สัญญาณว่ากองทัพรัสเซียอาจยกระดับการโจมตียูเครนให้รุนแรงขึ้นยังคงชัดเจนอย่างต่อเนื่อง หลังกองทัพรัสเซียในจังหวัดคาร์คิฟ ทางตะวันออก เฉียงเหนือของยูเครน ประสบความปราชัย ถูกกองทัพยูเครนเจาะทะลวงแนวรบทวงคืนพื้นที่กว่า 8,000 ตารางกิโลเมตร จนกองทัพรัสเซียไม่อาจฝืนตรึงแนวและรักษาดินแดนที่ยึดครองได้อีกต่อไป จำเป็นต้องละทิ้งฐานที่มั่นทั้งหมด เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกโอบล้อมและบดขยี้
โดยเมื่อวันที่ 15 ก.ย. หรือ 1 วัน หลังจากนายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เดินทางเยือนเมืองอิซยูม ซึ่งก่อนปฏิบัติการตีโต้ของยูเครนถือเป็นหนึ่งในที่มั่นหลักของกองทัพรัสเซียนั้น นายอเล็กซานเดอร์ วิลคุล นายกเทศมนตรีเมืองครีวีริก ในจังหวัดนีโปรเปตรอฟ ทางภาคกลางของยูเครน และยังเป็นเมืองบ้านเกิดของประธานาธิบดีเซเลนสกี เปิดเผยว่า เมืองถูกกองทัพรัสเซียโจมตีด้วยจรวดร่อนอย่างน้อย 2 ระลอก จรวดยิงถล่มอ่างเก็บน้ำคาราชูนอฟในตัวเมืองจนได้รับความเสียหายหนัก เกิดน้ำท่วมเป็นวงกว้าง บ้านเรือนได้รับความเสียหายหลักร้อยหลัง แต่เคราะห์ดีทางการสั่งอพยพอย่างเร่งด่วน ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต พร้อมยิงถล่มโรงงานอุตสาหกรรมได้รับความเสียหายหนัก ยังไม่ชัดเจนว่าการโจมตีพื้นที่อุตสาหกรรมมีผู้เสียชีวิตหรือไม่
นอกจากนี้ ในค่ำคืนที่ผ่านมาหลังกำหนดการเยือน เมืองอิซยูม รถยนต์ประจำตำแหน่งประธานาธิบดียูเครนเกิดประสบอุบัติเหตุภายในกรุงเคียฟ ถูกรถยนต์ส่วนตัวชาวบ้านชน แพทย์ประจำตัวระบุว่า นายเซเลนสกี ไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงและติดต่อรถพยาบาลช่วยเหลือคนขับรถคู่กรณีก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาล ขณะที่หน่วยงานความมั่นคงยูเครนระบุว่า จะเปิดการสอบสวนเหตุการณ์ครั้งนี้ว่าเป็นเพียงอุบัติเหตุหรือไม่
วันเดียวกัน นายโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ให้สัมภาษณ์หลังโทรศัพท์หารือกับนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เป็นเวลา 90 นาที โดยระบุว่า นายปูตินเชื่อว่าปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครนเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ขณะที่รัฐบาลเยอรมนีประกาศส่งรถถังต่อต้านอากาศยานรุ่นเกปาร์ดให้กองทัพยูเครนเพิ่ม 4 คัน นางเออร์ซูลา ฟอน เดอ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เดินทางเยือนกรุงเคียฟและเข้าพบนายเซเลนสกี พร้อมประกาศว่า นายปูตินจะต้องล้มเหลว ยุโรปจะต้องชนะ ส่วนนายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวหลังหารือทางโทรศัพท์กับนายปูตินว่า หนทางที่จะเกิดสันติภาพยังคงน้อยนิด.
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 16 ก.ย.65
Link : https://www.thairath.co.th/news/foreign/2501795