื่อว่ามีเจตนาของการสอดแทรกเนื้อหาเกี่ยวกับการประท้วงทางการเมืองครั้งใหญ่ในฮ่องกง ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี 2019 และเหตุการณ์ที่นักเคลื่อนไหว 12 คน พยายามล่องเรือเร็วหนีจากฮ่องกงไปยังไต้หวัน แต่ถูกหน่วยยามฝั่งของจีนสกัดจับได้ก่อน เมื่อปี 2020.
ที่มา บีบีซี
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 11 ก.ย.65
Link : https://www.thairath.co.th/news/foreign/2497041