ครบรอบ 50 ปี เหตุการณ์เทือนขวัญ มหกรรมกีฬาโอลิมปิกมิวนิค กลุ่มก่อการร้าย “Black September” ได้สังหาร นักกีฬาและเจ้าหน้าที่อิสราเอลเสียชีวิตไปถึง 11 ราย

Loading

  ย้อนกลับไป เมื่อ 50 ปีที่แล้ว ที่มิวนิค เยอรมนี เกิดเหตุที่โศกนาฏรรมครั้งร้ายแรงครั้งหนึ่งของโลก จนกลายเป็นภาพเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ เมื่อมี คนร้ายชาวปาเลสไตน์ บุกเข้าไปหมู่บ้านนักกีฬาโอลิมปิก 1972 ที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี แล้วจับนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมอิสราเอล 11 คนไว้เป็นตัวประกัน ช่วงเช้ามืดของวันที่ 5 กันยายน พ.ศ.2515 ( ค.ศ.1972) ภายหลังมีการเปิดเผยว่า กลุ่มคนร้ายชาวปาเลสไตน์ คือกลุ่ม Black September ซึ่งเพิ่งก่อตั้งขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1970 – 1971 ก่อนที่จะมีการจัดโอลิมปิก 1972 ไม่นาน โดยในการก่อการร้ายครั้งนั้นมีทั้งสิ้นจำนวน 8 คน จุดมุ่งหมายของการก่อการร้ายครั้งนั้น คือ การเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์ในประเทศอิสราเอลจำนวน 234 คน อีกทั้ง ยังเรียกร้องให้ ปล่อยตัวผู้ก่อตั้งกลุ่มแยกกองทัพแดง (German Red Army Faction) พวกเขาจึงจะยอมปล่อยตัวประกันทั้งหมด ซึ่ง ณ เวลานั้นในช่วงแรก…

ลืมเด็กในรถ อุทาหรณ์พ่อแม่ ที่มีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ และป้องกันได้

Loading

ลืมเด็กในรถ หรือ โรคลืมลูก คำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ ที่ทำให้พ่อแม่ทิ้งเด็กไว้ในรถ หลายคนคงเห็นข่าวที่ผู้ใหญ่ ลืมเด็กในรถ จนเกิดเป็นเหตุสลด เนื่องจากเด็กเสียชีวิตกันมาไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นญาติ หรือแม้กระทั่งพ่อแม่เอง และล่าสุด คนขับรถโรงเรียน ลืมเด็กหญิงวัย 7 ปี ไว้ในรถตู้รับส่งจนเสียชีวิตตามที่เป็นข่าว แน่นอนว่าหลายคนย่อมสงสัย ว่าทำไมขนาดมีอุทาหรณ์มากมายขนาดนี้ ก็ยังมีข่าวผู้ใหญ่ลืมเด็กในรถจนเด็กเสียชีวิตมาให้เห็นเรื่อย ๆ แทบจะทุกปี ผู้เขียนเองก็สงสัยเช่นกัน จนกระทั่งเรื่องนี้เกิดขึ้นกับคนที่รู้จัก จากประสบการณ์คุณแม่ลืมลูก เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ของคนรู้จักของผู้เขียนเอง โดยขอสงวนชื่อและนามสกุล เธอเป็นคุณแม่ของลูกสาววัย 2 ขวบครึ่ง ยังไม่เข้าโรงเรียน เธอจึงนำลูกสาวไปฝากไว้กับคุณยาย หรือแม่ของเธอ ส่วนตัวเองก็ทำงานในเมือง อาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง แล้ววันหนึ่งช่วงสุดสัปดาห์ เธอเกิดคิดถึงลูกขึ้นมา จึงขับรถไปหาลูกที่บ้านของแม่ และตัดสินใจพาลูกกลับมาค้างด้วยที่คอนโดฯ ของเธอ เรื่องก็เริ่มจากตรงนี้ เธอให้ลูกนั่งคาร์ซีตที่เบาะหลัง แล้วก็ขับรถมาจนถึงคอนโดฯ บนลานจอดรถชั้นประจำ เมื่อรถจอดสนิท สิ่งที่เธอทำคือคว้ากระเป๋า กุญแจรถ แล้วออกจากรถปิดประตู เดินขึ้นคอนโดฯไปเลย โดยลืมลูกสาวของเธอเอาไว้ในรถ แต่โชคยังดี ที่จุดจอดรถของเธอนั้นอยู่ในตัวอาคาร และใกล้กับทางเข้าคอนโดฯ มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งสังเกตเห็นเด็ก จึงนำทะเบียนรถของเธอไปเช็กกับนิติบุคคลประจำอาคาร…

เตรียมรับมือ อีก 4 ปี “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” จะกลับมาอีกครั้งพร้อม “AI” อัจฉริยะ

Loading

  บริษัทวิจัยได้คาดการณ์ไว้ว่า ในอีก 4 ปีข้างหน้า เทคโนโลยี AI จะเข้ามาแทนพนักงานคอลเซ็นเตอร์ และไม่ต้องใช้มนุษย์อีกต่อไป แต่เรื่องที่น่าคิดต่อไปคือ เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้มิจฉาชีพหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทำงานได้ง่ายขึ้นหรือเปล่า เพราะ AI อาจมีความน่าเชื่อถือกว่ามนุษย์ Gartner ซึ่งอยู่ในวงการเทคโนโลยีได้คาดการณ์ว่า ระบบคอลเซ็นเตอร์จะกลายเป็นแบบอัตโนมัติและไม่มีพนักงานรับสายอีกต่อไป ภายในปี 2026 นี้ และถูก AI มาทดแทน จริงๆ แล้วเราเคยได้สัมผัสหรือได้ใช้งาน ‘Conversation AI’ หรือ การสนทนาแบบอัตโนมัติกันบ้างแล้ว เช่น การให้บริการธนาคาร , เครือข่ายโทรศัพท์ ไม่ว่าจะเป็นการสนทนาแบบเสียง , แชทบอท ที่เราคุ้นเคยกันมาบ้างแล้ว เช่น กด 1 , ​กด 2 เพื่อเข้าเมนูต่างๆ หรือการแชทสนทนาอัตโนมัติในการแจ้งปัญหาต่างๆในแอปพลิเคชัน ซึ่งเห็นได้ว่าบางบริษัทสามารถใช้คอลเซ็นเตอร์แบบอัตโนมัติได้และสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้เกือบทั้งหมดแล้ว ปัจจุบันในประเทศไทยก็เกิดความวุ่นวายกับการก่อกวนจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการหลอกว่า เครือข่ายมือถือจะถูกตัดการใช้งาน , มีพัสดุค้างชำระ หรืออื่นๆอีกมากมาย ซึ่งเราอาจไม่เชื่อคอลเซ็นเตอร์พวกนี้เพราะ น้ำเสียง ,…

กลุ่มแฮ็กเกอร์ BlackCat ยอมรับป่วนบริษัทพลังงานในอิตาลี รัฐบาลเชื่อเป็นแผนของรัสเซีย

Loading

  BlackCat (หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ALPHV) กลุ่มแฮ็กเกอร์ที่อาจมีความเชื่อมโยงกับรัสเซียออกมาอ้างว่าอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่ (Ransomware) ต่อภาคพลังงานของอิตาลี บนเว็บไซต์แห่งหนึ่งในดาร์กเว็บ   ทางกลุ่มระบุว่าได้ขโมยข้อมูลความจุมากถึง 700 กิกะไบต์ไปจากโครงข่ายของ GSE บริษัทด้านพลังงานที่รัฐบาลอิตาลีถือหุ้นอยู่ และขู่ว่าจะเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดหากไม่จ่ายเงินค่าไถ่ ในโพสต์ยังมีภาพของเอกสารภายในของ GSE ด้วย   มัลแวร์เรียกค่าไถ่ทำงานโดยการเข้าล็อกไฟล์ข้อมูลที่อยู่ในอุปกรณ์ไอทีของเหยื่อให้ใช้งานไม่ได้ โดยหากจะปลดล็อกไฟล์ จะต้องทำตามข้อเรียกร้องของแฮ็กเกอร์ ส่วนใหญ่มักจะเป็นการเรียกร้องเงินค่าไถ่ที่จ่ายเป็นคริปโทเคอเรนซี   การโจมตีด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่ในบางกรณีก็ทำเพื่อสร้างความเสียหายต่อระบบโครงสร้างพื้นฐาน โดยการเข้าไปล็อกไฟล์ระบบที่มีส่วนสำคัญในการควบคุมระบบโครงสร้างพื้นฐานในเชิงกายภาพ อาทิ ระบบจ่ายไฟฟ้า และ ประปา   เป้าหมายของ BlackCat ส่วนใหญ่เป็นบริษัทเอกชนในหลายภาค ตั้งแต่บริษัทกฎหมาย พลังงาน ผู้รับเหมาก่อสร้าง ไปจนถึงสตูดิโอพัฒนาเกม   สำหรับกรณีของ GSE ทางบริษัทออกมายืนยันก่อนหน้านี้ว่าเกิดเหตุโจมตีขึ้นจริง ซึ่งทำให้ต้องปิดการใช้งานระบบไอทีบางระบบลงชั่วคราว   นอกจากนี้ Eni SpA บริษัทด้านพลังงานยักษ์ใหญ่อีกรายของอิตาลีก็ออกมาระบุว่า ระบบคอมพิวเตอร์ถูกแฮ็กเช่นกัน แต่ผลกระทบอยู่ในระดับที่ต่ำ โดยยังไม่มีผู้ออกมาแสดงความรับผิดชอบในกรณีนี้   รัฐบาลอิตาลีเชื่อว่าเหตุโจมตีครั้งนี้เป็นแผนการของรัฐบาลรัสเซีย   ลุยจิ…

ระทึก! รอง ปธน.อาร์เจนตินาเฉียดตายจากลอบสังหาร เหตุปืนขัดลำกล้อง

Loading

Argentina Cristina Fernandez   รองประธานาธิบดีอาร์เจนตินา คริสตินา เฟอร์นันเดส รอดหวุดหวิดจากแผนลอบสังหาร ใกล้บ้านพักของเธอในอาร์เจนตินา หลังจากปืนของชายผู้ก่อเหตุมีปัญหา ตามรายงานของเอพี   คลิปวิดีโอเหตุการณ์ในระหว่างที่ คริสตินา เฟอร์นันเดส รองประธานาธิบดีอาร์เจนตินา วัย 69 ปี ก้าวลงจากรถด้านหน้าอพาร์ตเมนต์ และเริ่มจับมือทักทายผู้ที่มาแสดงความยินดีกับเธอ ชายผู้หนึ่งพุ่งตรงมาที่เธอพร้อมกับปืน ที่จ่ออยู่ในระยะไม่กี่นิ้วจากใบหน้าของเธอ ก่อนจะลั่นไกที่ไร้เสียงปืน เนื่องจากปืนขัดลำกล้อง     วินาทีที่ คริสตินา เฟอร์นันเดส รองประธานาธิบดีอาร์เจนตินา วัย 69 ปี เผชิญหน้ากับชายผู้หนึ่งที่ใช้ปืนจ่ออยู่ในระยะไม่กี่นิ้วจากใบหน้าของเธอ ก่อนจะลั่นไกที่ไร้เสียงปืน เนื่องจากปืนขัดลำกล้อง   ทีมรักษาความปลอดภัยของเฟอร์นันเดสจะเข้ารวบตัวชายผู้ก่อเหตุ ทราบชื่อคือ เฟอร์นันโด อันเดร ซาบัก มอนตีล วัย 35 ปี เป็นชาวบราซิลที่มีอาชีพคนขายของข้างทางและอาศัยอยู่ในอาร์เจนตินามาตั้งแต่ปี 1998 โดยไม่มีประวัติอาชญากรรมมาก่อน ตามการเปิดเผยของทางการอาร์เจนตินา ด้านอดีตผู้นำหญิงอาร์เจนตินารายนี้ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด   ความพยายามลอบสังหารที่ล้มเหลวในค่ำวันพฤหัสบดีนี้ กลายเป็นเรื่องสะเทือนขวัญทั้งประเทศ…

Samsung เผยมีการเจาะข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าครั้งใหญ่เมื่อเดือนกรกฎาคม

Loading

  Samsung บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้ ออกโรงเตือนลูกค้าเกี่ยวกับเหตุโจมตีทางไซเบอร์เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่า เกิดจากการที่บุคคลภายนอกเข้ามาดูดข้อมูลจากระบบโครงข่ายของบริษัทในสหรัฐอเมริกาโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ก่อเหตุได้ข้อมูลสำคัญของลูกค้าไปเป็นจำนวนมาก รวมถึง ชื่อ วันเกิด ข้อมูลการติดต่อ และข้อมูลการลงทะเบียนผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ Samsung เพิ่งจะพบว่ามีเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา และอยู่ระหว่างการสืบสวนร่วมกับบริษัทด้านไซเบอร์รายใหญ่ แต่ได้ส่งอีเมลไปให้ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบโดยตรงแล้ว Samsung เผยว่า ลูกค้าแต่ละรายได้รับผลกระทบที่แตกต่างกัน แต่ก็ย้ำว่าไม่มีการรั่วไหลของเลข Social Security ของผู้ใช้งานในสหรัฐฯ (คล้ายเลขบัตรประชาชนหรือบัตรประจำตัวผู้เสียภาษี) และเลขบัตรเดบิต/เครดิตแน่นอน ทางบริษัทระบุว่าลูกค้าที่ได้รับผลกระทบไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนรหัสผ่านหรือเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยของบัญชี เนื่องจากการเจาะข้อมูลที่เกิดขึ้นไม่ได้กระทบตต่ออุปกรณ์ของผู้ใช้ แต่เป็นการโจมตีระบบของ Samsung โดยตรง อย่างไรก็ดี ข้อมูลที่แฮกเกอร์ได้ออกไปก็สามารถนำไปใช้ในการหลอกเอาเงินหรือข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้เสียหายได้ อย่างการใช้อีเมลในการส่งอีเมลปลอมเพื่อหลอกถามรายละเอียดทางการเงินเพิ่มเติม Samsung ขอให้ลูกค้าคอยระวังความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นต่อบัญชีผู้ใช้ รวมถึงอีเมลแปลก ๆ ที่อาจส่งมาด้วย ที่มา The Verge พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส     ที่มา : beartai   /   วันที่เผยแพร่…