ผู้เขียนจะเล่าถึงพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.๒๕๖๕ ที่เพิ่งประกาศใช้เป็นกฎหมายเมื่อกลางเดือนตุลาคม 2565 โดยมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมให้การทำงานและการให้บริการของภาครัฐ สามารถใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก
ปัญหาและที่มา
ปัญหาก่อนหน้านี้ คือ กฎหมายที่มีอยู่หลายฉบับกำหนดให้การปฏิบัติราชการหรือการติดต่อกับประชาชนต้องใช้สำเนาหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร หรือจำกัดวิธีหรือรูปแบบในการติดต่อราชการเฉพาะการติดต่อด้วยตัวบุคคล ณ สถานที่ทำการ หรือนำส่งเอกสารต่าง ๆ ทางไปรษณีย์
อันเป็นผลให้หน่วยงานของรัฐไม่สามารถนำวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการปฏิบัติราชการได้อย่างเต็มรูปแบบ (ซึ่งที่ผ่านมาบางหน่วยงานที่ไม่มีข้อติดขัดทางกฎหมาย และข้อจำกัดทางงบประมาณได้มีการนำวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์มาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติราชการแล้วบ้าง)
ดังนั้น ที่มาของ พ.ร.บ. ปฏิบัติราชการอิเล็กทรอนิกส์ คือ การตรากฎหมายกลางเพื่อแก้ปัญหาข้อจำกัดทางกฎหมายที่เป็นอุปสรรคของแต่ละหน่วยงาน เพื่อให้การดำเนินการทางอิเล็กทรอนิกส์มีผลสมบูรณ์ในทางกฎหมาย
ใช้กับทุกหน่วยราชการหรือไม่?
คำตอบ คือ “ไม่” โดย พ.ร.บ. ปฏิบัติราชการอิเล็กทรอนิกส์จะใช้กับหน่วยงานของรัฐทุกหน่วยงาน ยกเว้น
(๑) รัฐวิสาหกิจที่เป็นบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด (๒) หน่วยงานของรัฐในฝ่ายนิติบัญญัติ (๓) หน่วยงานของรัฐในฝ่ายตุลาการ (๔) องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ (๕) องค์กรอัยการ และ (๖) หน่วยงานอื่นของรัฐที่กำหนดในกฎกระทรวง
อย่างไรก็ดี พ.ร.บ. ปฏิบัติราชการอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ได้กำหนดห้ามการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงานที่ได้รับการยกเว้น เช่น หน่วยงานฝ่ายตุลาการก็สามารถออกข้อกำหนดของศาลว่าด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ของตนเองได้
และหากประสงค์จะอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายฉบับนี้ ไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน ก็สามารถเสนอให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกาได้ (ม. ๔ วรรคสอง)
ทั้งนี้ สำหรับหน่วยงานที่อยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายฉบับนี้ เช่น ราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น จะต้องใช้ พ.ร.บ. ปฏิบัติราชการอิเล็กทรอนิกส์กับทุกหน่วยในหน่วยงาน โดยไม่อาจเลือกปฏิบัติเพียงบางส่วนของกฎหมาย หรือให้มีผลใช้บังคับเฉพาะเพียงบางหน่วยในหน่วยงานได้
ประชาชนใช้วิธีการอิเล็กทรอนิกส์ในกระบวนการใดได้บ้าง?
พ.ร.บ. ปฏิบัติราชการอิเล็กทรอนิกส์กำหนดให้ประชาชนสามารถยื่นคำขอ จ่ายเงิน หรือติดต่อราชการโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้โดยให้ถือว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมาย และเจ้าหน้าที่ของรัฐจะปฏิเสธไม่รับคำขอนั้นเพียงเพราะเหตุที่ผู้ขออนุญาตใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ไม่ได้ (เว้นแต่เป็นเรื่องที่เป็นการดำเนินการเฉพาะตัว ดังที่จะกล่าวในหัวข้อถัดไป)
ประชาชนยื่นคำขอโดยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์ได้ทุกเรื่องหรือไม่?
คำตอบ คือ “ไม่ทุกเรื่อง” กล่าวคือ ในหลักการทั่วไป เรื่องใดก็ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องขออนุญาต ผู้ขออนุญาตสามารถเลือกยื่นคำขอ รวมถึงส่งเอกสารหลักฐานประกอบคำขอโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้
โดยมีข้อยกเว้นว่า พ.ร.บ. ปฏิบัติราชการอิเล็กทรอนิกส์ จะไม่ใช้กับการขออนุญาตที่ผู้ยื่นคำขอจะต้อง “ดำเนินการเป็นการเฉพาะตัว” เช่น การสมรส การหย่า การรับบุตรบุญธรรม การขอมีบัตรประจำตัวประชาชน และการขอออกหนังสือเดินทาง เป็นต้น
เมื่อหน่วยงานรัฐประสงค์จะตรวจสอบความถูกต้องของบัตรประชาชนต้องทำอย่างไร?
ในกรณีที่หน่วยงานรัฐ (ผู้อนุญาต) ประสงค์จะตรวจสอบความถูกต้องของบัตรประจำตัวประชาชนที่ประชาชนได้ยื่นประกอบการขออนุญาต ให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐ หรือ ผู้อนุญาต ในการตรวจสอบความถูกต้อง
โดยให้ติดต่อกับสำนักทะเบียนกลางตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรเพื่อดำเนินการตรวจสอบ และให้เป็นหน้าที่ของนายทะเบียนประจำสำนักทะเบียนกลางที่จะตรวจสอบและแจ้งผล ทั้งนี้ ให้กระทำโดยพลันผ่านวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
ประชาชนสามารถแสดงใบอนุญาตแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้หรือไม่?
“ได้” หากเอกสารประเภทนั้นไม่ได้ถูกประกาศกำหนดในกฎกระทรวงให้ต้องแสดงตัวจริงเท่านั้น
ดังนั้น ในหลักการ กฎหมายกำหนดให้ประชาชนที่ต้องแสดงใบอนุญาตหรือเอกสารหลักฐานต่าง ๆ สามารถแสดงเป็นภาพทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์อื่นก็ได้ (เช่น การแสดงภาพใบอนุญาตที่ถ่ายเก็บไว้ในอุปกรณ์สื่อสาร)
หรือในกรณีที่เป็นผู้ประกอบการที่ต้องปิดใบอนุญาตไว้ในที่เปิดเผยตามข้อกำหนดของกฎหมาย ก็สามารถแสดงใบอนุญาตนั้นโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ ทั้งนี้ อาจต้องพิจารณาข้อกำหนดในการปิดใบอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงานที่ให้ใบอนุญาตประกอบด้วย
ในทางกลับกัน หน่วยงานของรัฐผู้อนุญาต ย่อมมีหน้าที่เปิดเผยข้อมูลการอนุญาตที่เป็นปัจจุบันให้ประชาชนสามารถตรวจสอบผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ได้โดยสะดวกและไม่เสียค่าใช้จ่ายด้วยเช่นกัน
การติดต่อหรือยื่นคำขอทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ถือเอาวันและเวลาราชการใด?
หากประชาชนได้ส่งคำขอหรือติดต่อทางอิเล็กทรอนิกส์ถึงหน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้อง ให้ถือว่าหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้นได้รับข้อความดังกล่าวตามวันและเวลาที่คำขออนุญาตหรือการติดต่อนั้นได้เข้าสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงานของรัฐหรือของเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้น เว้นแต่ หากเป็นการส่งนอกเวลาราชการ หรือนอกเวลาทำการของหน่วนงานดังกล่าว ให้ถือว่าหน่วยงานของรัฐได้รับข้อความอิเล็กทรอนิกส์นั้น ในวันและเวลาทำการถัดไป
ใช้บังคับเมื่อไร?
การบังคับใช้จะแบ่งเป็นสองกลุ่ม กล่าวคือ
1) กลุ่มที่มีผลใช้บังคับทันที ได้แก่ (1) มาตรา 12 เรื่อง การพิจารณาอนุญาต (2) มาตรา 15 วรรคสอง เรื่อง การติดต่อ หรือส่งเรื่องถึงกันในระหว่างหน่วยงานของรัฐด้วยกัน (3) มาตรา 19 เรื่องการจัดทำกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ และ (4) มาตรา 22 เรื่องการเร่งรัดให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐประกาศกำหนดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับประชาชนในการติดต่อราชการ
2) กลุ่มที่ให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 ม.ค. 2566 ได้แก่ มาตราอื่น ๆ นอกจากที่กล่าวมาข้างต้น
ท้ายที่สุด ที่ผู้เขียนเล่ามาทั้งหมดเป็นเพียงส่วนหนึ่งของหลักการภายใต้ พ.ร.บ. ปฏิบัติราชการอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งกฎหมายฉบับดังกล่าวปัจจุบันมีผลใช้บังคับเพียงบางส่วน เนื่องจากอยู่ระหว่างการเตรียมการของหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดรายละเอียดในส่วนต่าง ๆ ให้ครบถ้วนสมบูรณ์
ดังนั้น ผู้ศึกษาเรื่องดังกล่าวควรติดตามเนื้อหาของกฎหมายลำดับรอง รวมถึงประกาศของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องในส่วนที่เกี่ยวกับการนำกระบวนทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ปฏิบัติราชการและบริการประชาชนต่อไป.
คอลัมน์ Legal Vision : นิติทัศน์ 4.0
ดร.สุมาพร (ศรีสุนทร) มานะสันต์
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
กระทรวงการคลัง
—————————————————————————————————————————————————–
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 27 ต.ค. 65
Link : https://www.bangkokbiznews.com/tech/gadget/1034435