Meta โดนคดีเรื่องเก็บข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้เฟซบุ๊กโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกครั้ง และครั้งนี้เป็นเรื่องของการติดตามที่ฝังอยู่ในแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก ซึ่งคดีนี้ทางบริษัทได้ยอมจ่ายเงินกว่า 37.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
สมาร์ทโฟนและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ได้กลายเป็นประเด็นอีกครั้งเนื่องจาก Meta ได้ถูกฟ้องในคดีที่ติดตามผู้ใช้โดยแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก ซึ่งผู้ใช้สังเกตได้ว่าเมื่อล็อกอินออกจากเฟซบุ๊ก แต่การติดตามตำแหน่งยังคงมีอยู่ ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่าเฟซบุ๊กกำลังเก็บข้อมูลและตำแหน่งของผู้ใช้อยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นการล่วงละเมิดข้อมูลส่วนตัวที่ในสหรัฐอเมริกายอมรับไม่ได้
มีหลายแนวคิดที่เข้ามาถกเถียงกันว่า เฟซบุ๊กนั้นเก็บข้อมูลตำแหน่งจาก IP Address ซึ่งจะเป็นตัวเลขที่รันอยู่บนอินเทอร์เน็ต และสามารถระบุตำแหน่งได้
ก่อนหน้านี้ในเดือนมิถุนายน 2018 Facebook และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Mark Zuckerberg บอกกับรัฐสภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาว่า ใช้ข้อมูลตำแหน่ง “เพื่อช่วยให้ผู้โฆษณาเข้าถึงผู้คนในพื้นที่เฉพาะ” แต่ด้วยเหตุผลนี้ก็ยังถือว่าผิดกฎหมายในการล้วงข้อมูลส่วนตัวอยู่ดี
ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้ที่รับประทานอาหารในร้านอาหารบางแห่งอาจได้รับโพสต์จากเพื่อนที่ทานอาหารที่นั่นด้วย หรือโฆษณาจากธุรกิจที่ต้องการให้บริการในบริเวณใกล้เคียง
เฟซบุ๊กสามารถรู้ที่อยู่เราได้จากอะไรบ้าง?
ตำแหน่ง (Location)
ซึ่งเฟซบุ๊กมักจะบังคับเปิดเมื่อคุณต้องการจะแท็กสถานที่หรือทำการเช็กอิน ซึ่งจะจับตำแหน่งจาก GPS ของโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตของคุณ รวมถึงตำแหน่ง Wi-Fi และเครือข่ายมือถือด้วย
ที่อยู่ IP (อินเทอร์เน็ต)
ด้วยตัวเลขของอินเทอร์เน็ต สามารถระบุตำแหน่งได้คร่าวๆ บางครั้งสามารถรู้รหัสไปรษณีย์ และได้รับการยืนยันแล้วว่าเฟซบุ๊กสามารถประเมินตำแหน่งของคุณโดยใช้ IP ของคุณ แม้ว่าคุณจะปิดโลเคชั่นหรือการติดตามตำแหน่งก็ตาม
กิจกรรมของผู้ใช้
โดยเฟซบุ๊กมีตัวเลือกให้แท็กสถานที่ และเมื่อโพสต์หรือไม่ว่าจะเป็นการลงขายสินค้า หรือแท็กเพื่อนๆที่อยู่ด้วย เฟซบุ๊กจะทำการเชื่อมโยงตำแหน่งและทำให้รู้ที่อยู่ของคุณและเพื่อนๆได้ชัดเจนขึ้นไปอีก
ที่มา : Choice
ข้อมูลเหล่านี้ทำให้เราทราบได้ว่า เราไม่สามารถปิดกั้นให้เฟซบุ๊กรู้ตำแหน่งเราไม่ได้ เนื่องจากเราต้องใช้อินเทอร์เน็ตในการท่องโซเชียลมีเดีย รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ก็ถูกบีบบังคับให้เปิดโลเคชั่น ไม่ว่าจะเป็นการแท็กสถานที่ , แท็กเพื่อนๆ หรือแม้กระทั่งการลงขายสินค้าก็ต้องเปิดโลเคชั่นเพื่อระบุตำแหน่งด้วย และทั้งหมดนี้เพื่อการโฆษณาได้อย่างตรงจุดและตรงกลุ่มเป้าหมายของเฟซบุ๊ก
ผู้เขียนเชื่อว่า เฟซบุ๊กหรือเมตานั้นสามารถยอมจ่ายให้กับคดีนี้ได้ เนื่องจากรายได้จากโฆษณาของเฟซบุ๊กนั้นมีมูลค่ามหาศาล และหากเฟซบุ๊กปิดการติดตามตำแหน่ง โฆษณาเหล่านั้นจะลดประสิทธิภาพซึ่งลูกค้าที่ใช้งานโฆษณาของเฟซบุ๊กจะต้องไม่พอใจอย่างแน่นอน
ที่มา : springnews / วันที่เผยแพร่ 1 ก.ย.65
Link : https://www.springnews.co.th/digital-tech/technology/829230